May 19, 2024   6:08:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 23/02/2007 @ 08:10:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ BECราคาเป้าหมาย 23.30 บาทบริษัทรายงานผลประกอบการ 4Q06A มีรายได้เท่ากับ 1,624 ลบ. ลดลง 3.4% YoY และ8.9% QoQ ทั้งที่เป็นช่วง High Season ของอุตสาหกรรม เนื่องจากผลกระทบจากมาตราการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และที่สำคัญคือผลจากการปฎิรูปการปกครองในช่วง ก.ย. 06 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เม็ดการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาของลูกค้าปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนในช่วงพ.ย. 06 (มี Lag Time เนื่องจากปกติเป็นการขายล่วงหน้าประมาณ 1-3เดือน) ขณะที่ผลจากการตั้งสำรองผลตอบแทนในการขายต่ำกวาที่เกิดขึ้นจริงตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี ทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มยอดส่วนต่างทั้งหมดเข้ามาในไตรมาสนี้กว่า 100 ลบ.ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายฯในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นอยางมี นัยสำคัญส่งผลให้บริษัทมี กำไรสุทธิใน 4Q06A เท่ากับ 314ลบ. เพิ่มขึ้น 7.5% YoY แต่ลดลง 26.4% QoQ ทั้งนี้กำไรสุทธิทั้งปีเท่ากับ1,643 ลบ. เพิ่มขึ้น 86.3% คาดว่าบริษัทจะประกาศจ่ายปันผลสำหรับครึ่งปีหลังที่ 0.35 บ./หุ้น (Payout 94%) อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 20.6 บ. คิดเป็นDividend Yield เพียง 1% คาดว่าผลประกอบการใน FY07E ของบริษัทจะยังคงเติบโตต่อเนื่องสวนทางกับภาพรวมของอุตสาหกรรมที่มี แนวโน้มชะลอตัวบล.โกลเบล็กแนะนำ EGCOMPราคาเป้าหมาย 107.00 บาทผลประกอบการปี 49 ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)ที่ผลประกอบการจะสูงสุดในปีนี้ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 5269 ลบ.เพิ่มขึ้น 20.4%YoYอย่างไรก็ ตามเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สูงถึง 766 ลบ.ส่งผลให้กำไรสุทธิโตโดดเด่ น โดยมาอยู ที่ 6,035 ลบ.ขยายตัวสูงถึง 47.5%YoY ซึ่งผลประกอบการที่ออกมาดังกล่าว เรามองว่าไม่ได้ผิดจากที่เราและตลาดคาดหมายไว้(เราประเมินกำไรสุทธิที่ 6,161 ลบ.) ดังนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้น มุมมองสำหรับ EGCOMPตามเดิม โดยคาดว่าผลประกอบการของโรงไฟฟ้าหลักทั้งระยองและขนอม ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในปี 49 และแนวโน้มจะปรับลดลงเป็นลำดับแต่อย่างไรก็ตาม EGCOMP มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ(แก่งคอย 2,นำเทิน 2 ,ยะลากรีน และอมตะพาวเวอร์ บางปะกง)) กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,616 MW เป็นส่วนของEGCOMP ประมาณ 1,020 MW ซึ่งจะทยอยรับรู้ ในช่วงปี 2550-2553 นอกจากนั้นบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าBLCP 50%(กำลังการผลิตติดตั้ง 1,434 MW)ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ เข้ามาเต็มที่ในปี 50 โดยเราประเมินว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากBLCP ประมาณ 1,500 ในปี 50 และประมาณ 1,700 ลบ./ปีหลังจากนั้น โดยจากโครงการในมือดังกล่าว จะทำให้บริษัทมี กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 80%จากปัจจุบันและ คาดจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทขยายตัวได้ต่อเนื่องโดยเราประเมินกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 50 ที่ 6,295 ลบ.เพิ่มขึ้น19%YoY


