May 19, 2024   2:08:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 09/02/2007 @ 09:41:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ RSราคาเป้าหมาย 6.00 บาทจากการพบกับผู้บริหารของบริษัทเมื่อวานนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า รายได้จากการขายและบริการของ RS ในงวด 4Q49 จะเพิ่มขึ้น10.8% qoq เป็นผลจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องแสบสนิทศิษย์ส่ายหน้าที่ทำรายได้ในงวด 4Q49 เกิน 90 ล้าน บาท และยอดขายวีซีดีการแสดงคอนเสิร์ตโปงลางสะออนชุด 2 ที่สูงเกินล้านแผ่น แม้ว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิด ทำให้รายได้ธุรกิจอีเวนต์ต่ำกว่าคาดจากการถูกยกเลิกจัด 2 งานใหญ่ คือ 1) การรับจ้างจัดงาน countdown ของช่อง 3 และ 2) งานพลุนานาชาติชิงแชมป์โลก อย่างไรก็ตาม RS มีรายจ่ายสูงกว่าที่คาดจากการที่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานเต็มจำนวนอีกราว50 ล้านบาท เนื่องจากยังมิได้ตั้งบัญชีโบนัสค้างจ่ายในงวดก่อน ๆ ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าสัดส่วนค่าใช้ในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นจาก 17.5% ในงวด 3Q49 มาอยู่ที่ระดับ 28.3% เป็นผลให้คาดว่ากำไรสุทธิงวด 4Q49 จะเท่ากับ 54 ล้านบาท ลดลง 22.1% qoq และเมื่อรวมกับกำไรงวด 9M49 จะทำให้กำไรสุทธิปี 2549 เท่ากับ 166 ล้านบาทคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 24 สตางค์ ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเบื้องต้นเล็กน้อย ธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2550 คือคอนเทนต์ด้านบันเทิง โดยมีรายได้เพิ่มเติมจาก ลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนและงานอีเวนต์อย่าง ?อีซูซุ ออลสตาร์ ฮีโร่ เฟสติวัล 2007? นอกจากนี้ RS ยังมีแผนที่จะจัดคอนเสิร์ตนักร้องดังจากต่างประเทศ คริสติน่า อากริวร่า ซึ่งขณะนี่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา และมีแผนที่จะจัดงานมายากลระดับโลกในช่วง 2H50 จะช่วยผลักดันกำไรเติบโต68.7% ส่วนคอนเทนต์ด้านกีฬา ขณะนี้บริษัทได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2 สมัยคือ ปี 2553 และ 2557 แล้ว นอกจากนี้ยังกำลังรอผลการประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโร ปี 2551 ซึ่งจะทราบผลในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยลิขสิทธิ์บอลยูโรคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ปี 2551 อีกราว 500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของฝ่ายวิจัย การขยายตัวของคอนเทนต์กีฬาจึงเป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดันการเติบโตในอนาคต จึงแนะนำให้ ซื้อ โดยมี Fair Value ที่ 6 บาท Upside 37%

