May 8, 2024   1:54:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 06/02/2007 @ 11:01:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ CSLราคาเป้าหมาย 4.08 บาท
เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q06E จะปรับตัวดีขึ้นจาก 3Q06A โดยรายได้จะทรงตัวทั้งจากธุรกิจอินเตอร์เน็ตที่แม้ Dial Up จะลดลง แต่ในส่วนของ LeasedLine ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้ง ARPU และ ubscriber ขณะเดียวกันรายได้จาก TMC ยังทรงตัวเป็นไปตามลักษณะของธุรกิจ แต่ที่ดีขึ้นคืออัตรากำไรขั้นต้นที่ขึ้นของธุรกิจอินเตอร์เน็ตจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับ SG&A/Sales ที่มีทิศทางดีขึ้นเช่นกัน เราจึงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ 64 ลบ. เพิ่มขึ้น 20.8% QoQ แต่ลดลง 54.9%เพราะรายการพิเศษที่เกิดขึ้นใน 4Q05A และการบันทึกค่าใช้จ่ายด้านภาษีที่มีเข้ามา แนวโน้มหน้าเรามองว่าธุรกิจอินเตอร์เน็ตจะยังคงแนวโน้มเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงเน้นรายได้จากกลุ่ม Leased Line และ Broadband แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านโครงข่ายทำให้การเติบโตไม่มากนัก ส่วน TMC คาดว่าจะมีการเติบโตเล็กน้อยโดยยอดจองโฆษณาในสมุดหน้าเหลืองของปี 50 ที่ปิดเล่มไปแล้วถือว่าค่อนข้างดี ส่วน ADV อยู่ในช่วงปรับธุรกิจและเพิ่มจะเริ่มฟื้นตัวเท่านั้น ด้วยธุรกิจที่มีอยู่เดิมของบริษัทมีการเติบโตที่ค่อนข้างจำกัด ประกอบกับเมื่อพิจารณากระแสเงินสดในมือของบริษัทที่มีมาก เราจึงจับตามองว่าปีนี้ CSL อาจจะขยายธุรกิจอีกครั้งโดยอาจจะมีการเข้าซื้อกิจการที่มีความน่าสนใจ และสามารถก่อให้เกิดSynergyกับธุรกิจเดิมของบริษัทได้ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ นอกเหนือจากการเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงเท่านั้น

บล.เอเชียพลัสแนะนำถือ LHราคาเป้าหมาย 6.26 บาท
ปี 2549 ที่ผ่านมากำลังซื้อที่อยู่อาศัยถูกกดดันจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อระดับสูง ผลดังกล่าวทำให้เกิดการชะลอตัวของยอดขาย โดยในส่วนของ LH ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในแคมเปญ 2 Days Special ในเดือน ต.ค.2549 โดยสร้างยอดขายได้มากว่า 1 พันล้านบาท แต่โดยภาพรวมฝ่ายวิจัยคาดว่าฐานรายได้น่าจะหดตัวประมาณ 26% YoY สำหรับสถานการณ์ในปี 2550 เชื่อว่ากำลังซื้อน่าจะเริ่มฟื้นตัว จากการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามของ อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ นอกจากนี้ในส่วนของ LH เอง ประเมินว่า ค่าเฉลี่ยราคาบ้านต่อหลัง จะมีการปรับลดลงให้สอดคล้องกับฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางมากขึ้น คาดว่าราคาเฉลี่ยปี 2550 น่าจะลดมาอยู่ในช่วง 4.7-4.8 ล้านบาท ทั้งนี้ส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาเฉลี่ยลดลงเกิดจาก ProductMixed ซึ่งในปี 2550 คาดว่าจะมีสัดส่วนการขาย คอนโดมิเนียม (ราคาเฉลี่ย 2.5 ล้านบาท) และทาวเฮ้าส์ (ราคาเฉลี่ย 3.5 ล้านบาท) เข้ามาประมาณ 12% ส่วนบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นรายได้หลัก น่าจะมีระดับราคาเฉลี่ย 5.2 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการปี 2550 ขึ้นจากเดิม 3.6% ทั้งนี้ยืนอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่า น่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากการขายประมาณ 15% โดยปัจจัยเสริมรายได้ได้แก่ ยอดขายจากคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันมียอดจองเข้าแล้ว 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการทาวเฮ้าส์ ซึ่งในปี 2550จะเข้ามาเต็มปีขณะที่ประสิทธิภาพการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ผ่านมาซึ่งหลังการปรับปรุงคาดว่า LH น่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 3.66 พันล้านบาทเทียบกับปี 2549 ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 3.18พันล้านบาท สำหรับด้านการลงทุนปี 2550 LH จะใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไปใน LH Bank ประมาณ 200-300 ล้านบาทในช่วง 1Q50