บล.เกียรตินาคินแนะนำหลีกเลี่ยง ITVราคาเป้าหมาย 1.30 บาทITV ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราวเพื่อไม่ให้ สปน. ใช้สิทธิยกเลิกสัญญาสัมปทานกับ ITV หาก ITVไม่สามารถจ่ายค่าปรับและดอกเบี้ยกว่าแสนล้านบาทภายในวันที่ 6 มี.ค. 50 จนกว่าคณอนุญาโตตุลาการจะมีคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าวถึงที่สุดตามกฎหมาย เรามองว่าเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งคุ้มครองหรือไม่ ซึ่งถ้าหากศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองคาดจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น ITV ในระยะสั้น เนื่องจากจะช่วยยืดระยะเวลาหาแหล่งเงินทุนให้ ITVออกไปอีก จนถึง ณปัจจุบัน หลังจากที่ ITV ยื่นข้อพิพาทค่าปรับกรณีปรับผังรายการให้สถาบันอนุญาโตตุลาการยังคงไม่มีความชัดเจนว่าตกลงแล้ว ITV จะต้องจ่ายค่าปรับให้ สปน. หรือไม่ และหากจะต้องชำระ จะต้องชำระเท่าไร (97,760 ลบ.(สปน.คำนวณ) หรือ 268 ลบ. (ITVคำนวณ)) ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องติดตามอีกประเด็นว่าจะสามารถจัดตั้งคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อตัดสินข้อพิพาทดังกล่าวหรือไม่ โดยปัจจุบันสถาบันอนุญาโตตุลาการได้รับเรื่องไว้แล้ว แต่ต้องรอความเห็นของ สปน. ว่าจะพิจารณาอย่างไร เนื่องจากการจัดตั้งคณะอนุญาโตตุลาการต้องได้รับความเห็นชอบด้วยทั้ง2 ฝ่าย (ITV และ สปน.)โดยเราคาดว่านี่เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ ITV ยังไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อมาชำระค่าสัมปทานส่วนต่าง (2,210ลบ.) ให้ สปน. ได้ เนื่องจากหากต้องเสียค่าปรับกว่าแสนล้านบาท และต้องเสียค่าสัมปทานขั้นต่ำปีละ 1,000 ลบ. คงไม่มีทางที่ ITV จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ (ปัจจุบัน ITVมีเงินสดในมือประมาณ1,300 ลบ.) หากศาลปกครองพิจารณาไม่ให้ความคุ้มครอง ITV จากกำหนดการชำระค่าสัมปทานส่วนต่างและค่าปรับกรณีปรับผังรวมกว่าแสนล้านบาทเดิม ภายในวันที่ 6มี.ค. 50 จะทำให้ ITV มีความเสี่ยงอาจจะถูกยกเลิกสัญญาสัมปทานหากไม่สามารถหาเงินมาชำระให้ สปน. ได้ทันกำหนด


บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ RRCราคาเป้าหมาย 16.10 บาทบริษัทประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ออกมามีกำไรสุทธิ 7,761 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.97 บาท ลดลง 35% yoy ตรงตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ ผลกำไรที่ลดลงค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลงในครึ่งปีหลัง, เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมากจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลัง ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปี 2549 อยู่ที่ 5.6 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจาก 7.1 เหรียญ/บาร์เรลในปี 2548 ซึ่งเป็นไปตามระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ในปี 2549 บริษัทมีผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 0.17 เหรียญ/บาร์เรลด้วย ซึ่งมาจากการปรับวิธีคำนวณสต๊อกน้ำมันใหม่ ในขณะที่ปี 2548 บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 1.89 เหรียญ/บาร์เรล หากพิจารณาค่าการกลั่นปกติในปี 2549 จะอยู่ที่ 5.27 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจาก 5.58 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เราประเมินว่าผลการดำเนินงานในปี 2550 จะมีกำไรปกติ 6,605 ล้านบาท หรือ 2.30 บาท/หุ้น ดีขึ้น 18%yoy จากค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.5 เหรียญ/บาร์เรล แต่บริษัทจะไม่มีสิทธิทางภาษีมาช่วยผลกำไรเหมือนในไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทจะต้องเสียภาษีในอัตรา 25% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER 7.4 เท่า, P/BV 1 เท่า,อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.8% และมี ราคาสูงกว่าราคาที่เหมาะสมของเราที่ 16.10 บาทอ้างอิง PER 7 เท่า อยู่ 6% จากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ชะลอตัว, ระดับราคาหุ้นซึ่งสูงกว่าราคาที่เหมาะสม บวกกับปัจจัยบวกกระตุ้นราคาหุ้นที่ยังไม่ชัดเจนในปีนี้






[/color:dfe496f593">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com