May 19, 2024   5:44:40 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวทีวิเคราะห์...
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 23/02/2007 @ 10:05:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ซื้อ MAJOR เป้าหมาย 19.12 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด แนะนำ ซื้อ MAJOR คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/50 นี้จะเป็นไตรมาสที่ดีของ MAJOR ด้วยผลบวกจาก 2 แรงสำคัญคือ หนังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทั้ง 2 ภาคที่เริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.2550 คาดว่าภาค 2 จะฉายถึงสิ้นเดือนมี.ค.2550 และคาดว่าจะกลับมาฉายพร้อมกับภาค 3 ในเดือนธ.ค.2550 ขณะที่ MAJOR มีส่วนแบ่งตลาดของโรงภาพยนตร์สูงสุด ย่อมได้รับผลบวกส่วนนี้ ผนวกกับการรับรู้รายได้ของสาขาเอสพละนาดได้เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการเฉพาะส่วนธุรกิจ MAJOR จะออกมาสูงสุดในรอบปีนี้ นอกจากนี้ MAJOR และบริษัทร่วมที่เข้าไปลงทุนใน SF (Siam Future Development) ซึ่งต่างขยายการลงทุนไปในปี 2549 ค่อนข้างมาก ได้เริ่มส่งผลกำไรกลับมายัง MAJOR เป็นลำดับ ประเมินรายได้ในปี 2550 ของ MAJOR ไว้ที่ 6,154 ล้านบาท ขยายตัว 20.1% จากปีก่อนและกำไรจากการดำเนินงานที่ 837 ล้านบาท เติบโตถึง 35.4%

ถือ BEC เป้าหมาย 21.90 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ BEC แนวโน้มรายได้จากการขายโฆษณาในปี 2550 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง A.C. Nielson รายงานภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือน ม.ค. 50 พบว่าเม็ดเงินโฆษณาทั้งอุตสาหกรรมทางสื่อโทรทัศน์เติบโตลดลง 0.05% จากปีก่อน แต่เม็ดเงินโฆษณา BEC ยังคงเติบโตได้สูงกว่าอุตสาหกรรม และเติบโตได้สูงสุดเมื่อเทียบกับสถานีอื่น โดยเม็ดเงินโฆษณาของ BEC เติบโต 7.6% จากปีก่อนและมี market share ถึง 24.4% ของเม็ดเงินโฆษณาที่ใช้ทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของ BEC โดยสาเหตุที่ BEC ยังมีเม็ดเงินโฆษณาที่เติบโตเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ชมที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลา super prime time (20.15 น. - 22.30 น.) และกลุ่มคนดูเป็นผู้หญิงที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น เนื่องจากละครในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับความนิยมมาก สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานของ BEC ได้เริ่มขึ้นโดยมีการปรับขึ้นค่าโฆษณารายการเรื่องเล่าเช้านี้ และรายการเก็บตกเฉลี่ย 14% รวมทั้งได้ขยายเวลาออกอากาศรายการเรื่องเล่าเช้านี้อีก 15 นาที ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตเติบโตดีขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำ ?ถือ?

ซื้อ SPALI เป้าหมาย 4.27 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ ซื้อ SPALI บริษัทได้จ่ายเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินในจำนวน 55 ล้านบาท ในปี 2549 และมีกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 3 มกราคมนี้ แต่มาทราบภายหลังว่า จะพัฒนาโครงการนี้ไม่ได้ เพราะจะมีทางด่วนพาดผ่าน ดังนั้นบริษัทจึงขอยกเลิกสัญญาซื้อที่ดิน และจะฟ้องร้องขอค่ามัดจำคืนและค่าเสียหาย แต่กลายเป็นว่าคู่กรณีได้ชิงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก่อน อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยได้สอบถามบริษัทเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวปรากฏว่า ทางบริษัทขอคืนค่ามัดจำ 55 ล้านบาท แต่เจ้าของที่ดินจะฟ้องบังคับให้จ่ายค่าที่ดินประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนการตั้งสำรองจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ 1) ชัดเจนว่าแพ้คดี และ 2) สามารถวัดมูลค่าที่แท้จริงได้ว่าความเสียหายจริงควรเป็นเท่าใด ทางบริษัทเห็นว่าโอกาสจะชนะคดีก็มี เพราะถือว่าเจ้าของที่ดินบิดเบือนข้อมูล แต่ในกรณีเลวร้ายที่สุดคือ แพ้คดี ก็จะตั้งสำรองเพียง 55 ล้านบาท ไม่ใช่ 500 ล้านบาท ดังนั้นยังคงแนะนำ ?ซื้อ? เงินปันผลยังเป็นสิ่งจูงใจในการลงทุน

ซื้อ DRT เป้าหมาย 11 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ DRT แนวโน้มผลประกอบการของ DRT จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2550 จากโครงการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตใหม่และโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติเข้าโรงงานเพื่อใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงปีละประมาณ 10-12 ล้านบาท ทั้งนี้คาดหมายว่าอุปสงค์ภายในประเทศยังคงทรงตัวเพราะขาดกำลังซื้อจากลูกค้าระดับล่าง แต่จะได้ยอดขายจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน โดยประมาณการว่ายอดขายในปีนี้ยังสามารถเติบโตจะขยายตัว 4% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 313 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.56 บาท คาดปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น แนะนำ ?ซื้อ? ที่ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท ฝ่ายวิเคราะห์จึงเลือกใช้วิธี DCF กำหนดให้ WACC เท่ากับ 11.5% ได้มูลค่าที่เหมาะสมสำหรับปี 2550 ที่ 11.00 บาทหุ้น มี Upside อีก 23% นอกจากนี้คาดว่า DRT จะจ่ายเงินปันครึ่งรอบครึ่งปีหลังได้อีก 0.50 บาทต่อหุ้นหลังจากจ่ายไปแล้วในครึ่งปีแรกของปี 2549 ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield เท่ากับ 11.2% ต่อปี

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com