samjin สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 352 | วันที่: 21/02/2007 @ 22:25:13 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต สมใจ!พันธมิตรฯ สมคิด ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานคกก.ประสานงานศก.ฯ หลังถูกกดดันหนัก ทั้งที่รับงานแค่ 1 สัปดาห์ เจ้าตัวหวั่นกลายเป็นชนวนสร้างความแตกแยกให้สังคม รับเสียใจ ผิดหวัง ทั้งที่เข้ามาทำงานด้วยความจริงใจ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่เคยมีนัยอื่นๆ แอบแฝง ขณะที่นายกฯ เล็งยุบคณะกรรมการฯ ดังกล่าวเหตุไร้หัวเรือ ส่วนหม่อมอุ๋ย ลั่นไม่จำเป็นต้องตั้งใครทำงานแทนเพราะสามารถรับผิดชอบงานเองได้ ขณะที่บิ๊กบจ. -โบรกเกอร์ ประสานเสียง เสียดายคนดีมีฝีมือ ทั้งที่ควรมีโอกาสทำงานก่อน แต่การลาออกก็ถือเป็นการยุติปัญหาที่ดีที่สุด และเชื่อไม่กระทบเศรษฐกิจ ส่วนพันธมิตรฯ เฮรับบอกแล้วยันยังไงสมคิดก็ไม่เหมาะทำงาน พร้อมยุติการเคลื่อนไหวทันทีที่สมคิดไขก๊อก
หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาลของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่หลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ด้วยซ้ำ นายสมคิดก็ต้องประกาศลาออก ทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ผลงาน หรือฝีมือในการเจรจาดึงความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อประเทศไทยเลย ภายหลังที่การเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวถูกกระแสต่อต้านจากหลายๆฝ่าย ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง และล่าสุดที่น่าจะมีบทบาทกดดันหนักที่สุดก็คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาเรียกร้องให้นายสมคิด ลาออกจากตำแหน่ง มิฉะนั้นอาจจะมีการเคลื่อนไหวโดยการเดินขบวนอีกครั้ง โดยแกนนำกลุ่มพันธมิตรออกมาแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่าการทำงานของนายสมคิด ถือเป็นชนวนที่จะทำให้สังคมแตกแยก อีกทั้งยังระบุว่านายสมคิด ซึ่งถือเป็นคีย์แมนในระบบทักษิโณมิกส์ ไม่ควรจะมาทำงานชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่สวนทางกันโดยสิ้นเชิง ตลอดจนยังมองการรับตำแหน่งครั้งนี้มีนัยทางการเมืองแอบแฝงอีกต่างหาก ทั้งที่บุคคลที่คัดค้านการทำงานหัวชนฝา ยังไม่เห็นด้วยซ้ำว่านายสมคิด ทำงานอย่างไร มีเจตนาอย่างที่คิดหรือไม่ จึงทำให้อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีโอกาสทำงานกับรัฐบาลชุดนี้เพียงแค่ 6 วันเท่านั้นเอง
ถามว่าการตีความ หรือตีตนไปก่อนใคร่ หรือการโจมตีโดยไร้ซึ่งหลักฐานที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดนั้น อยู่บนพื้นฐานที่ได้ให้โอกาส นายสมคิด ในการพิสูจน์ฝีมือแล้วหรือไม่ ทั้งที่หากมองถึงภาพรวมของประเทศ ภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์ในตอนนี้ ประเทศไทยในรัฐบาลชุดปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้คนมีฝีมือเข้ามาช่วยเหลือ และกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา แม้ตอนนี้รัฐบาลอาจจะไม่ขาดคนดี มีฝีมือ แต่การร่วมแรงร่วมใจกันในยุคนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าการตั้งแง่ ตั้งคำถาม เข้าใส่กันว่าบุคคลนี้ไม่เหมาะสม เพียงเพราะเคยทำงานกับรัฐบาลชุดก่อนมา
ดังนั้นเมื่อวานนี้ ( 21 ก.พ) เพื่อไขข้อข้องใจ และชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งปวงที่เกิดขึ้นตลอด 1 สัปดาห์นี้ นายสมคิด จึงเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลวชน ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 วันมีกระแสข่าวค่อนข้างหนาหูว่าเขาจะประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว จนกระทั่งวานนี้นายสมคิด ก็ยุติข่าวทั้งหมดโดยการวางมือจากตำแหน่งดังกล่าวเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้การประกาศวางมือของนายสมคิด ส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทันที จากที่บวกอยู่กว่า 2 จุด เป็นปรับตัวลดลงกว่า 2 จุด ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นและปิดตลาดวานนี้ที่ 692.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,801.43 ล้านบาท
