May 19, 2024   4:43:08 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 23/02/2007 @ 10:51:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ. ปิดที่ 693.61 จุด + 1.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11.123 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,285.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 139.48 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 1,146.09 ล้านบาท วานนี้ SET เปิดมาบวกคงอาจจะได้อนิสงค์จากตลาดต่างประเทศ และยาหอมจากนักวิเคราะห์ต่างชาติได้เริ่มออกมาเชียร์หุ้นไทย น่าลงทุนเป็นอันดับสองของโลก เพราะว่า P/E ต่ำมากอยู่แค่ 9 เท่าในขณะนี้ P/E ทั่วไปอยู่ที่ 12-15 เท่าโดยมีคำแนะนำว่า ราคาหุ้นไทยนั้นถูก ส่วนผลตอบแทนจัดได้ว่าสูง โดยแนะให้รีบช้อนซื้อ อย่ามัวแต่รอช้าเพราะนักลงทุนต่างประเทศยังคงเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงเช้ามีทำ HIGH ที่ 698.86 จุด ก่อนที่จะมีการอ่อนตัวลงไปที่ 693.27 จุด และปิดภาคเช้าที่ จุด หุ้นกลุ่มพลังงานและแบงก์ยังคงนำตลาด โดยเฉพาะ SCB, KBANK, BBL และยังมีสลับกันไปด้วยหุ้นเก็งกำไรอย่าง PE, PT, MME ที่ยังแรงอย่างต่อเนื่อง (ไม่รู้ว่าจะมีอะไรในก่อไผ่)หากท่านยังคงพอมีแรงอยู่ ยังคงเล่นหุ้นเก็งกำไรเล็กๆ เดิมๆ ในช่วงบ่าย เริ่มต้นมาหุ้นที่ QH, LH , GC แต่ก็อยู่ไม่ถาวร ปลายตลาดโดนคนตุ๊ปคนละตั๊บ ตัวเล็กตัวน้อย แม้แต่กลุ่มพลังงาน และแบงค์พร้อมใจกันถอยเท่าราคาเดิม แต่อย่างไรก็ตาม SET ก็ยังปิดบวกได้

SAMART
ราคาเปิด 9.30 บาท ราคาปิด 9.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 63.849 ล้านบาท จากกรณีกระแสข่าว บมจ.สามารถคอร์ปอเรขั่น SAMART และ TOT สนใจที่จะซื้อหุ้น บมจ.ชินแซทเทลไลท์ หรือ SATTEL จากเทมาเส็ก K.KRAZIP มองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะSAMART ต้องการได้ SATTEL มาช่วยสนับสนุนธุรกิจดาวเทียม โดยเฉพาะSAMTEL ที่ธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตที่ต้องใช้บอร์ดแบรนด์แซทเทลไลท์ และในช่วงที่ผ่านมา SAMTEL ก็มีการเช่าสัญญาณของ SATTEL อยู่แล้ว ด้าน TOT ก็ได้มีการจ้างกลุ่ม SAMART ติดตั้งอินเตอร์เน็ตตำบล ซึ่งเป็นการติดตั้งทั้งระบบและต้องใช้ช่องสัญญาณจาก SAMTEL ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่ TOT จะซื้อ ทั้งนี้จากกระแสข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้น SAMART ในตลาดปิดวานนี้ปรับขึ้นมาทำ High ที่ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 9.10 บาท แนวต้าน 9.60 บาท

RS
ราคาเปิด ? ปิด 4.88 บาท มูลค่าการซื้อขาย 139.94 ล้านบาท คาดการณ์ว่าปี 2550 RS จะสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันกับ Gross Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 40-45% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 30-35% เป็นผลจากรายได้จากธุรกิจคอนเทนท์มีกำไรเพิ่มขึ้น และตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจดิจิตอล ไว้ที่ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 250 ล้านบาท หรือการเติบโต 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มรูปแบบการทำธุรกิจในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และกลุ่มเป้าหมายจะมีการบริโภคในอัตราที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะนี้ RS ต้องการที่จะทำธุรกิจโทรทัศน์ ทั้งฟรีทีวีหรือไดเร็กทีวี รวมถึงทำเคเบิลทีวีและทำธุรกิจทีวีผ่านดาวเทียม เนื่องจาก RSมีความพร้อมที่จะทำธุรกิจประเภทนี้แล้ว แต่ทั้งยังติดที่เงื่อนไขในการดำเนินงานอยู่ต้องรอความชัดเจนตรงนี้ก่อน สำหรับกรณีที่จะทำธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมกับประเทศลาว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกทำแนวทางนี้หรือไม่ แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงผู้ให้บริการคอนเทนท์อยู่ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับที่ราคา 4.84 บาท แนวต้านที่ราคา 5 บาท

BANPU
ราคาเปิด 180 บาท ราคาปิด 181 บาท มูลค่าการซื้อขาย 170.78 ล้านบาท คาดว่าการหยุดดำเนินงานที่เหมืองอินโดมินโกจะไม่กระทบผลการดำเนินงานของ BANPU มากนัก ขณะที่ปี 2550อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.6% ยังหอมหวน ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 7.50 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท คงเหลือจ่ายในงวดนี้อีกหุ้นละ 4.25 บาท วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2550จ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 เมษายน 2550 และขณะนี้ BANPU ได้กลายเป็นธุรกิจพลังงานที่หลากหลาย จากที่เคยมีธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถ่านหินเพียงอย่างเดียว ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับที่ราคา 178 บาท แนวต้านที่ราคา 185 บาท

RRC
ราคาเปิด-ปิดที่ 17.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 105.63 ล้านบาท กำไรปกติไตรมาส 4/49 ลดลง แต่หากประเมินเป็นกำไรก่อนภาษีและอัตราแลกเปลี่ยนจะดีขึ้นจากขาดทุน 920 ล้านบาทเป็น 556 ล้านบาท โดยการฟื้นตัวของกำไรเป็นผลมาจากค่าการกลั่นทางบัญชีปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯกลับรายการจากขาดทุนจาก Net LCM ที่บันทึกในไตรมาส 3/49 มาเป็นกำไรในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามหากมองในแง่ผลการดำเนินงานที่แท้จริง ไตรมาส 4/49 จะมี Market GRM ที่ต่ำกว่าและขาดทุนจากน้ำมันคงคลังที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/49 ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 2550 คาดว่าจะฟื้นตัวตามค่าการกลั่นที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการใช้น้ำมันก๊าซโซลีน ที่เพิ่มขึ้นของอเมริกาในช่วงเดือนพ.ค. ที่เป็นช่วง Driving Season และการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/50 โดยค่าการกลั่นปี 2550 ถึงปัจจุบันเท่ากับ 6.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/49 ที่เฉลี่ยเท่ากับ 3.90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และจากผลประกอบการในปี 2549 บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 1 บาทต่อหุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 29 มี.ค. 50 และจ่ายเงินภายใน 15 พ.ค. 50) K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับที่ 17.10 บาท แนวต้านที่ 17.50 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:71244f28c6">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com