บรรยากาศการลงทุนตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความผันผวน เพราะตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติหันมาเล่นหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ แทนการซื้อหุ้นลงทุนระยะกลางและระยะยาว

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้หุ้นกลุ่มบลูชิพแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตลอดเวลา แม้ช่วงสุดสัปดาห์ดัชนีจะวิ่งทะลุแนวต้าน 660 จุด แต่เป็นผลมาจากหุ้นตัวหลักอย่าง PTT BBL KBANKและ SCB มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นต่างประเทสปรับตัวขึ้นแรง

ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า เป็นกลุ่มหุ้นที่มีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยสุดเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มบลูชิพ

นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้นักลงทุนหันมาเล่นเก็งกำไรสั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น เพราะผู้สัดทัดกรณีส่วนใหญ่มองว่า โอกาสที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นแรงมีน้อยมากเหลือเกิน

เนื่องจากผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ที่ทยอยประกาศออกมาให้เห็นเรื่อยๆไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเลย เพราะบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลกำไรลดลงกันอย่างถ้วนหน้า

ภาพรวมของตลาดหุ้นตลอดทั้งสัปดาห์ถึงเป็นลักษณะ side way up โดยมีหุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ เป็นแกนหลักในการผลักดันให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม
สัปดาห์นี้ดัชนีมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 670-680 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 650-640 จุด




.00020

ตลาดเอเชียโฟกัสหุ้นจีน @ หวั่นรัฐบาลปักกิ่งดับความร้อนแรงในตลาดหุ้น

ฮ่องกง หุ้นจีนน่าจะไม่สดใสในสัปดาห์นี้เพราะเกรงกันว่ารัฐบาลปักกิ่งอาจเคลื่อนไหวเพื่อลดความร้อนแรงในตลาดหุ้น ในขณะที่ผลประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดต่อตลาดออสเตรเลีย

บริษัทใหญ่ๆที่จะแถลงผลประกอบการในสัปดาห์นี้ได้แก่ บีเอชพี บิลลิตัน ยักษ์ใหญ่เหมืองแร่ของออสเตรเลีย สิงคโปร์ เทเลคอม และยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กโทรนิกส์ ของไต้หวัน

ดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิกของเอ็มเอสซีไอดีดตัวขึ้นมากว่า 1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หุ้นจีนกลับดิ่งลงถึง 7% กวาดกำไรในปีนี้ไปและทำให้ตลาดหุ้นจีนกลายเป็นตลาดที่แย่ที่สุดในภูมิภาค หุ้นจีนที่มีการซื้อขายในฮ่องกงก็อ่อนตัวลงจนฉุดดัชนีหุ้นเอชลดลง 7% แล้วสำหรับปีนี้
โฮเวิร์ด จอร์จ กรรมการบริษัทเซาธ์ ไชน่า โบรกเกอเรจ กล่าวว่า ตลาดเซี่ยงไฮ้ปรับฐานค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แม้ว่ามันจะสงบลงแล้วก็ยังคงมีความเห็นที่เกี่ยวกับจีนมากพอที่จะทำให้นักลงทุนระมัดระวัง

ตลาดหุ้นจีนยังจะมีการขายหุ้นครั้งใหญ่จากบริษัทปิง อัน อินชัวรันซ์(กรุ๊ป) โดยคาดว่าเป็นการขายไอพีโอภายในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ3,900 ล้านดอลลาร์

ด้านธนาคารออสเตรเลียมีกำหนดประชุมกำหนดนโยบายเป็นนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 6ก.พ.แต่ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

ตลาดญี่ปุ่น หุ้นน่าจะเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆสัปดาห์นี้เพราะนักลงทุนจะมีความระมัดระวังก่อนการประชุมรัฐมตรีคลังของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ(จี7)ในวันที่ 9-10ก.พ. นักลงทุนกังวลว่า ความเห็นใดๆจากรัฐมนตรีคลังอาจทำให้เงินเยนแข็งขึ้นซึ่งจะทำให้บริษัทส่งออกซบเซา

คิดว่านักลงทุนจะไม่เข้าตลาดก่อนการประชุมจี7เพื่อพยายามคาดการณ์ว่าเงินทั่วโลกกำลังจะมีปฏิกิริยาต่อการประชุมอย่างไร มาซาโตชิ ซาโตะ นักวิเคราะห์อาวุโสของมิซูโฮ อินเวสเตอร์ ซีเคียวริตีส์ กล่าว และระบุว่าดัชนีนิกเกอิน่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 17,400-17,700 จุด

