เซียนโบรกเรียงหน้าฟันธงหุ้นเด่นตลาดmai ปีหมูไฟ นำโดย บล.ไซรัส ระบุหุ้นปันผลสูงและพื้นฐานดียังมาแรงยกให้?TPAC-SLC?คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 7- 8% ทางด้านบล.ธนชาต ประเมินหุ้นเล็กโอกาสเติบโตเร็วกว่าหุ้นขนาดใหญ่แต่มีความเสี่ยงสูง ฉะนั้นต้องศึกษารายละเอียดอย่างดี แนะ?UEC-UMS?เป็นหุ้นน่าสน ขณะที่บล.กิมเอ็ง แนะหลักการลงทุนในหุ้นเติบโตทางธุรกิจชู? TMW? ส่วนหุ้น P/E ต่ำกว่าตลาดยกให้? KASET? ปิดท้ายหุ้นอีเวนท์? CMO?เตรียมรับข่าวดีหนุน

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด เปิดเผยว่าจากเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ในปีที่ผ่านมาลดลง 6% ขณะที่ตลาดเอ็ม เอ ไอ( mai)เติบโตถึง 20% แสดงให้เห็นว่าตลาดmai ยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่ดี ซึ่งในจำนวนบริษัทที่บล.ไซรัสศึกษา พบว่าบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2550 ให้เงินปันผลตอบแทนสูง และน่าสนใจเข้าไปลงทุนอย่างโดดเด่นในตลาดเอ็ม เอ ไอ(mai) ไปทั้งสิ้นจำนวน 3 บริษัท ได้แก่

บริษัท พลาสติคและหีบห่อไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TPAC รับจ้างผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์ ประเภทหีบห่อ ขวดพลาสติก และฝา ลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม เช่น กล่องไอศกรีมเนสเล่ ขวดนมเปรี้ยวดัชมิลล์ ไมโล เนสกาแฟ คอฟฟี่เมต ขวดสุขภัณฑ์ตราเป็ด เป็นต้น โดยมองว่าลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มอาหาร ถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือไม่มีลูกค้าใหม่ ลูกค้าเก่าก็ต้องซื้อซ้ำ จึงถือว่า TPAC เป็นหุ้น Defensive Stock ถ้าหาก GDP โต บริษัทก็น่าจะโตตามเป็น Growth Stock ได้เช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน TPAC ไม่มีหนี้สิน ส่วน D/E ประมาณ 0.5 เท่า ยอดขายโตเฉลี่ย 15% ต่อปี 3 ปี ติดต่อกัน ต้นทุนหลักคือเม็ดพลาสติก ซึ่งปรับตามราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทสามารถเจรจาต่อรองเรื่องราคาได้ ดังนั้นจึงคาดว่าปี2549 จะมีกำไรเพิ่ม 11.0% จากการขยายกำลังการผลิตและฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น คาดปันผลจากงบที่จะประกาศเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ที่อัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 8% ประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานสิ้นปี 2550 ที่ 3.80 บาท โดยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 14.4% คิดเป็น PE ที่ 7 เท่า และ PBV ที่ 1.3 เท่า Upside gain 28.4% ปัจจุบันราคาหุ้น TPAC มี PE เพียง 5.4 เท่า จึงแนะนำ ?ซื้อ? ?UMS?ติดโผทุกรายการ

นอกจากนี้ยังมีบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน) หรือ UMS ซึ่งคาดว่ากำไรในปี 2550 จะเติบโตต่อเนื่อง 10.9% จากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานสิ้นปี 2550 ที่ 18.00 บาท โดยอิง PE 6.5 เท่า ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน UMS มี PE 5.8 เท่า จากที่ทางฝ่ายแนะนำให้ ?ซื้อ? มาต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจนมี Upside เพียง 11.8% จึงแนะนำ ?ถือ?เนื่องจาก UMS เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการเติบโต

ส่วนหุ้นบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด(มหาชน) SLCทางฝ่ายมองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น 3-6 เดือน คาดว่ารายได้ปี 2550 จะขยายตัว 10.0% และกำไรในปี 2550 จะขยายตัว 24.1% จากงานที่อยู่ในมือ(Backlog)ที่มีประมาณ 90-110 ล้านบาทบาท ซึ่งปกติประมาณ 20-30 ล้านบาท ทำธุรกิจซอฟแวร์มีต้นทุนหนักครั้งแรกต่อจากนั้นเป็นการซื้อซ้ำซอฟแวร์ทำให้รับรู้กำไรเกือบ 100% ธุรกิจมีอัตรากำไรขั้นต้น ประมาณ 55-60% Net margin ประมาณ 18-20% และคาดว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ประมาณ 7-8% ทางฝ่ายประเมินราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ 3.70 บาท โดยอิง PE 8.0 เท่า Upside gain 20.9%

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ SLC มีความเสี่ยงหากการประมูลงานของภาครัฐล่าช้าหรือมีการลดงบประมาณ ดังนั้น การซื้อ SLC จึงไม่ใช่ลักษณะซื้อแล้วถือได้เหมือน TPAC และ UMS แต่ควรลงทุนให้สั้นลง พร้อมทั้งติดตามข่าวงานประมูลอย่างใกล้ชิด บล.ธนชาตมองหุ้นเล็กโตเร็ว

ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาด mai มองว่าหุ้นขนาดเล็กมีโอกาสเติบโตได้เร็วกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน ดังนั้นการคัดเลือกหุ้นที่มีขนาดเล็กต้องทำการศึกษาค่อนข้างมาก สำหรับหุ้นที่แนะนำคือหุ้นบริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ UEC เนื่องจากประกอบธุรกิจผลิตภาชนะทนแรงกดดันสูง เช่น ถังก๊าซ ท่อก๊าซ ที่ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทขนาดใหญ่เช่นกลุ่มบริษัท ปตท จำกัด(มหาชน) PTT และ SCC ที่มีงบลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมกันตั้งแต่ปี 2548-2552 มีเม็ดเงินรวมกันมากกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่ง UEC มีความชำนาญการเฉพาะด้าน จึงมีอัตราการเติบโตตามวงจรการลงทุนของอุตสาหกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2550 UEC จะเติบโตได้อย่างน้อย 20% จากงานที่มีอยู่ในมือ สำหรับอัตราการจ่ายเงินปันผลคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.30 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E 6 เท่าของกำไรในปี 2550 ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 10% รวมทั้งบริษัทน่าจะโตเฉลี่ย 15% ต่อปีในอีก 3 ปีต่อจากนี้ หากซื้อขายที่ P/E 8 เท่า คาดว่าเหมาะสมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 18 บาท อนึ่ง UEC ยังมีความความเสี่ยงคือ PTT และ SCC ยกเลิกแผนการลงทุน ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป

อย่างไรก็ตามการที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว ควรเลือกหุ้นที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ผันผวนแม้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำหรือที่ประมาณ 4% เช่นผู้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นหุ้นทางเลือกสำหรับการลงทุนอย่างปลอดภัย คือ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน) หรือ UMS ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันเตาราคาขยับสูงขึ้น โรงงานอุตสาหกรรมจึงหันมาใช้ถ่านหินเป็นทางเลือก บล.กิมเอ็งแนะหุ้นแกร่งด้านธุรกิจ

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโส (นักกลยุทธ์) บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน กล่าวถึงหลักการลงทุนหุ้นในตลาดmai โดยหุ้นที่มีการเจริญเติบโตทางธุรกิจ ทางฝ่ายแนะนำหุ้นบริษัท ไทยมิตซูวา จำกัด(มหาชน) หรือ TMW เนื่องจากการขยายธุรกิจจากโรงงานเดิม 2 แห่งเป็น 7-8 แห่ง จึงน่าติดตามว่าสามารถเติบโตได้เหมือนอย่าง Thai Stanley ได้หรือไม่

ส่วนหุ้นที่ที่เรียกว่าหุ้นคุณค่าลักษณะการลงทุนควรดูความเชื่อมั่นผู้บริหารคือ บริษัท ยูนิมิต จำกัด(มหาชน)หรือ UEC และหุ้นบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน) หรือ UMS สำหรับหุ้นวัฐจักรคือหุ้นเงียบ ที่มี P/E ต่ำกว่าตลาดเช่นหุ้นบริษัทไทยฮา จำกัด(มหาชน) หรือ KASET โดยคาดว่าปีนี้ธุรกิจหลักของบริษัทคือข้าวน่าจะเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี ตามด้วยบริษัท บ้านร็อคการ์เด้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ BROCK

สำหรับหุ้นข่าวดีคือ หุ้นรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นเกี่ยวกับการจัดอีเวนท์เช่น หุ้นบริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CMO และหุ้น P/E Relating คือ ไม่เล่นตามข่าวแต่ขึ้นลงตามภาวะตลาดเช่น หุ้นที่มีมาเก็ตแค็ปขนาดใหญ่ อาทิ บริษัท ยูนิมิต จำกัด(มหาชน)หรือ UEC,โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด(มหาชน)หรือ TNH,บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน) หรือ UMS,บริษัท บ้านร็อคการ์เด้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ BROCK และ บริษัทโกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ จำกัด(มหาชน)หรือ GFM