May 7, 2024   9:52:49 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 06/02/2007 @ 10:41:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Set Index
วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ปิดที่ 674.42 จุด + 3.82 จุด ดัวยมูลค่าการซื้อขาย 13,174 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 426.02 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 79.27 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 505.29 ล้านบาท SET ในวานนี้เปิดทำการปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อจากหุ้นกลุ้มขนาดใหญ่ นำโดยกลุ่มแบงค์ และพลังงงาน BBL, PTT, KBANK เปิดตลาดได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เริ่มมีแรงขายทำกำไร ทำให้ SET ลงไปที่ 670.72 จุด แต่ก็ยังเป็นบวกอยู่ และหลังจากนั้นก็มีแรงซื้อจาก IRPC, BBL เข้ามา ส่วนหุ้นกลุ่มเก็งกำไรยังเป็นหุ้นที่มีข่าวคราวกันระหว่าง MIDA กับ DE ในช่วงบ่ายตลาดทรงๆ ประคองอยู่ในแดนบวกได้ มี High ของวันที่ 676.77 จุด หุ้นเด่น IRPC , BLISS กลับมาสร้างสีสันได้พอควร ในขณะที่มีการโยกย้าย ผบ.ตร. ตามที่เคยเป็นกระแสข่าวมาตลอด

PTTCH
ราคาเปิด 75 บาท ราคาปิด 75.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 24.22 ล้านบาท คาดว่า PTTCHจะประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2549 มีกำไรสุทธิ 17,254 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไร 15.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก MEG และ Spread margin ที่ดีขึ้นของผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์เป็นปัจจัยหลักผลักดันกำไร ในปีที่ผ่านมา Spread margin ของผลิตภัณฑ์เอทิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 14%YoY จาก 475 เหรียญ/ตันในปี 2548 มาอยู่ที่ประมาณ 543 เหรียญ/ตัน และSpread margin ของผลิตภัณฑ์โพรพิลีนก็เพิ่มขึ้น 10% YoY เป็น 511 เหรียญ/ตัน จาก 465 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาโอเลฟินส์และราคาโพรพิลีน ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา จากผลกำไรที่แข็งแกร่งและฐานะการเงินที่เข้มแข็ง แม้ว่าบริษัทจะต้องมีการใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการขยายการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้า แต่ K.KRAZIP คาดว่าPTTCHจะสามารถจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลังได้ 2.50 บาท หลังจากได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 2.50 บาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แต่อาจจะรอจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวลงแล้วค่อยทยอยสะสมก็ได้ แนวรับที่ราคา 75 บาท

SF
ราคาเปิดที่ 8.90 บาท ราคาปิดที่ 8.85 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9.40 ล้านบาท SF เป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าแบบเปิดที่มีขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของพื้นที่เช่านับตั้งแต่เข้าตลาดฯในปี 2545 จนถึงปัจจุบันสูงถึง 54% ขณะที่อัตราการเข้าเช่าเฉลี่ยก็ไม่ต่ำกว่า 95% มาโดยตลอด บริษัทมีความสามารถในเชิงแข่งขันเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายเล็ก ในแง่ของการมีทำเลที่ตั้งที่ดี มีสาขาจำนวนมาก ดังนั้นการที่บริษัทมีการตกลงให้เช่าพื้นที่กับลูกค้า 50% ก่อนที่จะมีการทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินนั้น เป็นการลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้บริษัทไม่มีปัญหาสภาพคล่องแม้มีการขยายโครงการต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมาจากการเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการทำให้มีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น จึงคาดการณ์ว่ากำไรปี 2549 จะเพิ่มขึ้นอีก 17% รวมทั้งรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าการเงินของโครงการใหม่ ทำให้รายได้ค่าเช่ามีการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนั้นพื้นที่เช่ายังมีแนวโน้มจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 30% ในช่วงปี 2549 - 2553 จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมา ถือว่ายังมีปริมาณการซื้อขายที่เยอะพอสมควร ถ้าราคาหุ้นปรับลดลงหาจังหวะทยอยซื้อ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับที่ 8.70 บาท แนวต้านที่ 9.05 บาท

YNP
ราคาเปิด 5.30 บาท ราคาปิด 5.55 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.665 ล้านบาท จากการเปิดโรงงานใหม่แห่งที่2 มูลค่าการลงทุนกว่า2 พันลบ. จะทำให้ YNP สามารถรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าหลักอย่างโตโยต้าได้เพิ่มมากขึ้น และจะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการในปี50เพิ่มเป็น5.3 พันลบ. ซึ่งผลิตชิ้นส่วนให้กับโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และคัมรีใหม่ ในส่วนของปลายปี50จะมีการเปิดดำเนินงานโรงงานใหม่แห่งที่3 ด้วยเงินลงทุนกว่า2.2พันลบ. ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ของโตโยต้า ทั้งนี้ YNP ได้มีการร่วมพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กับ หลายยี้ห้อ โดยเฉพาะมิตซูบิซิที่ได้มีการทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าจะสามารถมีคำสั่งซื้อในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ค่ายรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเจนเนอรัล มอเตอร์ อีซูซุ และฮอนด้า ได้มีการเจรจาร่วมมืนกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 5.45 บาท แนวต้าน 6 บาท

มุมมอง K.KRAZIP เห็นว่าช่วงนี้การเมืองยังไม่สงบนิ่ง แต่ก็มีความชัดเจนจากความพยายามของภาครัฐที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ล่าสุดคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งร่างคำถาม 16 ข้อให้กรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วมและประชามติ เพื่อนำไปถามความเห็นของประชาชน และให้รวบรวมความเห็นให้เสร็จภายในเดือน มีนาคม เพื่อให้ทันยกร่างฯ รอบวันที่ 19 เม.ย. จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะแล้วเสร็จภายในไม่เกินเดือน มิ.ย. นี้ ส่วนปัจจัยราคาน้ำมันโลก และอัตราดอกเบี้ยต่างมีแนวโน้มลดลง ซึ่งก็คงจะช่วยกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายและมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคเอกชน อีกทั้งแบงค์ชาติจะทยอยเพดานผ่อนปรนมาตรการการควบคุมเงินบาท เพื่อเรียกความมั่นใจของนักลงทุนกลับมานั้น อีกทั้งสังเกตจากยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ก่อน K.KRAZIP เห็นว่าในสัปดาห์นี้ SET น่าจะไปในทิศทางบวกต่อไปได้ หากไม่มีปัจจัยลบอื่นใดมากระทบ โดยให้ SET รอบนี้มี 680 จุด หรืออาจจะไปได้ถึง 690 จุดก็ได้ กลยุทธ์ช่วงนี้เล่นหุ้นเก็งกำไรตามสภาพ โดยเฉพาะหุ้นเล็กๆที่ Volume เข้าอย่าง MIDA, DE, LIVE แต่ต้องรู้จัก CUT LOSS ด้วย เน้นอย่างมีระเบียบ ส่วนหุ้นที่ลงทุนหันดูหุ้นที่ผลประกอบการดี คาดว่ามีปันผลรองรับ และราคาลงมามากอาทิ BANPU, ATC หุ้นเทคนิคสวย GEN , BLISS

ที่มา ทันหุ้น[/color:6df2527f37">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com