ที่มา : สมพงศ์ เบญจเทพานันท์
หัวคอลัมน์ : SET: Volume เบาบาง
การอ่อนตัวลงของดัชนียังคงมี Volume อยู่ในระดับเบาบางและยังอยู่ในกรอบการเคลื่อนไหว Sideway ระหว่าง 647-662 จุด โดยมีหุ้นในหมวด Bank ที่ยังมีแรงรองรับอยู่ ในขณะที่ RSI ซึ่งเป็น Indicator ในระยะสั้นๆเริ่มมีสัญญาณ Bullish Divergent ซึ่งเป็นสัญญาณ Positive ที่เตือนว่าแนวโน้มในระกลางเริ่มมีทิศทางดีขึ้นและมีแนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นหรืออาจจะกล่าวได้ว่าดัชนีมีแนวโน้มที่จะ Break Out แนวต้าน 662 จุดขึ้นไปได้ในที่สุดแต่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ในระหว่างนี้คงมีลักษณะการ Selective Buy เป็นบางตัวและคาดว่าคงไม่มีแรงขายหนักๆออกแล้วในช่วงนี้หากไม่มีเหตุการณ์พลิกความคาดหมายแต่ถ้า Volume ยังเบาบางอย่างตลาดก็คงจะซึมๆต่อไปอีกสักระยะ
กลยุทธ์ Selective Buy เป็นบางตัว
แนวรับ แนวต้าน
648 จุด 662 จุด
642 จุด 680 จุด
KTB แผนการเล่น ?Trading?
ตัดขาดทุนที่ 11.80 บาท
? รูปแบบการเคลื่อนไหวของระดับราคาค่อนข้าง Out Perform และประเด็นสำคัญคือสัญญาณซื้อของรูปแบบ Head&Shoulder bottom ที่เกิดขึ้นยังคงอยู่เพียงแต่แนวโน้มในระยะสั้นๆกำลังพักปรับฐานราคาช่วงสั้นๆและเมื่อเสร็จสิ้นลงก็คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideway Up ตามแนวโน้มขาขึ้นที่ได้สร้างขึ้น
? กลยุทธ์ ทยอยตั้งรับที่แนวรับ
แนวรับ แนวต้าน
12.10 บาท 12.60 บาท
11.90 บาท 13.50 บาท
ASL แผนการเล่น ?Trading?
ตัดขาดทุนที่ 7.45 บาท
? แนวโน้มในระยะสั้นๆของระดับราคาได้ขึ้นมาทดสอบแนวต้านแรกที่บริเวณ 7.75 บาท ในขณะที่ Indicator ในระยะสั้นๆจะมีทิศทาง Positive โดยเฉพาะ RSI ที่มีสัญญาณซื้อส่งผลให้ระดับราคามีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหญ่ถัดไปที่บริเวณ 8.60 บาท
? กลยุทธ์ เล่นสั้นๆ Trading และคุมจุด Stop Loss ให้ดีๆ
แนวรับ แนวต้าน
7.50 บาท 7.75 บาท
6.80 บาท 8.60 บาท

ที่มา : วีระชัย ครองสามสี

หัวคอลัมน์ : จับตาแนวรับ 650 จุดยืนได้หรือไม่ เมื่อต่างชาติเริ่มขาย
บ้างแล้ว

ทิศทางตลาดหุ้นไทยวานนี้ ยังคงแกว่งตัวช่วงแคบๆ อยู่ในกรอบ 650 ? 660 จุด แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศผ่อนเกณฑ์มาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย สำหรับเงินกู้ต่างประเทศ สำหรับเงินกู้ต่างประเทศ โดยให้ทางเลือกสำรอง 30% ของเงินลงทุน หรือทำประกันความเสี่ยง (Hedging) ซึ่งมีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้ พร้อมระบุเงินที่เข้ามาลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ (วอร์แรนท์) รวมถึงเงินที่เข้ามาจ่ายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ต้องกันสำรอง 30% ปรากฎว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใดทั้งสิ้น เนื่องจากตลาดได้ซึมซับข่าวไปแล้วตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แถมตลาดแสดงอาการหวาดเสียวอีกต่างหาก เมื่อตลาดปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 650 จุด ผลพวงมาจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTT TOP RRC ที่กดดันให้ตลาดแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน แต่ยังดีที่ได้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มขนส่ง ที่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ จึงช่วยประคองตลาดไม่ให้หลุดแนวรับดังกล่าว และหากตลาดขืนหลุดแนวรับที่ 650 จุดจะเพิ่มแรงกดดันให้มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 630 จุดเป็นอย่างน้อย ผมถึงได้เน้นย้ำว่าสัปดาห์นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดหากทะลุ 662 จุดไปได้จะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นที่มีเป้าหมาย 680 จุด แต่ถ้าหลุด 650 จุดอาจจะปรับตัวลงทดสอบ 630 จุด สำหรับทางด้านเทคนิค SET INDEX แสดงสัญญาณที่ไม่สู้ดีนัก และเพิ่มควาเสี่ยงในการปรับตัวลงเพิ่มมากขึ้น หลังจากหลุดแนวรับเส้น SMA ต่างๆ ที่ 655 จุด และหาก SET ไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 655 จุดได้ นักลงทุนคงต้องระวังแรงกดดันให้ที่จะเป็นตลาดปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 650 จุดอีกครั้ง แถมเครื่องมือทางเทคนิค RSI เริ่มแสดงอาการชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าระยะสั้นๆ ตลาดมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ฉะนั้นนักลงทุนที่เล่นทางเทคนิคในช่วงนี้ คงต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างยิ่งในการลงทุน กลยุทธ์ตอนนี้ควรรอดูว่าจะมีปัจจัยอะไรใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ และดู SET INDEX จะยืนเหนือ 650 จุดได้หรือไม่ เมื่อเห็นแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเป็นวันแรก แต่ถ้ายืนเหนือไว้ได้อาจจะเล่น Trading ในกรอบ 650 ? 660 จุด แต่ไม่ควรเพิ่มเงินลงทุนเด็ดขาด จนกว่า SET จะทะลุแนวต้านที่ 662 จุดไปได้ถึงจะยืนยันแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าเกิดหลุด 650 จุดควรตัดขาดทุนแล้วไปรอซื้อคืนแถวๆ 630 จุด

หุ้นฟันธง : SEAFCO หุ้นแกร่งของ
*** บทความนี้ทำขึ้นด้วยหลักวิชาการทางเทคนิค และข้อมูลพื้นฐาน มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด ***