May 19, 2024   9:29:07 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คุณภาพหุ้นใน SET 100
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 01/02/2007 @ 09:14:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หากคิดคำนวณหาหุ้นที่น่าลงทุนมากในปี 2550 โดยวัดจากค่า P/E ในกลุ่มหุ้น SET 100 จะพบว่ามีหุ้นที่น่าเข้าลงทุนจริงๆ เพียง 28 ตัวเท่านั้น และทั้งหมดเป็นหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่าตลาดในระดับ 8.10 เท่า แต่ถึงกระนั้นต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ก่อนเข้าลงทุนด้วย

เนื่องจากลำพังเฉพาะค่า P/E ไม่สามารถสะท้อนพื้นฐานที่แท้ของหุ้นออกมาได้หมดจึงส่งผลให้ค่าดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางที่ทำให้นักลงทุนรู้ว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อและหุ้นตัวไหนมีมูลค่าหุ้นสูงเกินกว่าความเป็นจริง รวมทั้งต้องเปรียบเทียบกับค่า P/E ของแต่ละกลุ่มด้วยว่า สูงหรือต่ำเกินไป

ทั้งนี้การคิดคำนวณอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น( P/E Ratio) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น จะคิดจากผลการดำเนินงาน 12 เดือนล่าสุด ขณะที่หุ้นที่ไม่สามารถคำนวณหาค่า P/E ได้ มักเกิดจากผลการดำเนินงาน 12 เดือนล่าสุดขาดทุน

โดยหุ้นที่มีค่า P/E ระดับสูง มักสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนเข้ามาไล่หุ้นหุ้นตัวนั้นๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดจากเรื่องผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และข่าวพันธมิตรใหม่เข้าร่วมลงทุน
หรืออาจเกิดจากการเข้ามาไล่ซื้อหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่ก็เป็นไปได้ เล่นเก็งกำไร ขณะเดียวกันหุ้นที่มีค่า P/E สูงๆ ก็มักสื่อเป็นนัยให้รู้ว่า มีความเสี่ยงจากการลงทุนสูงเช่นกัน

ส่วนหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ อาจยังไม่สะท้อนราคาที่แท้จริงออกมา และมีโอกาสปรับตัวขึ้นแรงในไม่ช้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าเข้าลงทุนมากสุด แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาองค์ประกอบทางด้านพื้นฐาน และข่าวสารที่เข้ามากระทบตัวหุ้นด้วยเหมือนกัน เพราะบางครั้งหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ อาจไม่ใช่หุ้นที่น่าลงทุนเสมอไป

ที่น่าสนใจคือ หุ้นที่ไม่มีค่า P/E เป็นหุ้นอีกหลุ่มหนึ่งที่นักลงทุนควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด
เพราะเป็นหุ้นที่เข้าข่ายหุ้นอันตรายดังนี้
1.การเล่นหุ้นที่ไม่มี P/E นั้นบริษัทมีแนวโน้มไม่จ่ายเงินปันผล เพราะบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุน
2.ราคาหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันไม่สามารถเทียบกับพื้นฐานของบริษัทได้ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพงไป
3.แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของบริษัทไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรภายในที่ดีพอ
4.แม้บางไตรมาส บริษัทจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ แต่นักลงทุนต้องพิจารณางบเป็นอย่างดี เนื่องจากอาจมาจากกำไรพิเศษ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความสามารถในการทำกำไรของตัวธุรกิจ
ข่าวหุ้นธุรกิจ? จึงทำการสำรวจคุณภาพหุ้น SET100 ในปี 2549 เพื่อให้นักลงทุนทราบค่า P/E ของหุ้นแต่ละตัวว่าอยู่ที่ระดับใด โดยการสำรวจครั้งนี้ใช้ข้อมูลของวันที่ 31ธ.ค. 2548 - 31ธ.ค. 2549 จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 100 ตัว โดยเรียงลำดับค่า P/Eจากน้อยไปหามาก