ตลาดเกาหลีใต้ หลังจากที่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นเกาหลีเริ่มดีดตัวขึ้นสัปดาห์นี้น่าจะทะยานต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐลดลงนักลงทุนหันไปโฟกัสผลประกอบการในภาคธนาคารซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการแถลงผลประกอบการรวมทั้งคุกมิน แบงก์

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่ายากที่จะฟื้นตัวได้มากเนื่องจากมีความกังวลอย่างต่อเนื่องว่าเงินวอนแข็งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศจะยังคงซบเซาจนกว่าจะเข้าช่วงครึ่งหลังของปี

ตลาดฮ่องกง หลังจากที่เห็นหุ้นบริษัทจีนปรับตัวลงอย่างรุนแรงในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ นักลงทุนในฮ่องกงจะจับตาไอพีโอของบริษัทปิง อัน อินชัวรันซ์(กรุ๊ป)เพื่อดูทิศทางของหุ้นเอในตลาดจีน

การฟื้นตัวของหุ้นเอช และปฏิกิริยาในทางบวกที่มีต่อไอพีโอปิงอันฯจะทำให้หุ้นเอชแตะระดับ 10,000 จุดได้ สตีฟ เหลียง กรรมการบริษัทยูโอบี เคย์ เฮียน โฮลดิ้งส์กล่าว

นักลงทุนยังคาดว่าจะมีการประกาศในวันที่ 9 ก.พ.เพื่อที่จะนำธนาคารอินดัสเทรียลแอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า และไชน่า ไลฟ์เข้าไปรวมในดัชนีหุ้นบลูชิพฮั่งเส็งด้วย

ตลาดออสเตรเลีย คาดว่าหุ้นออสเตรเลียจะมีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง นักลงทุนรอผลประกอบการบริษัทเพื่อพิจารณาเหตุผลที่ตลาดหุ้นพุ่งทำสถิติไปเมื่อเร็วๆนี้

ฮันส์ คันเนน หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของโคโลเนียล เฟิร์ส สเตท กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัทจะน่าสนใจน้อยลงเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้สดใส และว่าบริษัทที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนจะถูกลงโทษ

ตลาดไต้หวัน ผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีจะได้รับความสนใจจากตลาดไต้หวันในสัปดาห์นี้ อาทิบริษัท ยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กโทรนิกส์ คอร์ป ผู้ผลิตชิพตามสัญญาซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก บริษัทเอยูและ จี้เหมย ผู้ผลิตแอลซีดีของไต้หวัน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนอาจระมัดระวังในการลงทุนเพราะใกล้จะถึงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีนซึ่งตลาดหุ้นจะปิดนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 15-25 ก.พ.

อัลวิน เต็ง ผู้จัดการบริษัทซิโนเปก ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า ดัชนีไทเอ็กซ์จะมีแรงกดดันหากแตะระดับ 7,800 จุด แต่มันไม่ควรจะต่ำกว่าระดับ 7,600 จุด

ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีลเลอร์คาดว่า ผลประกอบการบริษัทที่แข็งแกร่งและความหวังที่เศรษฐกิจจะโตอย่างมั่นคงจะหนุนหุ้นเอเชียให้ปรับตัวสูงขึ้น
การประเมินมูลค่าโดยรวมของตลาดในภูมิภาคนี้ยังไม่สูงเกินไป และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมหภาคดี ซึ่งเป็นผลดีต่อหุ้น ปีเตอร์ เชียง ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสของดีบีเอส แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ กล่าว

ตลาดเอเชียใต้ หุ้นอินเดียจะดีดตัวต่อในสัปดาห์นี้หลังจากที่มีรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งกว่าที่คาด และมีการคาดการณ์ว่าจะมีการปฏิรูปมากขึ้นในงบประมาณประจำปีในสิ้นเดือนก.พ.นี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า จะไม่มีการปรับฐานรุนแรงจนกว่าจะมีการแถลงงบประมาณ หุ้นอินเดียอาจจะเคลื่อนไหวถึง 15,000 จุด



.00020