May 19, 2024   10:30:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวทีนี้สำหรับหุ้นเก็งกำไร.....วอร์แรนต์-หลักทรัพย์น่าสน
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 03/02/2007 @ 00:27:41
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ต่างชาติตะลุยหุ้นบิ๊กแคป จุดพลุหุ้นเก็งกำไรคึกตาม เซียนหุ้นฟันธงสัปดาห์นี้วอร์แรนต์-หลักทรัพย์-อสังหาฯ วิ่งต่อ หลังดัชนีฯทะลุแนวต้าน 660 จุด วอลุ่มทะลัก 2 หมื่นล้าน ขณะที่ปัจจัยลบไม่มี แต่ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา ASL ให้หุ้นเด็ด SYRUS ZMICO KEST ASP AP LPN BLISS-W1 UV-W1 ด้าน มาร์เก็ตแชร์โบรกเกอร์เดือน ม.ค. CS แซงขึ้นอันดับ 1 เบียด KEST ตกขอบ

หากย้อนดูความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีฯจะยังคงปรับตัวลดลง แต่ในช่วงปลายสัปดาห์หุ้นไทยกลับพลิกสดใสขึ้น โดบเฉพาะหลังจากการผ่อนเกณฑ์กันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับเงินลงทุนในวอร์แรนต์-หุ้นเพิ่มทุน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วจะไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นมากนัก แต่คงต้องยอมรับว่าการผ่อนมาตรการดังกล่าวส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน แต่ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนแม้จะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าความเชื่อมั่นกลับมาอย่างถาวร แต่ในระยะสั้นนักลงทุนก็มั่นใจมากขึ้นในการซื้อขายหุ้น ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะ นอกเหนือจากหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น จนดันดัชนีฯให้ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 660 จุด แล้วยังส่งอานิสงส์มาถึงหุ้นขนาดเล็กและบรรดาหุ้นเก็งกำไรที่ต่างก็วาดลวดลายซื้อขายกันอย่างเมามัน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ที่ขึ้นรับวอลุ่มที่หนาแน่น และวอร์แรนต์ที่ยังมีแรงเก็งกำไรอย่างคึกคัก

ทั้งนี้นอกเหนือไปจากปัจจัยการผ่อนเกณฑ์กันสำรอง 30% แล้วปัจจัยบวกในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทุกฝ่ายฟันธงว่าจะปรับลดลง และอีกปัจจัยที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือตลาดต่างประเทศที่สดใสกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ หลังจากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยหมดลงไป จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ เฟด ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากเดือน พ.ค. ผ่านไปแล้ว

เรียกได้ว่าถึงแม้จะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ แต่ความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับคืนมาก็ทำให้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรง ซึ่งแรงหนุนหลักๆก็ยังคงเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ที่จากต้นปีที่ยังมียอดซื้อสุทธิ 14,274.08 ล้านบาท แม้ว่าบางวันจะแสดงยอดขายออกมาก็ตาม ส่วนนักลงทุนรายย่อยก็ได้อานิสงส์ไปด้วย เพราะเมื่อมีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปเข้ามา หุ้นเก็งกำไรก็เดินพาเหรดปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีการซื้อขายอย่างคึกคัก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทะลุ 2 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณดีสำหรับหุ้นขาขึ้น และยังถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่มูลค่าการซื้อขายปรับตัวขึ้น 2 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

โดยดัชนีปิดตลาดฯเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 670.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.60 จุด หรือ 2.07% มูลค่าการซื้อขาย 20,346 จุด แรงซื้อหลักๆอยู่ในกลุ่มบิ๊กแคปทั้งพลังงาน ธนาคาร สื่อสารและ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีแรงซื้อกระจายในหุ้นกลุ่มทั่วทั้งกระดาน

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,600.32 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 152.05 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,752.37 ล้านบาท

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 03/02/2007 @ 00:28:43 : re: เวทีนี้สำหรับหุ้นเก็งกำไร.....วอร์แรนต์-หลักทรัพย์น่าสน
***หลักทรัพย์-วอร์แรนต์-อสังหาฯ วิ่งต่อ
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ดัชนีฯดีดีตัวขึ้นแรง หลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาลดลง ทำให้ความมั่นใจกลับคืนมา ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคที่ดูดีขึ้นหลังจากดัชนีฯสามารถผ่านแนวต้านที่ 660-665 จุดขึ้นไปได้ ทำให้ขณะนี้ฐานของตลาดฯเปลี่ยนไป และการขึ้นรอบนี้มีฐานที่แน่นทำให้โอกาสที่จะปรับตัวลงแรงเป็นไปได้ยากขึ้น ส่วนปัจจัยบวกในประเทศยังคงเป็นเรื่องเดิมคือการผ่อนเกณฑ์กันสำรอง 30% และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับลดลง ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ ดัชนีฯมีโอกาสไปต่อ โดยมีแนวต้านต่อไปที่ 675 จุด หุ้นที่น่าจะยังปรับตัวโดดเด่นตลอดทั้งสัปดาห์คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยแนะนำหุ้น LPN เพราะประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 4/49 จะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก และ AP ที่คาดว่าจะปันผลในอัตราที่สูง โดยคาดว่าจะปันผลปี 2549 จำนวน 0.30 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 8% ถือว่าสูงที่สุดในกลุ่ม