บล.เคจีไอแนะนำขาย GRAMMYราคาเป้าหมาย 7.60 บาท
แกรมมี่จัดงานสัมมนาภายใต้หัวข้อเรื่อง แนวโน้มธุรกิจดนตรีของโลกในปี 2550 (2007Global Music trends) โดยได้เชิญนักวิเคราะห์ทางด้านสื่อและบันเทิงจากPricewaterCoopers Limited เป็นวิทยากรหลักเมื่ออาทิตย์ที่แล้วประเด็นหลักจากการสัมมนาประกอบด้วย 1) คาดว่าอุตสาหกรรมดนตรีของโลกจะขยายตัว 6% ในขณะที่ในทวีปเอเชียจะขยายตัว 6.6% ในปี 2550 2) การขยายตัวจะเกิดจากการจัดจำหน่ายโดยระบบดิจิตัลทางอินเตอร์เนตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งจะโตตามการใช้บรอดแบนด์ที่สูงขึ้น, การเปิดตัวของบริการและเครื่องใช้ใหม่ ๆ, จำนวนสินค้าและบริการที่มีเพิ่มขึ้น, ราคาที่ถูกลงและการลดลงของการละเมิดลิขสิทธิ์แกรมมี่คงเชื่อในความเห็นดังกล่าวและพึ่งจะเปิดตัว Ikey ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับดึงข้อมูลดิจิตัลที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการขอรับบริการจากฐานข้อมูลเพลงของบริษัทฯ ทั้งหมดทั้งทางโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเตอร์เนต(คล้าย ๆ กับโปรแกรม iTunes ของแอปเปิ้ล) ราคาสำหรับการดึงข้อมูลเพลงคือ 35บาทต่อ 1 เพลง หรือ 119 บาทต่อเดือนสำหรับการสมัครบริการดึงข้อมูลเพลงโดยไม่จำกัด(พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก) ยุทธศาสตร์นี้เป็นการเปลี่ยนทิศทางของแผนดำเนินการของบริษัทฯ และดูโดยผิวเผินแล้วน่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดี โดยแกรมมี่ประกาศเป้าหมายให้ธุรกิจทางด้านสื่ออีเลคทรอนิคส์และเนื้อหาประเภทดิจิตัลขยายตัวอีก 30% (จากประมาณ 500ล้านบาทในปี 2549 เป็น 650 ล้านบาทในปีนี้) ทำให้ต้นทุนลดลง 50 ล้านบาท รายได้เพิ่มเป็น 6.5 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 700 ล้านบาทในปี 2550 (บริษัทฯ มีรายได้หลักจากธุรกิจดนตรีและเสียงเพลง คิดเป็นกว่า 40% - 50% ของรายได้รวม ดังนั้นการเปลี่ยนกลยุทธในธุรกิจนี้จะมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ อย่างกว้างขวาง)

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ SFราคาเป้าหมาย 10.90 บาท
SF เป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าแบบเปิดที่มีขนาดกลาง-เล็ก มีโครงการ 27 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่เช่ารวม 191,316 ตารางเมตร จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของพื้นที่เช่านับตั้งแต่เข้าตลาดฯในปี 2545 จนถึงปัจจุบันสูงถึง 54%ขณะที่อัตราการเข้าเช่าเฉลี่ยก็ไม่ต่ำกว่า 95% มาโดยตลอด บริษัทมีความสามารถในเชิงแข่งขันเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายเล็กในแง่ของการมีทำเลที่ตั้งที่ดี มีสาขาจำนวนมากประสบการณ์ของผู้บริหาร รวมถึงความสัมพันธ์อันดีต่อผู้เช่า สำหรับคู่แข่งรายใหญ่นั้นส่วนใหญ่จะทำธุรกิจศูนย์การค้าแบบปิดซึ่งไม่ได้เป็นการแข่งขันโดยตรง การที่บริษัทมีการตกลงให้เช่าพื้นที่กับลูกค้า 50% ก่อนที่จะมีการทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินนั้นเป็นการลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งผู้เช่าหลักจะมีระยะเวลาสัญญาเท่ากับสัญญาเช่าที่ดินที่บริษัททำกับเจ้าของที่ดินแต่ละโครงการ ขณะที่เงินลงทุนสุทธิแต่ละโครงการก็ต่ำกว่าเงินลงทุนจริงเนื่องจากไม่ต่ำกว่า 60% ของเงินที่ต้องใช้ลงทุนนั้นจะนำมาจากการเก็บค่าเช่าล่วงหน้าและค่ามัดจำทั้งจากผู้เช่าหลักและผู้เช่าย่อย ส่งผลให้บริษัทไม่มีปัญหาสภาพคล่องแม้มีการขยายโครงการต่อเนื่อง คาดการณ์ว่ากำไรปี 2549 จะเติบโตถึง 279% เป็น 407 ล้านบาท (0.80 บาท/หุ้น) จากการเปิดโครงการ 4 โครงการมีพื้นที่เช่ารวมราว 95,000 ตารางเมตรเราประเมินว่าปีนี้กำไรจะเพิ่มขึ้นอีก 17% เป็น 477 ล้านบาท (0.91 บาท/หุ้น) เนื่องจากพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น 70,000-90,000 ตารางเมตร รวมทั้งรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าการเงินของโครงการใหม่ โดยพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2549-2550 และการปรับค่าเช่า 15% ทุกสามปีจะทำให้รายได้ค่าเช่ามีการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนั้นพื้นที่เช่ายังมีแนวโน้มจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 30% ในช่วงปี 2549-2553

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:65e448e865">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com