May 19, 2024   5:35:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 26/02/2007 @ 10:52:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันศุกร์ที่ 23 ก.พ. ปิดที่ 690.76จุด -2.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,082 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 733.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 201.40ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่531.64 ล้านบาท วอลุ่มเหือดหายแม้จะมีแรงซื้อหุ้นน้ำมันพยุงตลาดแต่หุ้นกลุ่มอื่นก็ไม่ค่อยมีแรงซื้อขาย ตลาดจึงยังคงเงียบเหงาต่อเนื่อง (K.KRAZIP ก็คาดเดาไม่ได้ว่าจะเงียบต่อไปอีกนานแค่ไหน) ดัชนีก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ เป็นบวกสลับลบโดยขึ้นลงไม่รุนแรง สลับกับการมีแรงซื้อขายเก็งกำไรหุ้นเล็กรายตัวเดิม ๆ มาเป็นระยะ ๆ โดยดัชนี High ที่ 695.63จุด +2.02 จุด พอหลังตลาดเปิดซื้อขายรอบบ่ายแรงซื้ออ่อนลงทำให้ดัชนีหลุดกรอบดิ่งลงสู่ระดับ Low ที่ดัชนี 688.37 จุด -5.24 จุด ปัจจัยลบในด้านของข่าวที่ต้องเฝ้าติดตามในเรื่องสัมปทานของภาครัฐที่ให้กับเอกชน ในด้านสัมปทานดาวเทียมยังรอสรุปเรื่องไปอีก 3 เดือน และเรื่องสัมปทาน โทรคมนาคม TOT ก็เตรียมฟ้องคดีอาญา กทช.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนอาจถึงขั้นถูกเอกชนยกเลิกสัญญาสัมปทานได้ ด้านเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้ ภาคเอกชน 3 จังหวัดชายแดนหนุนประกาศเคอร์ฟิวในเขตเมืองเพื่อสกัดการก่อเหตุร้าย ส่วนปัจจัยบวกใหม่ยังคงเป็นความหวังที่ยังมองเห็นไม่ค่อยชัด (ไม่อยากใช้คำว่าริบหรี่) ที่ต่างยังต้องเฝ้ารอต่อไป
ASP ราคาเปิด 2.94 บาท ราคาปิด 2.88 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.338 ล้านบาท ประกาศผลประกอบการ4Q06 มีกำไรสุทธิ 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.6% YoY จากกำไรการซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนแบ่งตลาดและมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 22.6%QoQ ในด้านรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้รับประกันการจำหน่ายหุ้น BROCK, ETG และ DEMCO ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 19%QoQ นอกจากนี้แล้วใน 1Q07ยังมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นมาก โดยมีกำไร 47 ล้านบาท จาก4Q06ที่มีผลขาดทุน 0.9 ล้านบาท นอกจากนี้รายได้จากเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.2%QoQ ด้าน ส่วนค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ก็เพิ่มขึ้น 14.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ด้านประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 อยู่ที่ 439 ล้านบาท จากการคาดณ์การมูลค่าการซื้อขายฟื้นตัวขึ้นจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ
ASP ปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ASP นั้นยังเป็นหุ้นที่มีระดับเงินปันผลที่น่าสนใจลงทุน K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 2.80 บาท แนวต้าน 3 บาท
SPALI ราคาเปิด 3.60 บาท ราคาปิด 3.54 บาท มูลค่าการซื้อขาย 15.5 ล้านบาท SPALI มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/49 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%
QoQ แต่ลดลง 53% YoY เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรลดลงอย่างมีนัยเป็นผลมาจากภาระภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากการโอนกรรมสิทธิของโครงการแนวสูง ซึ่งได้ทยอยรับรู้รายได้ตามสัดส่วนของงานที่เสร็จ แต่ยังไม่มีการเสียภาษีจนกว่าจะมีการโอนเกิดขึ้นจริง ส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม SPALI ทำยอดขายรวมในปี 49 ได้ 8.5 พันล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนใหญ่มาจากโครงการคอนโดฯ ซึ่งคิดเป็น 63% ของยอดขายที่ทำสัญญาแล้วทั้งหมด นอกจากนี้ SPALI มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 6 ? 8 โครงการในปี 50 และได้ซื้อที่ดินแล้วสำหรับ 6 โครงการที่รอเปิดตัวในปีนี้ โดยมี 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าโครงการ และคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 49 ประมาณ 0.25 ? 0.30 บาท/หุ้น K.KRAZIP เห็นว่าบริษัทฯ มีจุดแข็งที่มี backlog สูงและมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมา โดยตลอด แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ 3.52 บาท
แนวต้าน 3.68 บาท
TIPCO ราคาเปิด 7.50 บาท ราคาปิด 7.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.71 ล้านบาท ผลการดำเนินงานปี 2549 ออกมามีกำไรสุทธิ 398 ล้านบาท เติบโต 21% YoY หากไม่รวมรายได้พิเศษจะมีกำไรปกติ 317 ล้านบาท ลดลง 19% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นมากถึง 19% เป็น 905 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 88% เป็น 80 ล้านบาท และเริ่มมีการจ่ายภาษีมากขึ้นหลังจากที่โรงงานผลิตสับปะรดกระป๋องหมดสิทธิทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุน เนื่องจากการบริหารจัดการวัตถุดิบและการจำหน่ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่วนแบ่งผลกำไรจาก TASCO ที่ดีขึ้น 74% เป็น 86 ล้านบาท คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2550 จะดีขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากส่วนแบ่งผลกำไรจาก TASCO ที่จะดีขึ้นเป็น 101 ล้านบาท
และผลกำไรที่จะเริ่มรับรู้จากโรงงานใหม่ที่คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้เต็มที่ในQ2/50
และ TIPCO จะจ่ายเงินปันผลระหว่างปีอีกหุ้นละ 0.15 บาท จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท (รวมเงินปันผลจ่ายทั้งปี หุ้นละ 0.35 บาทต่อหุ้น) ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 7.10 บาท แนวต้าน 7.55 บาท
KBANK ราคาเปิด 67 บาท ราคาปิด 66 บาท มูลค่าการซื้อขาย 220.45 ล้านบาท ผลการดำเนินงานประจำปี 2549 มีกำไร 13,600 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ถึงอย่างนั้น KBANK ยัง เป็นหุ้น Top pick อยู่ เนื่องจากป็นธนาคารที่มีจุดเด่นด้าน NIM ที่อยู่ในระดับสูงสุด แสดงถึงความสามารถในการบริหารอัตราดอกเบี้ยที่มีประสิทธิภาพ และจะได้รับผลกระทบไม่มาก ถึงแม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลง และ KBANK ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2549 อีก 1.25 บาท รวมกับครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้ว 0.50 บาท รวมเป็นจ่ายปันผลทั้งปีที่ระดับ 1.75 บาท ( ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เม.ย. 50
และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เม.ย. 50) K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 66 บาท แนวต้าน 68 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:abd5400b1a">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com