May 19, 2024   5:22:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > มาดูอนาคตดาวเทียมไทยกานดีกว่า...
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 22/02/2007 @ 11:46:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สองวันนี้เรื่อง SATTEL ดูจะเป็นเรื่องฮอดสุดๆ บริษัทที่อยู่ในตลาดชื่อว่า SATTEL ทำธุรกิจเป็นเจ้าของดาวเทียม 4 ดวง คือ ไทยคม 1 ซึ่งจะหมดอายุในปี 2551 ส่วนไทยคม 2 จะหมดอายุในปี 2552 ส่วนไทยคม 4 กับไทยคม 5 ยังไม่หมดอายุในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะเหลืออายุอีก 10 ? 15 ปี และรายได้หลักของ SATTEL ก็จะมาจากรายได้ค่าเช่าช่องสัญญาณในดาวเทียมทั้ง 2 ดวงที่โคจรอยู่ โดยที่ต้นทุนการดำเนินงานมาจาก ค่าใช้จ่ายในการสร้างดาวเทียม แล้วยิงขึ้นไปบนวงโคจร จากนั้นก็เอาค่าใช้จ่ายทั้งหมด มาตัดเป็นค่าเสื่อมราคาตามอายุของดาวเทียม เช่น ทุนสร้างดาวเทียม 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาใช้งาน 10 ปี ค่าเสื่อมราคาก็ปีละ 1,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทจะได้กำไรหรือไม่ ก็มาจากการขายช่องสัญญาณให้กับผู้ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในแถวเอเชียนี้ ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าอัตราการใช้ คือ มีผู้เช่าสัก 30% ก็เท่าทุน คือ คุ้มค่าใช้จ่ายแล้ว

SATTEL ได้รับสิทธิจากกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการในโครงการดาวเทียมสื่อสาร โดยให้บริษัทมีสิทธิในการบริหารกิจการ และการให้บริการครบวงจรดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร ทั้งภายในและต่างประเทศ และมีสิทธิเก็บค่าใช้วงจรดาวเทียมจากผู้ใช้วงจรดาวเทียมเป็นระยะเวลา 30 ปี ตามสัญญาลงวันที่ 11 กันยายน 2534 ซึ่งได้มีการแก้ไข ลงวันที่ 22 มีนาคม 2535 ซึ่งปัจจุบันสัญญาดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (?MICT?)

ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ MICT ในอัตราร้อยละของรายได้ค่าบริการที่บริษัทได้รับ นอกจากนี้ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทยอมให้ดาวเทียมทุกดวงและสถานีควบคุมดาวเทียมรวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามสัญญาฉบับนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ MCIT เมื่อได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว

ปัญหาสัมปทานดาวเทียมของ SATTEL คือ ถ้ามีการตีความว่า บจ.กุหลาบแก้วเป็นต่างชาติธุรกิจสื่อสารทั้งหมดของ SHIN (บจ. กุหลาบแก้ว เป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อม จะถือว่าเป็นต่างชาติด้วย รวมทั้ง SATTEL ก็จะไม่มีสิทธิได้รับสัมปทาน ขณะเดียวกันในกรณีที่ไม่สามารถระบุได้ว่า กุหลาบแก้ว เป็นนอมินี่ต่างชาติ ก็ไม่เข้าข่าย ถ้ารัฐอยากได้ก็ต้องซื้อคืน อาจจะซื้อหุ้น SHIN จากเทมาเส็ก (อันนี้ไม่รู้คิดได้อย่างไร) หรือ ซื้อคืนเฉพาะ SATTEL แนวนี้พอรับไหว ว่าแต่ว่าจะไปซื้อมาทำไม การเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของ มันน่าจะแย่กว่าการนั่งเฉย รับภาษีหรือส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาน่าจะดีกว่า ส่วนการยึดสัมปทานยิ่งทำไม่ได้หรือไม่สมควรทำ เพราะจะกระเทือนการค้าขายและการลงทุนกับต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าภาครัฐซื้อเฉพาะ SATTEL ที่ SHIN ถืออยู่ทั้ง 41.34% ก็จะต้องทำ Tender offer ด้วย ซึ่งก็ต้องไปกู้เงินมาซื้อ โดยการออกพันธบัตร หรือไปหานักลงทุนรายใหญ่ในประเทศมาซื้อ ซึ่งในเมืองไทยคงมีไม่กี่คน

แผนการซื้อคืนสัมปทานดาวเทียมไทยคม มองข้ามช็อตต่อไป หากกลับมาอยู่ในมือของรัฐบาลไทยได้สำเร็จแล้ว หลังจากนี้การบริหารจัดการจะเป็นอย่างไร และการใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาทนั้นจะดำเนินไปโดยวิธีใด เพื่อไม่ให้เป็นการลงทุนที่ล้มเหลว หรือถ้าหากจะล้มเหลวจริงๆ เพราะขาดทุนแล้ว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ทั้งนี้เนื่องจากการทำธุรกิจอาจไม่ใช่แนวทางที่รัฐบาลถนัดนัก เมื่อเทียบกับการบริหารงานโดยภาคเอกชน และที่สำคัญรัฐบาลไทยหลายรัฐบาลมักอยู่ไม่ครบเทอม ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทีมบริหารค่อนข้างบ่อย ไม่ว่าจะเป็นด้วยการประกาศยุบสภา หรือการเข้ามาด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ตาม

แนวโน้มการดำเนินงาน รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงานของผู้บริหารของ SATTEL ก็ดูดี สินค้าที่เขาขายเป็นสินค้าที่ต้องขายให้รัฐบาลต่างประเทศ ผมว่ารัฐช่วยให้เขาทำงานสะดวกขึ้นจะดีกว่า ดูรัฐบาลฝรั่งเศส ยังช่วยบริษัทของเขาขายเครื่องบินเลย ตอนนี้ NAV ของ SATTEL อยู่ที่ 11.78 ต่อหุ้น พอมีข่าวซื้อหุ้น ราคาก็กลับมาเก็งกำไรราคา แต่ผมคิดว่าเกิดยาก และประมาณปี 2551 นั่นแหละ ผลประกอบการของ SATTEL จึงน่าจะดีขึ้น ขณะนี้รอข่าวการได้ลูกค้าใหม่ แต่ถ้ามีเรื่องแบบนี้การเจรจาการค้าของบริษัท ก็จะยากขึ้น คนทำงานเจรจาขายของก็ยังไม่รู้ชะตากรรมเลย จะมีกำลังใจในการค้าขายได้อย่างไร

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com