May 19, 2024   2:18:09 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นค่ะ......
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 13/02/2007 @ 09:20:07
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำถือ STANLYราคาเป้าหมาย 138.00 บาทแม้ว่า SSEC ยังคงมีมุมมองในเชิงลบต่อการเติบโตของผลประกอบการในปีนี้และปีหน้าเนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวและการสูญเสียโมเดลสำคัญไป ขณะที่ต้นทุนมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากการ Test-Run และ Defect ที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกของการใช้โรงงานใหม่ทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิใน FY07/08E จะลดลง 2.7%YoY แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวลงมามากเทียบกับมูลค่าเหมาะสมที่ 138.0 บ.(Prospective PE ที่ 10 เท่า) มีDownside เพียง 5% ประกอบกับเรายังคงมองว่า STANLY เป็นหุ้นพื้นฐานดีทั้งในแง่ของสถานะทางการเงินและอัตราการทำกำไรที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม บริษัทประกาศผลประกอบการใน 3Q06/07A มีรายได้เท่ากับ 1,783 ลบ. ลดลง 17.8%YoYหรือ 11.6% นัยสำคัญมาจากยอดขายที่ลดลงตามอุตสาหกรรมและการเสียโมเดลไฟหน้าในIsuzu D-Max ไปให้กับคู่แข่ง ขณะที่ Defect Rateปรับตัวสูงขึ้นมากจากการผลิตให้กับHonda CR-V ทำให้ Gross Marginปรับตัวลงจาก 19.7% และ 21.1% ใน 3Q05/06Aและ 2Q06/07Aเป็น 17.4% ใน 3Q06/07A ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 207 ลบ. ลดลงสูงถึง 25.6% YoY หรือ 36.3% QoQ ตามลำดับ จากการประชุมวานนี้ SSEC เชื่อว่าสถานการณ์ใน 4Q06/07E เริ่มปรับตัวดีขึ้นโดย Utilization Rate ได้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาก่อนที่ประมาณ 80% เป็น 94-95% ทั้งคาดว่าจะมีรายได้จากการผลิตโมเดล ToyotaVios ใหม่ส่วนหนึ่งเข้ามาในปลายไตรมาสนี้ด้วย


บล.กิมเอ็งแนะนำทยอยสะสม PRINราคาเป้าหมาย 5.40 บาทเราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/49 จะลดลง 7% จากปีก่อนและ 6% จากไตรมาสก่อนเป็น 146 ล้านบาท แม้ว่ายอดรายได้จะสูงขึ้น แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงเพราะอัตรากำไรที่ต่ำลง อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 32.2% จาก 35.0% ในไตรมาส 3/49เนื่องจากรายได้จากโครงการเดอะ พัลส์ คอนโดมิเนียมต่ำลงเพราะโอนเกือบหมดแล้วซึ่งโครงการนี้มีอัตรากำไรที่สูงกว่า 35% กำไรสุทธิทั้งปี 2549 คาดว่าจะเพิ่ม 49% เป็น 453 ล้านบาทหรือ 0.68 บาทต่อหุ้น แม้ปีนี้จะขยายโครงการมาก แต่เราคาดว่ากำไรจะโตเพียง 6% เป็น 480 ล้านบาทหรือ 0.72 บาทต่อหุ้น เนื่องจากยอดขาย presales ของคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะยกไปรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า การเร่งขยายโครงการปีนี้จะไปส่งผลดีต่อผลประกอบการในปี 2551 โดยเราคาดว่ากำไรจะโต 38% เป็น 660 ล้านบาทหรือ 0.99 บาทต่อหุ้น เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อ PRIN มากขึ้น จากกลยุทธ์การเร่งขยายเข้าไปทำตลาดระดับกลาง-ล่าง และคอนโดมิเนียม ซึ่งยังมีความต้องการสูงในตลาด เราจึงปรับเพิ่มราคาที่เหมาะสมเป็น 5.40 บาทต่อหุ้น (ก่อนเพิ่มทุน) โดยเราคาดว่า PRIN จะต้องเพิ่มทุนปีนี้เพื่อขยายงานและลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน รายละเอียดของการเพิ่มทุนยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เราคาดว่าจำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 25-40% หลังเพิ่มทุน โดยราคาตอนนี้ยังมี upside จากราคาที่เหมาะสมหลังเพิ่มทุนประมาณ 13-23% เราจึงแนะนำ ทยอยสะสมสำหรับPRIN


