May 19, 2024   6:08:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เชียร์ซื้อให้รายใหญ่ออกของ เชียร์ขายให้รายใหญ่เก็บของ??????
 

Puttipong
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14
วันที่: 24/02/2007 @ 21:42:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน


 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 25/02/2007 @ 18:09:43 : re: เชียร์ซื้อให้รายใหญ่ออกของ เชียร์ขายให้รายใหญ่เก็บของ???
จริงหรือ - บางค่าย เชียร์ซื้อให้รายใหญ่ออกของ เชียร์ขายให้รายใหญ่เข้าเก็บ

ในเว็บบอร์ด เกี่ยวกับหุ้น หลายแห่ง ตั้งข้อสงสัยว่า นักวิเคราะห์บางค่าย เชียร์ซื้อให้รายใหญ่ออกของ เชียร์ขายให้รายใหญ่เข้าเก็บ นักวิเคราะห์แนะให้ซื้อ มันกลับลง พอแนะขาย มันกลับขึ้น แล้วมีการ ตั้งคำถามกัน อยู่บ่อยๆ ในเว็บบอร์ด ว่า นักวิเคราะห์คนไหนเก่งที่สุด?

ผมขอฟันธงเลยว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

การที่นักวิเคราะห์เชียร์ให้ซื้อแล้วลง เชียร์ให้ขาย แล้วขึ้น ไม่ใช่เพราะ เขาไม่มีความรู้ และ เครื่องมือในการทำงาน ที่ดีพอนะคับ ความรู้และเครื่องมือ ในการวิเคราะห์การลงทุนของเขา มากมายหลายหลาก แต่รายใหญ่ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ เจ้าของบริษัท เดี๋ยวนี้ เขามักจะเลือกคนเก่งกราฟ มาดูแลราคาหุ้น และใช้เครื่องมือเหล่านั้น มาหาประโยชน์ ส่วนตนอีกที ด้วยการไล่ราคาหุ้น จนกระทั่งกราฟ สั่งซื้อ (buy signal) แล้ววางขาย รินขาย ฝั่ง offer เมื่อกราฟ สั่งถือ แล้วทุบเปรี้ยงลงมาเลย เมื่อแรงเคาะซื้อเริ่มหมดแรง เพื่อให้กราฟ สั่งขาย เพื่อให้เขาได้ซื้อคืน ในราคาที่ต่ำกว่าเดิม ...... นี่คือความจริง ภาคสนามรบ

The Secret Has Been Revealed!

ถ้าท่านเป็นเจ้าของบริษัท อุตส่าห์ไล่ราคาขึ้นมาตั้งเยอะ แต่กลับโดนใครก็ไม่รู้ ที่มีหุ้นต้นทุนต่ำๆ ขายใส่ตลอดทาง ท่านเซ็งไหม ....... มันต้องใช้เงินมากขึ้นกว่าเดิมไหม ในการทำราคา หากพวก net settlement มาจับเสือมือเปล่า กินเงินท่าน ไปฟรีๆ ในแต่ละวัน .... ด้วยเหตุนี้ รายใหญ่ จึงมี ลาก มีกระชาก มีขายทิ้ง เป็นระยะๆ ไม่งั้น เงินหมดตัวแน่ กว่าราคาหุ้นจะถึงเป้าหมาย ที่ นาย สั่ง