* สมคิด ไขก็อกลาออก เหตุไม่ต้องการเป็นชนวนความแตกแยก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เปิดเผยความในใจและจุดยืนการทำงาน วานนี้ ที่โรงแรมสยามอินเตอร์ คอนติเนลตัล ว่า ขอถอนตัวออกจากตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย เพื่อไม่ต้องการให้เป็นชนวนของความแตกแยกที่มากขึ้นกว่าเดิมของสังคม และหากการถอนตัวของตนจะทำให้บ้านเมืองสงบได้ก็พร้อม
2 ปีที่ผ่านมาผมทุกข์ใจมาก เพราะไม่เคยมียุคใดมีความขัดแย้งสังคมมากเพียงนี้ ที่ผ่านมาในหลวงของเรามักมุ่งเน้น และสอนให้คนไทยรู้รักสามัคคีกันเพื่อความผาสุกของประเทศ แต่วันนี้การเข้ามาทำงานของผม หากการทำงานของผมเพื่อประเทศ จะเป็นชนวนให้เกิดความแตกแยกมากขึ้นไปอีก ผมก็กังวล และจึงได้เรียนปรึกษากับท่านนายกฯ เพราะอยากให้ยุติความขัดแย้งแต่เนิ่นๆ ไม่ให้เป็นภาระของท่านนายกฯ ผมจึงขอถอนตัวก่อน เพื่อให้บ้านเมืองสงบ ถ้าผมดื้ออยู่ต่อ ผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯ ต้องปกป้องผมแน่นอน แต่ถ้าถามว่าบ้านเมืองส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์อะไร ผมไม่มีตำแหน่ง ผมก็ไปได้ รัฐมนตรีต่างประเทศอื่นๆ ก็ยินดีต้อนรับผมอยู่แล้ว นี่คือทั้งหมดด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ของผม นายสมคิด กล่าว
เขากล่าวรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดหวังที่ความบริสุทธิ์ใจของตนได้รับการตีความที่แตกต่าง และยืนยันว่าที่ผ่านมาทำงานด้วยความจริงใจและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เทิดทูนทั้งชีวิต และการเข้ามาทำงานไม่เคยมีนัยอื่นๆ เลย แต่ก็ไม่เคยถือโทษโกรธใคร หรือน้อยใจใคร เพราะเชื่อว่าหากทุกฝ่ายเข้าใจในเจตนาของตน และมองย้อนถึงผลงานในอดีต เห็นความจริงใจในการทำงาน ทุกฝ่ายจะเห็นและกลับมาปรองดองกัน เพื่อทำงานให้ประเทศในวันข้างหน้า
*ย้ำ 6 ปีทำงานการเมือง ซื่อสัตย์-สุจริต ไม่เคยยึดติดตำแหน่ง
นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับระยะเวลา 6 ปีที่ทำงานด้านการเมืองมา ยึดจุดยืนการทำงานซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและบ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งและทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่มาตลอด ไม่เคยละทิ้งการทำงานในหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบและไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ รวมถึงไม่ยึดติดตัวบุคคลที่ร่วมทำงานท่ามกลางกระแสวิจารณ์ จึงทำให้รอดพ้นทุกอุปสรรคและปัญหามาได้ตลอดการทำงาน 6 ปี
ทั้งนี้ จุดยืนในการทำงานของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังเหมือนเดิม และเป็นจุดยืนที่คิดไว้ในใจ ก่อนการเข้ามาทำงานการเมือง ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ คือ เพื่อต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นธรรมให้ประเทศก้าวไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง และทำงานอย่างซื่อสัตย์ สุจริต และยึดถือประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก
จุดยืนของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งการขาดดุลการค้าที่ทำให้ผมต้องถูกโยกไปกระทรวงพาณิชย์ เพราะการค้าขาดดุลเดือนละ 7-8 หมื่นล้านบาท เงินเฟ้อก็เป็นปัญหาใหญ่ ผมจึงมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ดุลการค้าเป็นปกติ จุดยืนที่ผมยึดมาตลอดก็คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการปรับโครงสร้างและสร้างรากฐานที่ทำให้เศรษฐกิแข็งแกร่งและเป็นธรรมได้ ให้ประเทศได้แข่งขันกับนานาประเทศ และก้าวไปยังอนาคตที่มั่นคง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผมมาตลอด นายสมคิด กล่าว
