นักลงทุนไทย-เทศ อย่าเพิ่งสิ้นหวัง หม่อมอุ๋ย บอกปีนี้หุ้นไทยมีโอกาสได้เห็นดัชนีฯ 730 จุด ขณะที่ วิจิตร คาด มีลุ้นแตะ 800 จุด ด้านโบรกเกอร์ชี้มีความเป็นไปได้สูง หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบแรงๆ ที่สำคัญ ต้องจัดการเลือกตั้งและการเมืองต้องนิ่งสนิท...

* หุ้นไทยดัชนีฯ ซึม-วอลุ่มแผ่ว
นับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2550 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงไม่สารถฟื้นตัวกลับมาร้อนแรงได้เหมือนปีก่อน รวมทั้งปริมาณการซื้อขายที่ไม่อาจพุ่งทะลุถึงกว่า 20,000 ล้านบาทต่อวันได้

ผลพวงจากการเปลี่ยนคณะรัฐบาลช่วงปลายปีก่อน บวกกับเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รั้งด้วยความร้อนแรงจากสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้ดัชนีฯ ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเกิดอาการซึมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

โดยวานนี้ (31 ม.ค.) ดัชนีฯ ได้ปิดที่ระดับ 654.04 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด หรือ 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 8,282.86 จุด ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน

* หม่อมอุ๋ย เชื่อปีนี้เห็นดัชนีฯ 730 จุด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาถกฐาพิเศษ เรื่อง มาตรการภาครัฐและแนวทางการปรับตัวรับมือค่าเงินบาทผันผวน ในงานสัมมนาทิศทางการลงทุนปี 50 และการปรับตัวรับมือค่าเงินบาทผันผวนในวันนี้ว่า หากรัฐบาลมีการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงให้ดีขึ้น พื้นฐานเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น โดยเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นจะกลับขึ้นไปอยู่ที่ 730 ได้ภายในปีนี้
หุ้นมันเคยตกลงมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ก็จะปรับตัวขึ้นมาถึง 730 ได้ ซึ่งถือว่าเรื่องนี้ผมชี้นำไปก่อน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

* มาตรการ ธปท. มาถูกทาง
ส่วนมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออก เพื่อรักษาให้ผู้ส่งออกอยู่ได้ ซึ่งผลที่ผ่านมาในตลาด Off-Shore ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ตลาด On-Shore อยู่ที่ 35.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าค่าเงินบาทได้เริ่มนิ่งแล้ว ดังนั้น หาก ธปท.ไม่ออกมาตรการดังกล่าวออกมาจะทำให้เกิดวิกฤตการส่งออกขึ้นได้

ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.ต่างด้าวเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริง หลังจากที่มีการปกปิดกันมานาน ซึ่งหากนักลงทุนต่างประเทศต้องการถือหุ้นเกิน 49% ก็ให้สามารถมาขออนุญาตได้จะไม่มีการกีดกันใดๆ เพียงแต่ต้องการให้แจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น

* วิจิตร คาดปลายปีมีลุ้นแตะ 800 จุด
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ ตลท. กล่าวว่า คาดการณ์ SET Index ในช่วงกลางปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 750 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ในช่วงปลายปีก็มีโอกาสเห็น SET Index ขยับเพิ่มถึง 800 จุด โดยหากสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งมีความชัดเจนก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากขึ้น

โดยประเมินว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงนี้เป็นไปตามปกติ โดยดัชนีฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงตามกลไกของตลาดที่มีแรงซื้อและแรงขายสลับกันออกมา ซึ่งปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท/วัน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

* เชื่อเม็ดเงินต่างชาติยังอยู่ในประเทศ
ทั้งนี้ เชื่อว่าเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งพบว่านอกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นแล้วยังมีการไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ (TFEX) พอสมควร โดยประเด็นที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจคือ แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวและมีโอกาสปรับลดลง

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามดูถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่ทางภาครัฐเตรียมออกมาว่าจะมีความชัดเจนเมื่อใด ซึ่งเชื่อว่าหากมีการลงทุนในประเทศแล้วนักลงทุนต่างชาติก็จะกลับเข้ามาลงทุนตาม
เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ไปไหน เพราะทุกปัจจัยลบเริ่มดีขึ้น ด้านภาพรวมการชำระเงินในส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดก็เป็นบวก สะท้อนฐานะที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องในประเทศที่มาก ฉะนั้นเมื่อมีการลงทุนในประเทศชัดเจนเงินต่างประเทศก็น่าจะเข้ามาตาม นายวิจิตร กล่าว


.00020

* ตัวเลขเศรษฐกิจปี 49 โตต่อเนื่องจากปี 48
ด้านเศรษฐกิจไทย แม้จะประสบกับหลากหลายปัญหารุมเร้า แต่อัตราการเติบโตยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ธปท. ได้ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจปี 2549 ซึ่งปรากฏตัวเลขสำคัญ คือ การส่งออกโต 17.4%, นำเข้าโต 7%
ส่วนดุลการค้าเกินดุล 2,245 ล้านเหรียญสหรัฐ, ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3,240 ล้านเหรียญสหรัฐ, ดุลชำระเงินเกินดุล 12,742 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสิ้นปี 49 อยู่ที่ 67 พันล้านเหรียญสหรัฐ

* พัฒนสิน ชี้เป็นไปได้สูง SET Index ขยับเดือนละ 10 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่า ประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากความต่างระหว่าง SET Index ในปัจจุบันกับที่คาดการณ์ไว้ไม่ห่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามปัจจัยทางเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะตลาดหุ้นไทยได้
เป้าหมาย SET Index 730จุด ซึ่งหากพิจารณาแล้ว ก็ต่างจากปัจจุบันไม่มาก ซึ่งในปัจจุบันก็อยู่ที่ 650 กว่าจุด ประมาณ 80% เหลืออีก 11 เดือน ก็เพิ่มขึ้นเดือนละ 10 จุด เป็นไปได้ถ้าหากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบแรงๆ นายชัย กล่าว

* แนะเลือกซื้อหุ้นแบงก์พาณิชย์ และปูนใหญ่
ในขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน ประเมินว่าปีนี้ SET Index จะอยู่ที่ 600-730 จุด โดยแนะนำนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK

นอกจากนี้ หุ้นของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ยังเหมาะสำหรับการลงทุนอีกด้วย เนื่องจากอาจได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับลดลง ส่วนหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นักลงทุนสามารถเก็งกำไร เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับลดลงได้

* บล.กรุงศรีอยุธยา เชื่อความเชื่อมั่นกลับคืนหลังเลือกตั้ง
นายสุเชษฐุ์ สุขแท้ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าบุคคล บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยไม่ถึง 20,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุน

โดยปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกันก็คือปัจจัยทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ, ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน รวมถึงอุตสาหกรรมโดยรวม โดยมองว่าความเชื่อมั่นน่าจะกลับมาหลังจากที่มีการเลือกตั้ง

สิ่งสำคัญคือรอเรื่องการเมือง หากความมั่นใจทางการเมืองไม่มีก็ย่อมกระทบเศรษฐกิจ บริษัทจดทะเบียนและอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งช่วงนี้ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบกิจการก็รอความชัดเจนรวมถึงความมีสเถียรภาพทางการเมือง ซึ่งหากการเมืองไม่สงบ เศรษฐกิจคงลำบาก นายสุเชษฐุ์ กล่าว

ทั้งนี้ ยังไม่แนะนำนักลงทุนเข้าลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยง โดยแนะนำให้รอสถานการณ์และความชัดเจนทางการเมืองให้เกิดขึ้น รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ก่อนพิจารณาเข้าลงทุน

.00020

700 กว่าๆ หม่อมยังทำหลุดต่ำ 600 มาแล้วในวันเดียว แบบสบายๆๆๆๆ .000c

ทั่วโลกเค้าทำ new high กันหมดแล้ว ประเทศไทยยังมัวแต่ถอยหลังลงคลอง .0002 .0002
พวกท่านผู้มีอำนาจบาตรใหญ่น่าจะสำนึกได้บ้างแล้วนะ

ถ้าพวกท่านทั้งหลายยอมทบทวนบทบาทตัวเอง และคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว 730 ไม่ยากหรอก