Step A - เมื่อเขาต้องการซื้อหุ้น ในราคาถูก เขาจะไปเช็คกราฟ จากโปรแกรมของเขา เพื่อหาจุด cut loss และแนวรับ จากนั้น เขาจะสั่งมาร์เก็ตติ้ง อีกโบรกฯ หนึ่ง ให้ตั้ง bid ไว้ หลายๆราคา + สั่งมาร์เก็ตติ้งอีกโบรกฯ หนึ่ง ให้ตั้ง bid ที่แนวรับ + สั่งมาร์เก็ตติ้งอีกโบรกฯ หนึ่ง ให้ตั้ง bid รอ ในระดับราคาที่ต่ำกว่าจุด cut loss ..... จากนั้น เขาจะสั่งมาร์เก็ตติ้ง อีกโบรกฯหนึ่ง ให้ขายโครมลงมา ที่ฝั่ง bid (หุ้นไม่ได้หายไปไหน แค่เปลี่ยนไปอยู่ในมือของอีกโบรกฯหนึ่ง) ผลที่เกิดขึ้นคือ ผู้ถือหุ้นต้นทุนต่ำรายอื่น ก็จะทิ้งหุ้นลงมาด้วย ทำให้ bid ที่เขาสั่งตั้งไว้ที่แนวรับ ได้ของไปพอสมควร จากนั้น ก็สั่งขายหุ้นที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้นี้แหละ โครมลงมาอีกที เพื่อให้หลุดแนวรับ หรือ ให้ถึงจุดที่โปรแกรมจะต้องสั่งขาย .... เมื่อหลุดแนวรับ หรือ เมื่อถึงจุดที่โปรแกรมสั่งขาย คราวนี้ ราคาจะไหลรูดดิ่งลงมา อย่างรวดเร็ว ปริมาณหุ้นที่เขาตั้งซื้อในระดับราคาต่ำๆ จะได้รับคืนครบหมด ตามปริมาณที่เขาต้องการ หรือ อาจจะ blocked ราคาที่ฝั่ง offer ไปนานๆ จนกว่าจะได้ของครบ ระหว่างนี้ อาจมี ตบ มี ทุบ ด้วยก็ได้ หากของยังไม่ได้คืนอย่างที่ตั้งใจ ......แล้ว วันรุ่งขึ้น นักวิเคราะห์ทุกโบรกฯ ก็จะ recommend sell เองแหละ เพราะกราฟมันสั่งขาย (sell signal) อีกไม่นานเขาก็จะได้ของครบเลย บรรลุวัตถุประสงค์ .... นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ต้องใช้กลยุทธ์ Short Against Port ควบคู่ไปกับ การใช้ เทคนิค Trailing-Stop (เช่นเดียวกับการยก Trailing Stop ขึ้นไปเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ Let Profit Run)

Step B - พอได้ของครบ ก็ค่อยๆเคาะซื้อไล่ราคาขึ้น แบบไม่ให้ใครสังเกต ระหว่างนี้ กราฟยังไม่สั่งซื้อนะ คนในตลาดก็จะไม่ค่อยได้สังเกตเห็น ..... เมื่อได้ของพอประมาณแล้ว ก็จะปล่อยข่าวดีเป็นระยะๆ พร้อมสั่งให้อีกโบรกฯ วางขายหุ้นหนาๆ ที่ฝั่ง offer แล้วตัวเองก็สั่งอีกโบรกฯ ให้เคาะซื้อไล่ราคาขึ้นไป (หุ้นไม่ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ได้ใช้เงินมากขึ้น แค่เปลี่ยนหุ้นและเงินไปอยู่ในมือของอีกโบรกฯหนึ่ง) อีกไม่นาน มันก็ผ่านพ้นแนวต้านได้ โปรแกรมก็จะสั่งซื้อแล้ว คราวนี้ วันรุ่งขึ้น นักวิเคราะห์ก็จะออกมา recommend buy เพราะมันเกิดสัญญาณซื้อ (buy signal) ..... โธ่ ท่าน คนมา bid ซื้อเยอะๆในราคาสูงๆอย่างงี้ ตุนไว้ 30 ล้านหุ้น 50 ล้านหุ้น ไม่ขายตอนนี้จะไปขายตอนไหน .... แต่ ครั้นจะขายโครมลงมา กราฟจะเสีย ราคาจะเสีย อย่ากระนั้นเลย กราฟยัง สั่งถือ เราเลยต้องแอบๆขาย มีเคาะขวาสลับบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ ว่า ยังสั่งถือ .... จนเมื่อใด ที่แรงซื้อเริ่มเบา คราวนี้ล่ะ เขาจะรีบขายโครมลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่งั้น อีก 10 ล้านหุ้นที่เหลือ จะออกไม่ทัน (แต่เดี๋ยวก่อน ขอเก็บไว้สัก 2 ล้านหุ้นแล้วกัน ที่จะไม่ขาย จะเตรียมไว้ขาย ในวันหลัง โดยจะขายโครมลงมาจนหลุดแนวรับหลุดหลุ่ย เพื่อให้กราฟสั่งขาย ไม่งั้น เดี๋ยวจะไม่ได้ของคืนหากทุกคนยังเก็บหุ้นไว้ไม่ยอมปล่อย) ......แล้ววันรุ่งขึ้น นักวิเคราะห์ทุกโบรกฯ ก็จะดาหน้า มา recommend sell เองแหละ เพราะกราฟมันสั่งขาย อีกไม่นานเขาก็จะได้ของครบเลย บรรลุวัตถุประสงค์ ..... นาย ก็ happy เพราะสัดส่วนการถือหุ้นยังคงเดิม หุ้นยังอยู่ครบ แต่ฟันกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นเรียบร้อยไปแล้ว 40-80% (บางท่านอาจจะบอกว่า เขาได้กันที เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้ ไม่จริง เพราะ ส่วนหนึ่งของราคาที่ขึ้นไป เกิดจากการซื้อเอง ขายเองด้วย กำไรจากโบรกหนึ่ง แต่ไปขาดทุนในอีกโบรกฯหนึ่ง การคำนวณกำไรจึงไม่สามารถเอา high มาลบ low แล้วคูณด้วยจำนวนหุ้นได้)