สำหรับหุ้นที่ P/E ต่ำสุดคือบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV เป็นที่ทราบกันดีสำหรับหุ้นรายนี้ที่ต้องรับผลกระทบจากค่าปรับผิดสัญญากรณีปรับผังจำนวนกว่า 97,000ล้านบาท และศาลได้ตัดสินให้ ITV ต้องจ่ายค่าปรับดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือหุ้นรายนี้ต่างขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ส่งผลให้ค่า P/E ของหุ้นรายนี้อยู่ที่ระดับ 3.03 เท่า จากปี2548 อยู่ที่ระดับ 19.62 เท่า ขณะเดียวกันP/Eของหุ้น ITVยังต่ำกว่าหมวดอุตสาหกรรมปี 2549อยู่ที่ 15.79 เท่า

ส่วนความคืบหน้าเรื่องค่าสัมปทาน ล่าสุดสปน.ขยายเวลาจ่ายค่าสัมปทานจำนวน 2,210 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 ม.ค. ต่อไปอีก 30 วัน ดังนั้นหากหุ้นปรับตัวขึ้นน่าจะเป็นเพียงการเก็งกำไร เพราะหากดูอนาคตของหุ้นรายนี้ที่ต้องจ่ายเงินเกือบแสนล้านน่าจะเป็นตัวกดดันให้หุ้นไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างที่ผ่านมาแน่นอน

ขณะที่อันดับ 2 คือ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMARTค่าP/E อยู่ที่ 4.51 เท่า จากปี 2548 อยู่ที่ 13.66 เท่า ขณะเดียวกันP/Eในหมวดอุตสาหกรรมปี 2549 อยู่ที่ 11.34 เท่า แม้ค่าP/Eจะลดลงแต่หากเทียบผลการดำเนินงาน 9เดือน 2549 กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1,796.83 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 432.25ล้านบาท ต้องถือว่าหุ้นตัวนี้น่าเข้าลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี

ทั้งนี้หากพิจารณาหุ้นอื่นๆที่มี P/E ติด 1 ใน10อันดับแรก พบว่าเป็นหุ้นที่น่าเข้าลงทุนก็จริง แต่ก็มีหุ้นบางตัวเป็นหุ้นที่ขาดสภาพคล่อง และนานๆ ทีถึงจะมีการซื้อขาย ซึ่งในที่นี้ประกอบด้วย BFIT ROBINS และ TPC ส่วนที่เหลือสามารถเข้าช้อนซื้อหุ้นเก็บไว้ได้

ด้านหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีค่า P/E อยู่ในระดับ 6.08 เท่า จากปี 2548 อยู่ที่ 7.11เท่า ก็เข้าข่ายน่าลงทุนมากที่สุดอีกตัวหนึ่งเพราะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ รวมทั้งยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นถึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นในไม่ช้าอีกเช่นกัน

สำหรับหุ้นที่มีค่า P/E สูงสุดคือ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ METRO มีP/Eสูงถึง 77.65 เท่า จากปี2548อยู่ที่ 15.84เท่า ขณะที่ P/E หมวดอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 11.65 เท่า เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรตามข่าว โดยเฉพาะข่าวที่ METRO เล็งผุด 3 โครงการแนวรถไฟฟ้า ย่านรัชดา ลาดพร้าว และสุขุมวิท หลังจากเริ่มเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐ

ที่สำคัญหากเทียบผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2549 ที่ลดลงเป็น 26.80 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 164.29 ล้านบาท การเล่นหุ้นตัวนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงอย่างมาก โดยเฉพาะค่าP/Eของหุ้นที่สูงกว่าหมวดอุตสาหกรรมหลายเท่า

ขณะที่หุ้นไม่มีP/E อย่าง N-PARK,TT&T,MS,TRUE,SSI,PLE,BT,SATTEL,NSM,GBX,STEC,และITD เป็นที่ทราบกันดีว่าหุ้นกลุ่มนี้มีปัญหาเรื่องการขาดทุน เพราะผลประกอบการที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ดังนั้นนักลงทุนที่เล่นหุ้นกลุ่มนี้ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี


.00020



[/color:ad82d6f1cb">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com