May 19, 2024   9:45:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นmaiวอลุ่มสุดฮอต +++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 01/02/2007 @ 14:19:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เปิดโผ 5 หุ้นร้อนติดอันดับสุดฮอตในตลาดmaiที่มีวอลุ่มการซื้อขายงวดประจำเดือนมกราคม 2550 คึกคัก

นำโดย?ETG?ที่ไฟแรงยึดตำแหน่งแชมป์มาครองด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสูดถึง 366.84 ล้านบาท ส่วนหุ้น?RK?ก็ราคาวิ่งไม่หยุดยังติดอันดับด้วยวอลุ่ม 291.03 ล้านบาท ขณะที่หุ้นสุขภัณฑ์?STAR?มีวอลุ่มการซื้อขาย 242.34 ล้านบาท ด้าน?BROCK?มีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 201.31 ล้านบาท ตามติดด้วย?UKEM?ที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 167.71 ล้านบาท แถมด้วยหุ้นที่มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูงสุดอันดับ 1 ยกให้?KASET?มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น 24.47% ?SALEE?มีตัวเลขอยู่ที่ 7.83% ส่วน?S2Y?อยู่ที่ 6.15% ขณะที่?TPAC?มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น 4.90% และ?TNH?มีตัวเลขอยู่ที่ 4.43%

จากการสำรวจหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดช่วงเดือนมกราคม สิ้นสุดวันที่ 1-30 มกราคม 2550 จำนวน 43 หลักทรัพย์ พบว่าหลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด(มหาชน)หรือ ETG ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ 366.84 ล้านบาท ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน) ประเมินว่า ในปี 2550 อัตราการเติบโตของกำไรของETG จะขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2549 อีก 15% เป็น 52 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และการขยายตัวของรายได้ ประกอบกับในปีนี้จะเสียภาษีในอัตราที่ลดลงจาก 30% เหลือเพียง 20%

รองลงมาคือ บริษัท อาค์ เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)หรือ RK ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 291.03 ล้านบาท

อันดับ 3 บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด(มหาชน)หรือ STARซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 242.34 ล้านบาท,

อันดับที่ 4 บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จำกัด(มหาชน) หรือBROCK ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 201.31 ล้านบาทบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) คาดฐานกำไรปี 2550 BROCK จะเติบโต 89% เนื่องจากBROCK จะนำเอาสินทรัพย์ที่มีอยู่ออกมาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้อย่างเต็มที่ ปัจจุบัน BROCK มีโครงการะหว่างพัฒนา 7 โครงการ มีมูลค่าสินค้าคงเหลือสำหรับขาย ณ สิ้นไตรมาส 3/2549 จำนวน 162 ล้านบาท สำหรับปี 2550 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท โดยเป็นการนำที่ดินที่มีอยู่แล้วมาพัฒนา

อันดับที่ 5 บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด(มหาชน) หรือ UKEM ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 167.71 ล้านบาท ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป จำกัด คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2550 ของ UKEM จะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้ทั้งหมดจาการโอนลูกค้าจาก EXXON และคาดว่าจะได้รับความไว้วางใจจาก EXXON ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องอุตสาหกรรมโดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 2550 นี้อีกทั้งยังได้สัญญาขายไกลคอลซ์แบบปีต่อปี จาก TOC ซึ่งสร้างรายได้ราว 50-60 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคาดรายได้จากการขายปีนี้เท่ากับ 2,173.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.42% จากส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 80.79% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 56.86 ล้านบาท

โผหุ้นที่เปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงราคาสูงสุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูงสุดงวดประจำเดือนมกราคมปีนี้ 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัท ไทยฮา จำกัด(มหาชน)หรือ KASET ที่มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดที่ 24.47%

อันดับ 2 บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน)หรือ SALEE ที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 7.83%

อันดับ 3 บริษัท สยามทูยู จำกัด(มหาชน) หรือ S2Y ที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 6.15%

ส่วนอันดับที่ 4 บรษัท พลาสติคและหีบห่อไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TPAC ที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 4.90 % บริษัทหลักทรัพย์ไซรัส จำกัด คาดว่าปีนี้TPACจะได้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มของสายผลิตขวด PET ทำให้คาดรายได้จะเติบโต 10.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 54.8 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท เพิ่มขึ้น 11.0%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

อันดับที่ 5 โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด(มหาชน) หรือ TNH ที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่ 4.43% บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัดคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานปี 2550 ของ TNH จะมีอัตราการเติบโต 54% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากรายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นจากการประหยัดจากขนาดและการให้บริการการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น ส่วนสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลง จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นและอัตราภาษีจ่ายลดลงจาก 30% เหลือ20%จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ( MAI)


.00020

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com