May 7, 2024   8:06:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 08/02/2007 @ 10:45:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP
SET Index วันพุธที่ 7 ก.พ. ปิดที่ 675.33จุด +1.70จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,588 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 838.54ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 236.21 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 602.34 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 679.00 จุด +5.37 จุด และ Low ที่ดัชนี 675.08 จุด +1.45 จุด มากันเต็มหน้าเสื่อเลยหุ้นเก็งกำไรตัวฮิต ๆ (BLISS,BLISS-W1,BAY-1,TRUE,EVER) เรียงตัวกันวิ่งเกือบเต็มหน้ากระดานแต่.....แต่ที่ว่าก็คือแต่ละตัวมากันเป็นรอบสั้น ๆ เท่านั้น ประมาณว่าใครหันมาเห็นช้าก็หมายความว่าตกขบวนแน่นอน เล่นหุ้น Size กลาง+เล็ก
ๆ กันอย่างนี้มูลค่าตลาดก็เลยยังไม่มาก บางช่วงดูนิ่ง ๆ จนK.KRAZIP เกือบเข้าฌานไปเหมือนกัน ดัชนีเคลื่อนไหวกรอบแคบ ๆ ในแดนบวกระหว่าง 676 ? 679 จุด ซึ่งหลังเปิดตลาดบ่ายดูเหมือนจะคึกคักกว่าช่วงเช้าซะอีกแต่สุดท้ายแรงซื้อขายก็เริ่มแผ่วปลายเหมือนตลาดในภาคเช้าสถานการณ์อย่างนี้คงต้องเน้นเลือกเล่นหุ้นรายวันกันไปก่อนเพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน แบบว่าคงต้องตามน้ำกันไปก่อนรึไม่ก็ยึดหลัก wait & seeสักพักในหุ้นขนาดใหญ่แล้วหันมาเก็งกำไรรายวันแทนไปก่อน (รอลุ้นผลประกอบการเร็ว
ๆ นี้)
BECL ราคาเปิด - ปิด 23.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 63.95 ล้านบาท หลังจากเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิทำให้ปริมาณการใช้ทางด่วนใน 4Q49 เพิ่มขึ้นส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการบริหารจะปรับตัวสูงขึ้นจากการจ่ายโบนัส และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 50 อาจไม่ดีเท่าปี 49 อย่างไรก็ตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวลง
จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคตของบริษัทเพิ่มไม่มากนัก ส่วนเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัทประกอบกับการปรับเพิ่มค่าทางด่วนที่จะเกิดขึ้นในปี 51 จะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต K.KRAZIP มองว่าถึงแม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าออกมาไม่เติบโตมากนัก แต่ในระยะยาวแล้ว
ปริมาณการใช้ทางด่วนยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้ง TTW ที่คาดว่าจะเข้าตลาดในกลางปีนี้ จะสร้างกำไรและเพิ่มมูลค่าให้ BECL แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ 23.70 บาท แนวต้าน 24.20 บาท STA ราคาเปิด ? ปิด 14.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.59 ล้านบาท แนวโน้ม Q4/49 น่าจะยังมีกำไรได้แม้ว่าราคาเฉลี่ยจะลดลงจาก Q3/49 STA น่าจะมียอดขายใน Q4/49 ราว 7.8 พันล้านบาท ซึ่งจะสูงกว่าที่ได้ประมาณการไว้ ส่วนแนวโน้มปี 2550 ผู้บริหารคาดว่าปริมาณการจำหน่ายของ STA น่าจะขยายตัวราว 5-10% YoY เนื่องจากความต้องการในจีนซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคยางรายใหญ่ยังแข็งแกร่ง และ
STAได้ขยายตลาดในต่างประเทศค่อนข้างมาก แนวโน้มธุรกิจถุงมือยางปีนี้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยรวม จึงน่าจะยังทรงๆและการแข่งขันยังคงสูง แต่ STA น่าจะยังมีความได้เปรียบในด้าน economies of scale โรงงานในอินโดนีเซีย K.KRAZIP คาดว่ากำไรสุทธิของ STA ในปีนี้จะเติบโตราว 12-15% YoY จากปริมาณ และราคาขาย STA น่าจะให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลสำหรับปี 2549 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.75 บาท/หุ้น
K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 14.70 บาท แนวต้าน 15.10 บาท
