May 8, 2024   12:57:41 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 07/02/2007 @ 10:46:58
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันอังคารที่ 6 ก.พ. ปิดที่ 673.63จุด -0.79จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,878 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 636.41ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 510.52 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 125.90 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 677.42 จุด 3.00 จุด และ Low ที่ดัชนี 671.77 จุด -2.65 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบทั้งแดนบวกและแดนลบโดยค่อนไปในแดนลบซะส่วนใหญ่ เปิดตลาดเช้ามาฟอร์มดีเปิดตัวขึ้นเป็นบวกได้แต่พอแตะที่ดัชนีสูงสุดของวันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็อ่อนตัวลงในแดนลบแม้ดัชนีพยายามจะดีดตัวขึ้นระหว่างเทรดในรอบเช้า แต่ตลาดก็ไร้ซึ่งแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปมาหนุนทำให้ดัชนีตลอดวันไม่สามารถกลับขึ้นปิดที่ในแดนบวกได้ และสมาคมหลักทรัพย์ได้กำหนดวงเงินซื้อขายหุ้นของลูกค้ารายย่อยใหม่เพื่อให้มีมาตราฐานเดียวกันนั้นจะมีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 50เป็นต้นไป ส่วนกรณีการพิจารณาปรับลดวงเงินในการซื้อขายหุ้นที่มีความผันผวนสูงหรือมี Turn Over list สูง ได้เลื่อนระยะเวลาบังคับใช้ออกไปก่อนเนื่องจากสภาวะตลาดยังไม่เหมาะสม

PRO
ราคาเปิด1.22 บาท ราคาปิด 1.38บาท มูลค่าการซื้อขาย15.82 ล้านบาท เนื่องด้วยที่ทางบริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) หรือPRO เห็นว่า Enviro-Hub Holding Limited หรือ EHH ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสิงคโปร์ มีความชำนาญงานในเรื่องการรีไซเคิลขยะอิเลคทรอนิกส์และการสกัดพลาสตินั่มออกจากโลหะ, มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมรีไซเคิลพลาสติกซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทฯ และมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญจำนวนมากซึ่งความรู้ความชำนาญของผู้ร่วมทุนใหม่ดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจและเพิ่มความชำนาญให้กับบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดียิ่ง ด้วยเหตุนี้น่าจะทำให้บริษัทมีกำไรมาขึ้นและอาจจะเป็นผู้นำทางด้านการรีไซเคิลขยะอิเลคทรอนิกส์และการสกัดพลาสตินั่มออกจากโลหะและทั้งนี้ PRO ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จากเดิม 600 ล้านหุ้นเพิ่มอีก 400
ล้านหุ้นรวมจดทะเบียนใหม่ 1000 ล้านหุ้นโดยการออกหุ้นสามัญใหม่ในราคาหุ้นละ1บาทด้วยเหตุนี้บริษัทน่าจะมีสภาพคล่องในการบริหางงานมากขึ้นและเดินหน้าทำโครงการอื่นๆต่อไปได้ในอนาคตโดยมีการทำงานที่ง่ายขึ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร?แนวรับ 1.35 บาท แนวต้าน 1.45 บาท

GSTEEL
ราคาเปิด 0.98 บาท ราคาปิด 0.97 บาท มูลค่าการซื้อขาย 49.509 ล้านบาท คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q06 ที่ 550 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งใน 3Q06 ที่ผ่านมามีการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 10วัน ทำให้ปริมาณขายน้อยกว่าปกติ ขณะที่เริ่มรับรู้ค่าธรรมเนียมจาก NSM ปีละประมาณ 13.2 ล้านเหรียญ ช่วยชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ 120 ล้านเหรียญ สำหรับซื้อ NSM และเงินกู้เป็นดอลลาร์ประมาณ $290 ล้านจะทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 220 ล้านบาท ด้านแนวโน้มปริมาณขายในปี 2550 คาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากที่ติดลบในปีก่อน เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการผ่อนคลายและสถาบันเหล็กฯก็ประเมินความต้องการเหล็กจะเพิ่ม
17% โดยปริมาณขายในปีนี้จะอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน ฟื้นตัว 11% หลังติดลบ 9% ในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% ด้านราคาหุ้นในตลาดเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ K.KRAZIP แนะนำ
ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 0.95 บาท แนวต้าน 1.03 บาท

SNC
ราคาเปิด 7.30 บาท ราคาปิด 7.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 0.62 ล้านบาท กำไรสุทธิใน Q4/49 เพิ่มขึ้น 10.3% QoQ และ 61%YoY เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น 27.4% QoQ และ 81%YoY โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 20.8% ส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปี 2549 เท่ากับ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%YoY สำหรับรายได้จากชิ้นส่วนโลหะแผ่นมีอัตราการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของ SNC ยังมีฐานรายได้ในปี 2548 ที่ไม่สูงนัก ประกอบกับชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศทั้งในอาคารและรถยนต์ยังขยายตัวได้ดีจากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่นำไปผลิตเพื่อส่งออก แม้ว่าปี 2549 จะมีความผันผวนของราคาวัตถุดิบในช่วงปลายปี แต่ผลประกอบการในปี2549 ยังเติบโตได้ดี และคาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องในปี2550 เนื่องจากจะมีการลงทุนขยายกำลังการผลิต และเจรจากับผู้จำหน่ายวัตถุดิบให้มาร่วมเป็นคู่ค้าทางธุรกิจเพิ่มซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ7.25 บาท แนวต้าน 7.70 บาท

BAFS
ราคาเปิด 10.20 บาท ราคาปิด 10.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.26 ล้านบาท BAFS มีผลกำไรที่เติบโตขึ้น เป็นผลมาจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิเต็มรูปแบบเป็นไตรมาสแรก ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานในส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้น และอัตราค่าบริการก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานในไตรมาสนี้ แต่ผลกำไรก็ยังเติบโตได้ดีอยู่ สำหรับกรณีสนามบินดอนเมืองที่จะมีการกลับมาใช้เป็นสนามบินสำหรับเที่ยวบินในประเทศนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในปลายไตรมาสแรก และจะกลับมาใช้ได้ในไตรมาส 2/50 ซึ่งสำหรับบริษัทนั้นมีความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นการกลับมาใช้สนามบินดอนเมืองนั้นมีผลบวกในแง่ที่ว่าการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินจะได้มีความสะดวก และมีจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นได้ทั้ง 2 สนามบิน นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังได้อีก 0.30 บาท/หุ้น หลังจากที่ได้จ่ายเงินปันผลในครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.20 บาท/หุ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลตอบแทนที่สูง K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ10.10 บาท แนวต้าน 10.50 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:1571001a55">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com