May 19, 2024   11:29:20 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 09/02/2007 @ 12:37:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันพฤหัสบดีที่ 8 ก.พ. ปิดที่ 691.28 จุด +15.95จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,937 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 3,401.28 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 43.06 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 3,358.22 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 692.28 จุด +16.95 จุด และ Low ที่ดัชนี 676.70 จุด +1.37 จุด มาแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย.....แรงซื้อหุ้นใหญ่โหมโรงกันเข้ามาตั้งแต่เปิดตลาดไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรกดัชนีบวกไปเกือบ 10 จุด ที่มีแรงซื้อกลับเข้ามามากที่สุดเป็นหุ้นธนาคารหลังจากที่ปรัดลดลงมามากทั้งที่ราคาเคลื่อนไหวแบบนิ่ง ๆ ในกรอบมาพักใหญ่ หุ้นพลังงานและหุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่น้อยหน้าต่างก็ดีดตัวขึ้น หุ้นเกือบทุกกลุ่มต่างพร้อมใจกันดันดัชนีให้ปรับตัวขึ้นแรง ส่งผลโดยตรงต่อหุ้นหลักทรัพย์เพราะแค่ครึ่งวันแรกมีมูลค่าการซื้อขายถึง 12,534 ล้านบาท เหมือนมูลค่าการเทรดทั้งวันของหลายวันที่ผ่าน ๆ มา ทำให้หุ้นหลักทรัพย์ต่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลักจากที่นั่งเศร้ามานาน แรงซื้อที่กลับเข้ามาหลายสำนักต่างมองว่าต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยคืนพอร์ตแต่วานนี้กลับเข้ามาซื้อมากจึงทำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นแรงพร้อมทั้งมีมูลค่าการซื้อขายเข้ามา Support ด้วย K.KRAZIPมองว่าอาจเป็นการต้อนรับท่าน ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ให้มีความชัดเจนขึ้นทั้งเรื่องระเบิดเมื่อสิ้นปี49 ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ภายในประเทศน่าจะเริ่มดีขึ้น ทางเทคนิคส่งเสริมแถวๆ 702 จุด ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

ATC
ราคาเปิด 40.75 บาท ราคาปิด 43.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 578.306 ล้านบาท จากแนวโน้มขาขึ้นของธุรกิจอะโรเมติกส์ที่จะยังต่อเนื่องไปยาวนานกว่าปกติ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เป็นขาขึ้น จากราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ยังไม่ปรับลดลงตามทิศทางการอ่อนตัวของราคาน้ำมันเป็นการยืนยันถึงปริมาณความต้องการที่ยังสูง และปัญหาการขาดแคลงในตลาด ซึ่งผู้ผลิต PTA ที่ขยายกำลังการผลิตอย่างมากทำให้เกิดปัญหาขาดแคลย PX ที่จะให้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิต PTA กอปรกับมาร์จินของผู้ผลิตในขั้นปลายนั้นก็ยังอยู่ในระดับสูง จึงชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่ยังเติบโตในสินค้าประเภทนี้ ที่คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ spread ของATC อยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องจนถึงปี 2008 K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 42.50 บาท แนวต้าน 45.00 บาท

SCB
ราคาเปิด 63 บาท ราคาปิด 65.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,049.191 ล้านบาท ในปี 2549 SCB มีกำไรสุทธิที่ 13,286 ล้านบาท ลดลง 30%YoY เนื่องจากมีการตั้งสำรองฯสูง 6.6 พันล้านบาท ตามมาตรฐาน IAS 39 ส่งผลให้ ROE ลดลงเหลือเพียง 13% ด้านสินเชื่อเติบโต 15%YoY สินเชื่อรายย่อยและ SMEs เติบโตสูงสุด NIMsเพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 2548 เป็น 3.6% ในปี 2549 และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 14%YoY ได้ประมาณการสำหรับปี 2550 จะมีกำไรสุทธิที่ 16,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23%YoY ประมาณการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 14% หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากกลุ่มสินเชื่อ SMEs สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรายย่อย นับเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด NPLs ในภาวะเศรษฐกิจขาลงเช่นในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEsต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญที่สูง ประกอบกับระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง SCB มีประสบการณ์เพียงพอ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 64.50 บาท แนวต้าน 68 บาท

