หุ้นกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ เริ่มออกสตารท์ ดันดัชนีกลุ่มทะลุแนวต้านแรกที่ 693 จุด ด้านโบรกเกอร์มองช่วงสั้นมีแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้คึกคักรับแนวโน้มความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น มองกรอบดัชนีระยะกลาง 1 ? 2 สัปดาห์ที่ 693-710 จุด ส่องพื้นฐาน HANA-KCE-CCET โดดเด่นสุด ขณะที่ MPT มีดีที่เทคนิคเข้าช่วงขาขึ้นชัดเจน

ดัชนีหุ้นกลุ่มอิเลคทรอนิกส์วานนี้(8ก.พ.) ปิดที่ 696.18 จุด เพิ่มขึ้น 11.13 จุด หรือ 1.62% โดยหุ้นในกลุ่มนี้มีการปรับตัวคึกคักและมีแรงเก็งกำไรหนาแน่น

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของดัชนีกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัว จากแนวโน้มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มนี้ในระยะสั้นได้ โดยดัชนีในระยะกลาง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า มีเป้าหมายที่ 693-710 จุด และมีแนวรับที่ 675-670 จุด

?การฟื้นตัวของดัชนีกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นแค่ช่วงสั้นเท่านั้น เพราะในช่วงไตรมาสแรกของทุกปีจะเป็นช่วงโลซีซัน อีกทั้งประเมินว่าในไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานจะไม่ค่อยเด่น ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนยังผันผวนที่ 33-36บาท/ดอลลาร์?นายชัย กล่าว

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักลงทุนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ถึงไตรมาสแรกของทุกปีจะเป็นโลซีซัน แต่มองว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าลงทุนระยะยาว ซึ่งหุ้นที่ประเมินว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คือ HANA เพราะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ และมีสินค้าที่หลากหลายรองรับความต้องการของลูกค้าได้สูง โดยมีแนวโน้มการจ่ายปันผลในครึ่งปีหลัง 0.55 บาท/หุ้น ผลตอบแทนสูงถึง 5-6% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นในปัจจุบัน จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 31.60 บาท

ส่วน CCET คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส1 /2550 จะปรับตัวอย่างโดดเด่น จากการทยอยรับออเดอร์จากลูกค้าในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และกลุ่ม PCBA ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2550 และคาดจ่ายปันผลประมาณ 0.10-0.20 บาท/หุ้น และมีผลตอบแทนจากการจ่ายปันผลสูงถึง 7% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นในปัจจุบัน จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.10 บาท

สำหรับ KCE คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2549 จะพลิกมีกำไรสุทธิถึง 50-60 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน 14 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารอัตราส่วนของเสียที่เริ่มนิ่งขึ้น และการปรับราคาขายกับลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 11% - 12% ซึ่งจะเห็นประโยชน์ได้อย่างชัดเจนในไตรมาสดังกล่าว จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.00 บาท

ขณะที่ MPT มองว่ายังไม่มีความโดดเด่น แม้ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2549 จะขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 47 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุน 152 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว และคาดว่าผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2/2550 เพราะสามารถปรับตัวกับการถูกควบคุมจาก Maxtor ที่ทำให้มีปัญหาต้องระบายสินค้าคงคลังออกมาไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นช่วงโลซีซันบริษัทแต่หากรายการพิเศษจากการขายเครื่องจักรเกิดขึ้น อาจทำให้ผลการดำเนินงานพลิกกำไรได้ แต่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ?หลีกเลียงลงทุน? เพราะราคาหุ้นในปัจจุบันสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 1.90 บาท

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้น HANA เริ่มมีสัญญาณซื้อทางเทคนิคเข้ามาระยะสั้น จากช่วงก่อนหน้าราคาค่อนข้างผันผวน จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้แนวรับที่ 25.50-25.00 บาท และแนวต้าน 26.50-28.00 บาท ส่วน CCET มองว่าราคายังไม่มีการปรับตัวที่โดดเด่น เพียงแค่แกว่งตัวในกรอบแคบ จึงแนะนำแค่ ?เก็งกำไร? โดยให้แนวรับ 4.38-4.32 บาท และแนวต้าน 4.50-4.58 บาท ข ขณะที่ KCE ราคาหุ้นมีการปรับตัวเข้าสู่ระยะซื้อมากเกินไป ดังนั้นแนะนำ ?ซื้ออ่อนตัว? โดยให้แนวรับที่ 3.86-3.82 บาท และแนวต้านที่ 4.00-4.08 บาท สำหรับ MPT ราคาหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น จากมูลค่าการซื้อขายที่มีอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำ ?เก็งกำไร? โดยให้แนวรับที่ 2.04-2.00 บาท และแนวต้านที่ 2.20-2.24 บาท

[quote:6d175a23fe=samjin">หแต่มองว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าลงทุนระยะยาว ซึ่งหุ้นที่ประเมินว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คือ HANA เพราะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ และมีสินค้าที่หลากหลายรองรับความต้องการของลูกค้าได้สูง โดยมีแนวโน้มการจ่ายปันผลในครึ่งปีหลัง 0.55 บาท/หุ้น ผลตอบแทนสูงถึง 5-6% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นในปัจจุบัน จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 31.60 บาท
[/quote:6d175a23fe">

สงสัยจะเมา
ปันผลแค่ 0.55/26.75= 2.05% เิอง