บริษัทจดทะเบียนทำพฤติกรรมเลียนแบบ 5 บจ.UMS-AIT-L&E-MFEC ตบเท้าแจกครบสูตร ปันผลทั้งเป็นเงิน-หุ้น แถมพ่วงวอร์แรนต์ หวังกระตุ้นราคาหุ้นช่วงตลาดซึมไร้ปัจจัยใหม่ แถมได้สภาพคล่องเพิ่ม โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมยังกอดหุ้นไว้ได้เหมือนเดิม วงการชี้ได้อย่างเสียอย่าง แม้จำนวนหุ้นหมุนเวียนมากขึ้น แต่หวั่นปั๊ม EPS โตไม่ทันหุ้นที่ไดลูทไปล่วงหน้าแล้ว พร้อมแนะจับตาการตรวจสอบอินไซด์ เหตุหลายบริษัทราคาพุ่งก่อนออกข่าว

ในช่วงของการทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี 2549 รวมไปถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลของบรรดาบริษัทจดทะเบียนต่างๆ หุ้นที่มีข่าวการจ่ายเงินปันผลมักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเก็งกำไร แต่ในปีนี้หุ้นปันผลดูเหมือนจะมีสีสันเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็กที่งัดเอากลยุทธ์การแจกแบบครบสูตรทั้งปันผลเป็นเงิน เป็นหุ้น แถมพ่วงวอร์แรนต์ และบางบริษัทก็ยังแตกพาร์แถมไปอีกสเต็ป ซึ่งในช่วงตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมาคล้ายกับเกิดพฤติกรรมเลียนแบบในเรื่องการ แจก ผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น เพราะมีบริษัทจดทะเบียนถึง 4 บริษัทที่งัดเอาสูตรที่ว่าขึ้นมาใช้ ได้แก่ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (UMS) บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AIT) บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (L&E) และ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) โดยผู้บริหารทุกบริษัทต่างให้เหตุผลที่คล้ายคลึงกันว่าเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น และเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นในกระดาน อีกทั้งการแจกวอร์แรนต์ยังเป็นเสมือนการระดมทุนในอนาคตได้อีกด้วย

**UMS ปันผล 0.50บ./หุ้น แตกพาร์เหลือ 0.50 บ. แจกวอร์แรนต์สัดส่วน 2:1
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา UMS แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติ จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งปรากฏรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2550 เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 และสิทธิรับเงินปันผลสำหรับหุ้นสามัญจำนวน 70,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท (จากที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 1 บาทต่อหุ้น) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน 2550

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้แปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 1.00 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท
และยังเห็นชอบให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (วอร์แรนต์) เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1) ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่าจำนวน 70,000,000 หน่วย โดยมีการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 8.50 บาท/หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 0.50 บาท)

ทั้งนี้กำหนดวันประชุมและวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 ประจำปี 2550 ในวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม 2550 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2550

**AIT-L&E มาสูตรเดียวกันแจกปันผลทั้งเงิน-หุ้น-แจกวอร์แรนต์
จากนั้นวันที่ 21 ก.พ. บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AIT) แจ้งมติคระกรรมการให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 1.22 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 30 ล้านบาท (0.75 บาทต่อหุ้น) เท่ากับบริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดสำหรับผล การดำเนินงานในปี 2549 ทั้งสิ้นจำนวน 78.80 ล้านบาท (1.97 บาทต่อหุ้น)

นอกจากนี้ให้จัดสรรการจ่ายหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราส่วน 1 หุ้นใหม่ต่อ 2 หุ้นสามัญเดิม ในราคาพาร์หุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทจะทำการจ่ายเงินปันผลและหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2550
ล่าสุดวานนี้ (22 ก.พ.) บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (L&E) แจ้งมติคณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินปันผลและหุ้นปันผล คิดเป็นมูลค่ารวม 101,851,850 บาท โดยจ่ายเป็นเงินปันผลจำนวน 10,185,185 บาท และจ่ายเป็นหุ้นปันผลในสัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 2 หุ้นปันผล รวมจำนวนหุ้นปันผลที่จ่าย 18,333,333 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นปันผลรวม 91,666,665 บาท พร้อมกันนี้ได้อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทในจำนวน 15,277,778 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายโดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ

กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลและหุ้นปันผล วันที่ 28 มีนาคม 2550 และกำหนดจ่ายเงินปันผลและหุ้นปันผลภายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2550

?ในปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงอยากจะตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยจ่ายปันผลมากเป็นกรณีพิเศษทั้งเงินสดและหุ้นปันผล ซึ่งในส่วนของหุ้นปันผลจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับการซื้อขายหุ้นของ L&E ให้มากขึ้น และในขณะเดียวกันบริษัทยังมีความต้องการที่จะใช้เงินสดในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต จึงประกาศแจกวอร์แรนต์ให้บผู้ถือหุ้นด้วย เพื่อจะได้มีแหล่งเงินทุนจากการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิ เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต? นายปกรณ์ บริมาสพร กรรมการผู้จัดการ L&E กล่าว

สำหรับผลประกอบการของ L&E สิ้นปี 2549 มีกำไรสุทธิ 92.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40 ล้านบาท หรือ 49% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.5 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้โดดเด่นขึ้นมามาก เนื่องจากบริษัทมีการจัดการและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมา รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ของศูนย์การค้า โชว์รูม ร้านค้าย่อย โรงแรม รีสอร์ท และคอนโดมิเนียม รวมถึงการขยายฐานลูกค้าของส่วนงานขายส่งและขายปลีก ช่วยผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น

** MFEC แจกวอร์แรนต์ สัดส่วน 1:1 พร้อมปันผลหุ้นละ 0.35 บาท
ในวันเดียวกัน บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2550
นอกจากนี้อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 54,250,000 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่า ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย

**วงการชี้แค่เกมดันราคาหวั่นปั๊มกำไรโตไม่ทันไดลูท
แหล่งข่าววงการโบรกเกอร์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า การที่บริษัทจดทะเบียนให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นทั้งในรูปของการปันผลเป็นหุ้น เงินสด รวมไปถึงการแจกวอร์แรนต และบางรายมีการแตกพาร์ด้วย ถือเป็นการใช้เครื่องมือทางการเงินที่สามารถทำได้ แต่หากถามว่าใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด น่าจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่กุมหุ้นจำนวนมากของบริษัทฯ เพราะการที่บริษัทแจกโชคหลายชั้นแบบนี้ ส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นเงินไม่มากพอแค่เป็นน้ำจิ้มเท่านั้น ทำให้บริษัทฯไม่ต้องจ่ายเงินมาก แต่ให้เป็นหุ้นแทนซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ที่สภาพคล่องของหุ้นจะเพิ่มขึ้น โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมได้โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาเพิ่มสภาพคล่อง และที่สำคัญคือเมื่อมีข่าวออกมาราคาหุ้นก็จะวิ่งขึ้นรับข่าวทันที ซึ่งคนที่มีหุ้นในมือมากก็ได้รับกำไรเนื้อๆอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามข้อเสียของการใช้กลยุทธ์แบบนี้คือ การทำกำไรของบริษัท ที่ในช่วง 1-2 ปีนี้เศรษฐกิจในภาพรบมอาจจะไม่ค่อยดีนัก ทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) อาจจะเติบโตไม่ทันและไม่คุ้มกับหุ้นที่ไดลูทลงไปทันทีที่มีการเพิ่มทุนเพื่อแจกหุ้นปันผล

มองว่าเป็นแค่เกมในการสร้างสีสันให้กับหุ้น ในช่วงที่ตลาดซึมๆและไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่ เป็นการแจกแบบไม่ต้องใช้เงินมาก เพราะหากสังเกตุดูจะมีการจ่ายปันผลเป็นเงินแค่เล็กน้อยพอเป็นน้ำจิ้ม แต่แจกเป็นหุ้นหรือวอร์แรนต์เพิ่มเข้าไป แต่สิ่งที่น่ากลัวและต้องดูต่อไปคือแต่ละบริษัทจะสามารถปั๊ม EPS ให้เติบโตได้คุ้มกับหุ้นที่ไดลูทลงไปหรือไม่ เพราะในช่วง 1-2 ปีนี้หากดูภาพรวมเศรษฐกิจแล้วก็ยังไม่ค่อยดีนัก การทำกำไรให้เติบโตก็เป็นเรื่องที่ลำบากอยู่แหล่งข่าวให้ความเห็น

แหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของหนึ่งในบริษัทที่ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินและหุ้นปันผล รวมทั้งเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิม เปิดเผยว่า การที่หลายบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นและเป็นเงิน รวมทั้งแจกวอร์แรนต์ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมนั้น เพื่อเป็นการทำให้ฐานทุนใหญ่ขึ้น โดยไม่ต้องเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้น รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นบนกระดาน ซึ่งช่วงนี้หลายบริษัทประกาศจ่ายปันผลและเพิ่มทุนสูตรเดียวกัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และบรรยากาศตลาดหุ้นไม่คึกคักเช่นอดีต หากเพิ่มทุนวิธีอื่นอาจขายหุ้นไม่หมด และหากจ่ายปันผลเป็นเงินทั้งหมด อาจเหลือเงินสดในการดำเนินธุรกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การแจกหุ้นปันผล หรือเพิ่มทุกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม หรือแจกวอร์แรนต์ฟรี เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในกระดาน และเหมือนเป้นการบังคับเพิ่มทุนให้หุ้นผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่ต้องเสี่ยงนำออกมาขาย PP เพราะในภาวะเช่นปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยจต่อการขายหุ้นเพิ่มทุนมากนัก ซึ่งบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น หรือเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ จำนวนมากต้องพิจารณาแล้วว่าในอนาคตจำทำกำไรได้ทันไดลูชั่นที่เกิดขึ้นเมื่อหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรดแหล่งข่าวกล่าว

**จับตาถูกสอบอินไซด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากสำรวจราคาหุ้นแต่ละบริษัทที่มีการแจกผลตอบแทนครบสูตรดังกล่าว พบว่าส่วนใหญ่ราคาหุ้นจะมีวอลุ่มการซื้อขายหนาแน่นและราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนที่จะมีการแจ้งมติคณะกรรมการออกมา โดยราคาหุ้น UMS ซึ่งตามปกติจะไม่ค่อยมีการซื้อขาย แต่กลับเริ่มมีวอลุ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. ซึ่งหากเทียบราคาปิดวันที่ 12 ก.พ. อยู่ที่ 16.60 บาท จากนั้นมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องดันราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดในวันศุกร์ที่ 16 ก.พ. ที่ 18.30 บาท ก่อนที่บริษัทฯจะมีการแจ้งมติคณะกรรมการเรื่องการจ่ายปันผล แจกวอร์แรนต์และแตกพาร์ในวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งเมื่อมีการประกาศออกมาปรากฎว่าราคาหุ้นร่วงลงปิดการซื้อขายที่ 17.80 บาท

ด้านหุ้น AIT ราคาหุ้นเริ่มวิ่งและมีวอลุ่มเข้ามาอย่างเด่นชัดตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. ที่ราคากระโดดขึ้นมาแตะ 24.70 บาท จากราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 22.30 บาท และในวันนี้ยังมีข่าวผู้บริหารปฏิเสธว่าไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรงและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น โดย นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่าแรงเก็งกำไรที่เข้ามาในวันนั้นน่าจะเป็นการเก็งเรื่องผลการดำเนินงานปี 2549 โดยที่บริษัทฯยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ

จากนั้นหุ้น AIT ยังคงมีวอลุ่มเข้ามาหนาแน่นและราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น จนกระทั่งวันที่ 21 ก.พ. AIT จึงแจ้งมติคณะกรรมการแจกปันผลทั้งเงินและหุ้นรวมทั้งแจกวอร์แรนต์ฟรี

L&E ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่นิ่งที่สุด เพราะก่อนหน้าที่บริษัทจะประกาศจ่ายปันผลทั้งเงิน หุ้น และแจกวอร์แรนต์ หุ้น L&E ก็ยังไม่ค่อยมีการซื้อขาย จนกระทั่งวานนี้ (22 ก.พ.) ที่บริษัทแจ้งมติคณะกรรมการเข้ามา ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 18.80 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ถือว่าหนาแน่นสำหรับหุ้นใน mai อย่าง L&E ที่ระดับ7.39 ล้านบาท

สุดท้าย MFEC ผู้บริหารส่งสัญญาณในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2549 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการในไตรมาส 1/50 แต่ในช่วงนั้นหุ้นก็ยังมีการซื้อขายไม่มากและราคายังนิ่งๆอยู่ จนกระทั่งแรงเก็งกำไรเริ่มเข้ามาเมื่อวันที่ 16 ก.พ. จากนั้นก็มีวอลุ่มหนาแน่นต่อเนื่อง ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากราคาปิดวันที่ 15 ก.พ. ที่ 4.38 บาท มาอยู่ที่ 4.82 บาท ในวันที่ 22 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการมีมติอนุมัติปันผลพ่วงกับการแจกวอร์แรนต์