BEC ราคาเปิด ? ปิด 21.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 83.48 ล้านบาท คาดว่า BEC จะมีกำไร Q4/49 เท่ากับ 484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% รายได้ค่าโฆษณาคาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
เนื่องจากอัตราการใช้เวลาโฆษณาที่สูงขึ้นและได้ประโยชน์จากการที่ ITV ประสบปัญหาเรื่องสัมปทาน โดยส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของช่อง 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาก็มีการเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดเทียบกับสถานีอื่นหลังจากลดสัดส่วนลงทุนในบริษัท ThemeStar นอกจากนี้การที่ธุรกิจสถานีโทรทัศน์มีต้นทุนส่วนใหญ่คงที่ทำให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรบริษัท ได้ประเมินกำไรปกติปี 2549 ว่าจะเติบโต 109% เป็น 1,838 ล้านบาท ซึ่งส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของช่อง 3 เพิ่มขึ้นจาก 20.8% ในปี 2548 เป็น 22.2% และคาดการณ์กำไรปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 11% เป็น 2,045 ล้านบาท รับอานิสงฆ์จากการเข้ามาดำเนินรายการมากขึ้นของคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ซึ่งน่าจะช่วยให้อัตราการใช้เวลาโฆษณาและส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มขึ้น ดังนั้น
K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 21 บาท แนวต้าน 22 บาท
RCL ราคาเปิด 21.90 บาท ราคาปิด 22.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 92.9 ล้านบาท สาเหตุที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นน่าจะเป็นเพียงการปรับขึ้นตามภาวะตลาดส่วนประเด็นค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นไม่น่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น เพราะดัชนีค่าระวางเรือปัจจุบันอยู่ที่ 4,243 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ประเด็นที่น่าสนใจต่อจากนี้จะเป็นเรื่องของดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index ซึ่งเป็นดัชนีที่เป็นตัวแทนของค่าระวางเรือโดยรวมดังนั้นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าระวาง BDI
คาดว่าจะส่งผลด้านบวกต่อการซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเดินเรือกอปรกับสัญญาณทางด้านเทคนิคที่ยังมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นได้ต่อ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 22.50 บาท แนวต้าน 25 บาท
KTB ราคาเปิด12.40 บาท ราคาปิด 12.10บาท มูลค่าการซื้อขาย 181.61ล้านบาท
เนื่องจากที่มีแนวโน้มผลประกอบการKTBในไตรมาสที่ 1/50 เติบโตจากไตรมาสที่ 4/49 มาจากที่ได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในกองทุนวายุภักย์และนอกจากนี้เราคาดการที่ KTB ได้ยื่นเรื่องการตั้งสำรองเงินที่ต้องการให้ สมาคมธนาคารและธปท ที่ KTBจะนำเครื่องจักรเป็นหลักประกันแทนเงินสดได้หรือไม่ถ้าทาง
สมาคมธนาคารและธปท ยอมให้นับเครื่องจักรเป็นหลักประกันได้ KTBอาจจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้งเงินสำรองไปมากกว่าปกติเนื่องจากที่ KTB นั้นมีสัดส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคการผลิดและมีหลักประกันเครื่องจักรค่อนข้างมากอาจจะเป็นประโยนช์สำหรับ KTBเป็นอย่างมากในการลดต้นทุนในการสำรองเงินโดยใช้เครื่องจักรนำไปเป็นหลักประกันแทนและอาจจะนำเงินไปใช้ประการธุรกิจทางด้านอื่นเพื่อให้เกิดกำไรมากขึ้นมีและแนวโน้มที่ผลประกอบการไตรมาส 1/50 จะเติบโตจากไตรมาส 4/49 มาก ประกอบกับคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 0.55 บาท/หุ้น ซึ่งจะทำให้ KTB มีความน่าสนใจลงทุน ทยอยรับแถวราคา 11.90 บาท
K.KRAZIP 08/02/2550

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com