นายรณกฤต กล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดว่าแรงซื้อจะเข้ามาในหุ้นกระจายหลายกลุ่ม ซึ่งหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์แม้ว่าจะมีความน่าสนใจในช่วงสั้น จากวอลุ่มการซื้อขายที่กลับมาหนาแน่น แต่มองว่าระยะกลางแล้วผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 ยังออกมาไม่ดีนัก เพราะหากพิจารณามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือน ม.ค. อยู่เพียง 1.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น เทียบกับเดือน ม.ค. ปีก่อนที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่น่าสนใจคือ SYRUS จากการประเมินว่าโบรกเกอร์ขนาดเล็กที่มีมาร์เก็ตแชร์น้อยหนีไม่พ้นต้องหาพันธมิตร ซึ่งหากดูจากราคาหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์แล้ว คาดว่า KEST และ ZMICO อาจมีความเป็นไปได้มากที่สุดในการควบรวมกิจการกับไซรัส ส่วนหุ้นหลักทรัพย์ที่มีสัญญาณทางเทคนิคน่าสนใจคือ ASP ให้แนวต้านที่ 3.10 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 2.84 บาท ด้าน SYRUS ให้แนวต้านที่ 3.20-3.50 บาท และแนวรับที่ 3.06 บาท ZMICO ให้แนวต้าน 4 บาท แนวรับ 3.84 บาท KEST ให้แนวต้าน 18 บาท แนวรับ 17.20 บาท
ขณะที่คาดว่าวอร์แรนต์จะยังคงได้รับความสนใจตลอดทั้งสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยวอร์แรนต์ที่น่าสนใจคือ BLISS-W1 ให้แนวต้านที่ 1.70 บาท แนวรับที่ 1.44 บาท และ UV-W1 ให้แนวต้านที่ 1.40 บาท และแนวรับที่ 1.20 บาท

***ดัชนีฯวิ่งสู่แนวต้าน 680 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (มหาชน) กล่าวถึงดัชนีแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ในวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ซึ่งเป็นการปรับตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ ที่ทำจุดสูงสุดใหม่และดัชนีฯสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 660 จุดไปได้จึงมีการดีดตัวขึ้นแรงไปกว่า 13 จุด
ส่วนแนวโน้มดัชนีฯในสัปดาห์นี้คาดว่าจะปรับตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีดาวโจนส์เหมือนเดิม ซึ่งหากดัชนีดาวโจนส์ขึ้นแรงก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงและหากดัชนีดาวโจนส์พักฐานก็คาดว่าน่าจะพักฐานตามเช่นกัน อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุนให้ขายหุ้นในกลุ่มธนาคารและพลังงานเนื่องจากราคาขึ้นมาค่อนข้างสูงและให้เก็งกำไรในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสื่อสารและกลุ่มขนส่ง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 660 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 680 จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคินเปิดเผยว่า วันศุกร์ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนมองว่าเกิดจากการปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ อีกทั้งการที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่บนกระดานในตลาดหลักทรัพย์ไทยยังราคาถูกหากเทียบกับปัจจัยพื้นฐานก็ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ หลังจากที่ปรับลดลงอย่างมากมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานี้ปัจจัยบวกภายในประเทศเริ่มมีมากขึ้นทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ระดับที่น่าพอใจ

ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีฯสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก โดยเชื่อว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนทุกกลุ่มได้แก่ นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน หรือกระทั่งนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งหุ้นที่มูลค่าต่ำแต่ปัจจัยพื้นฐานดีก็จะยังช่วยหนุนภาพรวมดัชนีฯได้
ปัจจัยลบเริ่มคลี่คลายทำให้ตลาดฯยังสามารถปรับขึ้นได้อีก ดังนันจึงมองว่าเป็นจังหวะสำหรับซื้อสะสมในหุ้นทุกกลุ่ม นายอภิสิทธิ์ กล่าว

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมได้ในหุ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีที่ในขณะนี้ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก
ทั้งนี้ให้แนวต้านดัชนีฯสัปดาห์หน้าไว้ที่ 680-685 จุด ให้แนวรับที่ 655 จุด

**CS เบียด KEST ตกขอบกวาดมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 เดือน ม.ค.
ตลาดหลักทรัพย์รายงานอันดับโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 5อันดับในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่าโบรกเกอร์สัญญาชาติฝรั่งอย่าง บล.เครดิตสวิส หรือ CS ขึ้นแท่นมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ที่ 7.75% เบียดอดีตแชมป์อย่างบล.กิมเอ็ง (KEST) ตกมาอยู่อันดับ 2 ที่ 6.92% ตามด้วย บล.ภัทร (PHATRA) มีมาร์เก็ตแชร์ 6.42% บล.เอเซียพลัส (ASP) มีมาร์เก็ตแชร์ 6.15% และ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) มีมาร์เก็ตแชร์ 5.81%
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com