ส่วนกรณีความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าหลังเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองไม่เคยติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จริงเพราะต่างคนต่างมีแนวทางการทำงานที่มีความชัดเจน และแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ความคิดของตนเองและพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนละแนวทางกัน
6 ปีที่ผ่านมา ผมและคณะทำงาน ยึดหลักการทำงานที่มีเป้าหมายเป็นประสิทธิภาพและผลประโยชน์ของประเทศ หลายคนที่เคยตั้งข้อสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างผมและคุณทักษิณ ผมยืนยันได้ว่าผมและคุณทักษิณ มีแนวทางการทำงานต่างกันและต่างคนต่างมีแนวทางการทำงานของตนเอง ซึ่งแยกกันโดยเด็ดขาดชัดเจน ทำให้ความคิดของเราเป็นคนละแนวทาง จนบางครั้งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุแห่งความไม่ไว้วางใจ จนทำให้ผมต้องถูกปรับออกจากตำแหน่งทางการเมืองในหลายครั้งหลายตำแหน่ง ตามที่ทุกคนเข้าใจ นายสมคิด กล่าว
สำหรับการที่ไม่ลาออกจากการทำงานในอดีตรัฐบาลช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ เป็นเพราะไม่สามารถละทิ้งการทำงานที่มีได้ ทั้งปัญหาการขาดดุลทางการค้าอย่างต่อเนื่อง ค่าบาทอ่อน ปัญหาเงินเฟ้อ สิ่งเหล่านี้เป็นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้องอดทนทำงานอยู่ในตำแหน่ง เพราะตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่งก็สามารถทำงานได้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ การที่ยังทำงานอยู่ จึงไม่ใช่การยึดติดกับตำแหน่ง
เขากล่าวว่า สาเหตุที่แท้จริงของการทำงานร่วมกับรัฐบาลปัจจุบัน ก็คือทำหน้าที่รับผิดชอบเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะไทยไม่สามารถละเลยการมีสัมพันธ์ร่วมกับนานาประเทศได้ ขณะที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังแข็งแกร่ง แต่ยังมีความคลาดเคลื่อนและความไม่เข้าใจในไทย จึงจำเป็นต้องมีการอธิบายให้นานาชาติเข้าใจ โดยตนเองไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องนโยบายทางเศรษฐกิจ และตำแหน่งทางการเมืองแม้แต่น้อย ดังนั้นข้อวิจารณ์ ที่บอกว่าตนเองจะหวังเข้ามาสืบทอดทายาททางการเมืองจึงไม่ใช่เรื่องจริงประการใด
นอกจากนี้ มั่นใจว่าเจตนาบริสุทธิ์ที่มี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดก็ตาม ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ โดยยืนยันว่าไม่เคยโกรธหรือน้อยใจใครและเชื่อว่าอนาคตของประเทศในวันข้างหน้าจะสดใส เพราะเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสังคมไทยมากที่สุด
นายสมคิด กล่าวว่า ในระหว่างที่บ้านเมืองมีปัญหา และการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเข้ามาทำงาน ได้เคยหารือร่วมกันว่าขณะนี้พื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแกร่ง แต่มีแนวโน้มที่อาจชะลอตัวลง เนื่องจากสถานการณ์ของความไม่เข้าใจในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง และนโยบายเศรษฐกิจของไทยที่ต่างประเทศไม่เข้าใจ โดยเฉพาะ 3 ประเทศหลัก คือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา จึงเห็นควรต้องมีการเดินสายทำความเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงและนโยบายเศรษฐกิจของประเทศให้นานาประเทศได้เข้าใจมากขึ้น
* นายกฯ รับ อาจยุบคกก.ประสานงานศก.ระหว่างปท. หลังสมคิดลาออก
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คงต้องยุบเลิกคณะกรรมการ ประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หลังจากนายสมคิด ประกาศขอถอนตัวจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะเมื่อนายสมคิดลาออกไปแล้วก็คงต้องยุติ
การตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ คุณสมคิดให้เหตุผลว่าไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับผม และไม่อยากให้การทำงานของรัฐบาลเกิดปัญหา และผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณสมคิดด้วย นายกฯ กล่าว
|