แล้วหุ้นอินไซด์ล่ะ เสี่ยนั้นจะเล่นตัวนี้ เสี่ยนี้จะเล่นตัวนั้น ฯลฯ ราคาเท่านั้นเท่านี้

เสี่ยที่เทรดพันล้านตัวจริง เขายังไม่เชื่ออินไซด์เลยนะครับ แค่รับ มาพิจารณา

ถ้าท่านเป็นเจ้าของบริษัท อุตส่าห์ไล่ราคาขึ้นมาตั้งเยอะ แต่กลับโดนใครก็ไม่รู้ ที่มีหุ้นต้นทุนต่ำๆ ขายใส่ตลอดทาง ท่านเซ็งไหม ....... มันต้องใช้เงิน มากขึ้นกว่าเดิมไหมในการทำราคา หากพวก net settlement มาจับเสือมือเปล่า กินเงินท่าน ไปฟรีๆ ในแต่ละวัน

การปล่อยข่าวอินไซด์จะมีขึ้น เมื่อเขาเก็บของครบแล้วเท่านั้น และต้องการให้ มหาชน มาช่วย ยกราคา ขึ้น ตอนเขาเก็บ เขาไม่บอกหรอกครับ ขนาดคนที่นั่งคีย์ order ให้เขา ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะมาไม้ไหน เพราะตลอดทาง จะลากขึ้น ทุบลง เป็นระยะๆ เพื่อคอยไล่ พวกจับเสือมือเปล่า ให้ออกไป .... วิธีการก็เหมือนเดิม สั่งโบรกฯนึงซื้อ สั่งโบรกฯนึงขาย ไม่งั้น คนที่นั่งคีย์ order ให้ จะอ่านเกมออก เขาจะขาดทุนไปเปล่าประโยชน์ เห็นซื้อเยอะๆ อาจจะซื้อของตัวเองที่วางขายอยู่กับอีกโบรกฯนึงก็ได้ (เพื่อลวงให้คนอื่นเคาะซื้อตาม) เห็นโดนขายโครมลงมาเยอะๆ อาจจะกำลังตั้งรอซื้ออยู๋ที่อีกโบรกฯนึงก็ได้ (เพื่อหลอกให้กราฟ สั่งขาย)

เพราะเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างร่วมกัน ในการประกอบ การตัดสินใจลงทุน ..... หุ้นไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ ที่จะให้ใครมาสั่งซื้อสั่งขาย แล้วเรามานั่งรอรับตังค์สบายๆ โดยไม่ต้อง ทำการบ้านมาล่วงหน้า

สิ่งสำคัญที่สุดคือ กลยุทธ์การลงทุน ไม่ใช่โปรแกรมเทรดสำเร็จรูป ไม่ใช่ข่าวอินไซด์ ไม่ใช่ Volume Outperform ไม่ใช่ Technical และ ไม่ใช่ Fundamental แต่คือ ทุกอย่างที่ต้องนำมาใช้ร่วมกัน ในการเทรดและการลงทุน

ส่วนคำถามที่ว่า นักวิเคราะห์คนไหนเก่งที่สุด คำตอบ - นักวิเคราะห์ที่เก่งที่สุด ก็คือ คุณ คุณมีศักยภาพกันทุกคน ทุกท่านอยู่แล้ว


Source: ThaiDayTrade date 24/02/2007
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com