TYONG
ราคาเปิด 1.15 บาท ราคาปิด 1.14 บาท มูลค่าการซื้อขาย 34.396 ล้านบาท จากที่ TYONG สามารถกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดฯได้ตามปกติแล้ว และอยู่ในช่วงสร้างกระแสเงินสด หลังจากมีข่าวว่ารายได้จะปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และโครงการบ้านเอื้ออาทร จึงคาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท เพื่อจะนำเงินไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ และยังอาจจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมงานซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทต่างชาติหลายราย นอกจากนี้ในส่วนแผนงานที่จะนำ BTS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะดำเนินการได้ทันในQ2/50 คาดว่า TYONG จะมีกำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการในปี 2550 จำนวน 28,836 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ดังK.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับ 1.12 บาท แนวต้าน 1.22 บาท

MK
ราคาเปิด 2.62 บาท ราคาปิด 2.66 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4.384 ล้านบาท จากการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/49 ของ MK คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากการเติบโตของยอดรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่จำนวนมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอดขายยังชะลอตัวมาก เนื่องจากไตรมาส 4/48 มียอดขายเพียง 360 ล้านบาทลดลง 10% เทื่อเทียบกับไตรมาส 3/49 เช่นเดียวกับผู้ประกอบการบ้านเดี่ยวโดยส่วนใหญ่ และปัจจุบันยอดขายยังซบเซาต่อเนื่อง เป็นผลจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ลดลงหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิด ซึ่งส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคยังชะลอการซื้อที่พักอาศัยโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ส่วนยอดรับรู้รายได้ปี 50 คาดว่าจะเติบโตขึ้น 9% ตามความมั่นใจของผู้บริโภคที่จะดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงในครึ่งปีหลัง รวมทั้งแผนการตลาดเชิงรุก ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายในอนาคต K.KRAZIP เห็นว่า MK จะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะช่วยหนุนกำไรในปี 50 หลังจากชำระหนี้ตามกำหนดแล้ว ซึ่งคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.17 บาท/หุ้น แนะนำ ซื้อลงทุน โดยมีแนวรับ 2.62 บาท แนวต้าน 2.82 บาท

NWR
ราคาเปิด 0.76 บาท ราคาปิด 0.79บาท มูลค่าการซึ้อขาย 98.256 ล้านบาท จากที่ทางด้าน NWR มีความคิดที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจจากผู้รับเหมาก่อสร้างไปเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แทน ปัจจุบัน NWR จับมือกับผู้ประกอบการรายอื่นเพื่อพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 3 โครงการด้วยกัน คือโครงการคอนโดมิเนียม โดยร่วมมือกับบมจ. ชาญอิสระ ก่อตั้งบริษัท ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท จำกัด (NWR มีสัดส่วน 40%) มูลค่าโครงการประมาณ 2,200 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 3 ปี และโครงการสร้างบ้านจัดสรรที่เกาะสมุย ร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่น (NWR มีสัดส่วน 87%) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดตัวได้ในช่วง 2Q50 โดยมีลูกค้าเป้าหมายได้แก่ ลูกค้าทางกลุ่มประเทศยุโรป และ อเมริกา และโครงการบ้านเดี่ยว บริเวณริมทะเล ที่จังหวัด ชลบุรี NWR จะถือหุ้นสัดส่วน 25% ซึ่งจากโครงการทั้ง 3 ส่วนนี้ คาดว่าจะทำให้ NWR มีรายได้เพิ่มเติมนอกจากธุรกิจหลักซึ่งและคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาในปี 50 ประมาณ 70-80 ล้านบาท รายได้นี้น่าจะทำให้ NWR มีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม NWR ก็ยังมีแผนขยายงานไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยปัจจุบันมีงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศ กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม และดูไบ และ สำหรับโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย มูลค่ารวม 1.65 แสนล้านบาท ที่ทางรัฐบาลจะเปิดให้ประมูลในปี 50 นี้ ทาง NWR มีแผนจับมือกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ โอบายาชิ และ SEAFCO เข้าประมูล ถ้าบริษัทได้รับการประมูลในครั้งนี้อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับNWRในปีนี้ก็ได้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 0.77 บาท แนวต้าน 0.82 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:654ef2ebaf">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com