บล.เคจีไอแนะนำถือ PSLราคาเป้าหมาย 55.90 บาทนับตั้งแต่ พ.ย. 49 PSL ได้ประกาศขายเรือ 9 ลำทำให้มีเรือเหลืออยู่ติดกองเรืออยู่เพียง45 ลำ จากเรือที่ประกาศขายทั้งหมด บริษัทฯ แจ้งว่าได้ทยอยส่งมอบไปแล้ว 6 ลำตั้งแต่ม.ค. 50 และจะทยอยส่งมอบส่วนที่เหลือภายใน มี.ค. 50 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรพิเศษจากการขายเรือ 1,454 ล้านบาท จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้ประกาศแผนการซื้อเรือทดแทนทำให้เรามีข้อกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการหาเรือทดแทน เนื่องจากจำนวนเรือที่ขายไปคิดเป็น 17% ของทรัพย์สินก่อให้เกิดรายได้ ความล่าช้าในการซื้อเรือทดแทนจึงเป็นปัจจัยลบต่อรายได้จากค่าระวาง อย่างไรก็ดีเรามิได้กังวลถึงความสามารถซื้อของ PSL เนื่องจากPSL เคยซื้อเรือทีเดียว 15 ลำในปี 2547 และ PSL ยังได้รับสินเชื่อจากธนาคารรวมถึงUS$550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้อเรือใหม่ หาก PSL ใช้สินเชื่อเต็มวงเงินจะสามารถซื้อเรือได้ถึง 22 ลำที่ราคาเฉลี่ยมือสองที่ US$25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อลำ จำนวนเรือที่ลดลงจะกระทบต่อกำไรของ PSL ในอนาคต จากการศึกษา เราคาดการณ์ถึงสภาพการณ์และผลกระทบต่อกำไรทั่วไปหลังการขายเรือว่าจะมีความเป็นไปได้ใน 3 แนวทางดังต่อไปนี้i)หากไม่ซื้อเรือทดแทน: จำนวนเรือจะลดลงเหลือ 45 ลำ กระทบกำไรทั่วไปเหลือเพียง 3,522 ล้านบาทลดลง 9.4% YoY ii)หากซื้อเรือทดแทนในจำนวนเดิม: จำนวนเรือจะคงอยู่ที่ 54 ลำ กำไรทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 4,416 ล้านบาทหรือ 13.6% YoY iii)หากซื้อเรือทดแทนเต็มวงเงินสินเชื่อที่ 22 ลำ: จำนวนเรือจะเพิ่มเป็น 68 ลำ ทำให้กำไรทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5,123 ล้านบาทหรือ 31.8% YoY จากการวิเคราะห์ทางการเงินและประวัติการซื้อในอดีต เราคาดว่า PSL จะเลือกแนวทางที่ 2 กล่าวคือซื้อเรือทดแทนในจำนวนเดิมเนื่องจากมีการเลื่อนส่งมอบเรือบางส่วนที่ได้ประกาศขายจากไตรมาส 4/49 มาในไตรมาส 1/50 PSL จะต้องแบกภาระต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ดังนั้นเราปรับลดกำไรในปี 2549 ลง 7% เป็น 3,847 ล้านบาท จากประมาณการครั้งที่แล้วเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือที่สูงขึ้น เราคาดว่ารายได้จากค่าระวางในไตรมาส 4/49 จะอยู่ที่ 2,525 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.3% QoQ และลดลง 6.1% YoY จากค่าระวางที่สูงขึ้นตลอดไตรมาส


บล.เอเชียพลัสแนะนำขาย GFPTราคาเป้าหมาย 9.06 บาทฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานงวด 4Q49 ของ GFPT จะสามารถพลิกกลับมาแสดงกำไรสุทธิได้ 65 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 32 ล้านบาทในงวดที่ผ่านมา เนื่องจาก 1) ปริมาณการขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% qoq เป็น 2.5 หมื่นตัน บวกกับราคาขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายงวด 4Q49 เพิ่มขึ้น 8.2% qoq เป็น 1.9 พันล้านบาท 2) Gross margin คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.8% จาก 7.7% ในงวดที่ผ่านมา เนื่องจากราคาไก่เป็นเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 26% qoq เป็น 30.6 บาท/ก.ก. และ 3) คาดว่า GFPT จะมีการบันทึกรายได้จากการโอนกลับการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 6 ล้านบาท จากที่บันทึกเป็นค่าใช้จ่าย 32 ล้านบาทในงวดที่ผ่านมา โดยรวมคาดว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิปี 2549 เท่ากับ 103 ล้านบาทลดลง 72% yoy แต่สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้เดิม แม้แนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 4Q49 จะดีจากอานิสงค์ของราคาไก่ แต่คาดว่าคงไม่ต่อเนื่องในงวด 1Q50 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกรอบล่าสุด ส่งผลให้ราคาไก่เป็นในประเทศปรับลดลงต่อเนื่องจนปัจจุบันเหลือ 23 บาท/ก.ก. ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงอีกครั้ง (งวด 1Q50 เฉลี่ยถึงปัจจุบันอยู่ที่ 25.6 บาท/ก.ก.) และอาจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ หากยังมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยรวมจึงคาดว่างวด 1Q50 ผลการดำเนินงานของ GFPT น่าจะหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่า Fair value ปี 2550 ที่กำหนดโดยอิง PER 7 เท่า ที่ 9.06บาท แล้ว อีกทั้ง Div yield สำหรับปี 2549 คาดไว้เพียง 3.5% หลังบริษัทปรับลดนโยบายการจ่ายปันผลจากไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิเป็นไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิฝ่ายวิจัยจึงยังคงแนะนำ ขาย เช่นเดิม






[/color:4ec285daca">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com