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ BECLราคาเป้าหมาย 30.00 บาทการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิทำให้ปริมาณการใช้ทางด่วนใน Sector D เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วน 4Q49 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.09%YoY มาอยู่ที่ 930,590คัน/วัน โดยมีรายได้อยู่ที่ 18.26 ล้านบาท/วัน เพิ่มขึ้น 5.43%YoY ส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วนทั้งปี49 ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 891,000 คัน/วัน เพิ่มขึ้น 3.15%YoY โดยมีรายได้เฉลี่ย 17.46ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.12%YoY สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มลดลง จะส่งผลดีต่อค่าใช้จ่ายในปีหน้าไม่ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากปี 08 บริษัทจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเป็นลอยตัว (MLR- 2%) ส่วนการปรับค่าผ่านทางใน ก.ย.08 บริษัทคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างน้อย 5 บาทเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่ มี.ค. 46 ถึง ม.ค. 50 เพิ่มขึ้นแล้วถึง 12.7% ปริมาณการใช้ทางด่วนที่โตค่อนข้างมากทำให้เราคาดว่า 4Q49 บริษัทจะมีรายได้ถึง 1,837 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.8%YoY ขณะที่ค่าใช้จ่ายการบริหารจะปรับตัวสูงขึ้นจากการจ่ายโบนัส และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นทำให้กำไรไตรมาสนี้อยู่ที่ 373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3%YoY โดยเราได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรปี 49 เป็น 1,564 ล้านบาท (เดิม 1,512 ล้านบาท) ขณะที่แนวโน้มผลประการในปี 50 อาจไม่ดีเท่าปี 49 เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวลง จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคตของบริษัทเพิ่มไม่มากนัก ขณะที่การประมูลรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัท โดยคาดว่าสายสีแดงและม่วง จะส่งผลดีต่อทางด่วนใน Sector B+ และ C+ (รถติดทำให้หันมาใช้ทางด่วนมากขึ้น) ประกอบกับการปรับเพิ่มค่าผ่านทางด่วนที่จะเกิดขึ้นในปี51 จะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ BECราคาเป้าหมาย 23.00 บาทเราคาดว่า BEC จะมีกำไรไตรมาส 4/49 เท่ากับ 484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% แม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอตัว รายได้ค่าโฆษณาที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องนั้นน่าจะมีสาเหตุจากอัตราการใช้เวลาโฆษณาที่สูงขึ้นและได้ประโยชน์จากการที่ ITV ประสบปัญหาเรื่องสัมปทานโดยส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของช่อง 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่เม็ดเงินโฆษณาก็มีการเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดเทียบกับสถานีอื่น (ไม่รวมช่อง 11 ซึ่งได้รับผลบวกจากการถ่ายทอดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์) หลังจากลดสัดส่วนลงทุนในบริษัท ThemeStar ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2548 ส่งผลให้รายได้คอนเสิร์ตและการแสดงโชว์ลดลงแต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายก็ลดลงมากเช่นกัน นอกจากนั้นการที่ธุรกิจสถานีโทรทัศน์มีต้นทุนส่วนใหญ่คงที่ทำให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรบริษัท (High operating leverage) เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 41.7% ในไตรมาส 4/48 เป็น 52.5% สำหรับกำไรพิเศษราว 20 ล้านบาทจากการขาย Sony BMG MusicEntertainment (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BEC-Tero Entertainment (บริษัทย่อยของ BEC) เรายังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการจากการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสถานีโทรทัศน์ BEC มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่ามีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาจะชะลอการเติบโตลงในปีนี้ บริษัทยังดูน่าสนใจในแง่ของการมี High operating leverage และมีความสามารถในการทำกำไรสูง ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งทำให้มีการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ

บล.เกียรตินาคินแนะนำถือ KTBราคาเป้าหมาย 13.40 บาทแนวโน้มผลประกอบการของ KTB ในไตรมาส 1/50 มีแนวโน้มเติบโตจากไตรมาส4/49มาก เนื่องจากจะได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ที่ประกาศจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 2549อีก 0.30 บาท/หน่วย ซึ่งจะทำให้ KTB ได้รับเงินปันผลประมาณ8 ร้อยล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาส 1/50 เราคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองน้อยลงกว่าไตรมาส 4/49 มากจากที่ไตรมาส 4/49 ได้มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับ IAS 39 ในไตรมาส 4/49 KTB ได้มีการตั้งสำรองสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับ IAS 39 ในขณะนี้ KTB อยู่ระหว่างการหารือกับสมาคมธนาคารและ ธปท. ว่าจะนำเครื่องจักรมานับเป็นหลักประกันได้หรือไม่หากธปท. ยอมให้นับเครื่องจักรเป็นหลักประกันได้ KTB อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองมากกว่าปกติในปี 2550 จะตั้งเพียงสำรองปกติเดือนละ 300 ล้านบาท หรือทั้งปีที่ 3.6 พันล้านบาท แต่จากการที่ KTB นั้นมีสัดส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคการผลิต และมีหลักประกันเป็นเครื่องจักรค่อนข้างมาก ประกอบกับเราประเมินอย่าง Conservativeว่าKTB ไม่สามารถนับเครื่องจักรมาเป็นหลักประกันได้ เราจึงคาดว่าในปี 2550KTB นั้นจะมีการตั้งสำรองมากกว่าการตั้งสำรองตามปกติ โดยเราคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองทั้งปีจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าในปี 2550 นั้น เรายังคาดว่า KTB ยังจะมีการตั้งสำรองระดับสูงต่อไป แต่จากการที่ไตรมาส 4/49 KTB มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับ IAS 39 มากกว่าที่เราคาดมาก ทำให้เราคาดว่าการตั้งสำรองในปี 2550 นั้นจะต่ำกว่าเดิมที่เราคาดไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยเราคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองในปี 2550จำนวน 1.2หมื่นล้านบาท ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ขึ้น 30%จากเดิมที่เราคาดไว้ที่ 11,116 ขึ้นเป็น 14,434 ล้านบาท






[/color:738d3631d4">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com