May 19, 2024   8:13:43 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์การลงทุนวันนี้
 

konthai
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 55
วันที่: 31/01/2007 @ 10:17:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หากเฟดยังวิตกเงินเฟ้อ จะมีแรงขายระยะสั้น
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มขึ้นคืนนี้ คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Fed Funds Rate ไว้ที่ระดับเดิม 5.25% จากแรงกดดันเงินเฟ้อ พิจารณาจากเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.9% มากกว่าคาด (เฟดให้นัยสำคัญกับตัวเลขนี้ในการตัดสินใจ) นอกจากนี้ หากประเมินจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด โดยเฉพาะยอดขายบ้านใหม่ที่ยังคงแข็งแกร่ง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือน คาดว่า ถ้อยแถลงหลังการประชุมจะยังคงแสดงความวิตกต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ และยังไม่ข้อความใดๆ ที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย (อาจไม่ปรับลดดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้) ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาจตอบสนองเชิงลบได้ในระยะสั้น

วันนี้...คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 645-655 จุด การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบเบรนท์กว่า 5% (2.86 เหรียญต่อบาร์เรล) มาที่ 56 เหรียญ/บาร์เรล จากอากาศที่เย็นขึ้น และรับการลดการผลิตของกลุ่มโอเปคอีก 5 แสนบาร์เรลในวันพรุ่งนี้ อาจช่วยพยุงดัชนีตลาดไว้ได้ โดยเราประเมินว่าการแกว่งตัวของราคาน้ำมันเป็นเพียงความผันผวนรายวัน และทั้งปีน่าจะเคลื่อนไหวเฉลี่ย 56 เหรียญ/บาร์เรล

กลยุทธ์การลงทุนเน้นตั้งรับ โดยรอซื้อแถว 640-645 จุด เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการเชิงบวกของปัจจัยในประเทศ จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ย และการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ในกลุ่มธนาคาร KBANK กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ AP, LPN และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK และ STEC

 กลับขึ้นบน
konthai
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 55
#1 วันที่: 31/01/2007 @ 10:20:28 : re: กลยุทธ์การลงทุนวันนี้
BANPU ราคาปิด 185.00 บาท แนะนำ ซื้อ
เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา BANPU ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงจากจุดสูงบริเวณ 185 บาท สู่แนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ณ 130 บาท ปรากฏว่าเส้นๆ นี้ยังทำหน้าที่แนวรับอย่างมั่นคง อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการดีดกลับตามมา สัญญาณเชิงบวกจาก MACD แสดงถึงแนวโน้มระยะยาวที่แข็งแกร่งมาก และยังบ่งบอกถึงโอกาสของการดีดตัวต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าโอกาสที่หุ้นจะดีดตัวทดสอบจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 240 บาทมีมาก
แนวรับ 170.00-180.00 บาท
แนวต้าน 220.00-240.00 บาท


MAJOR: คาดปริมาณผู้เข้าชมภาพยนตร์เริ่มกลับสู่ระดับปกติ - ซื้อ

ภาพยนตร์ทำเงินที่จะเข้าฉายหลายเรื่องในปีนี้คาดว่าจะผลักดันกำไรปกติของ MAJOR ให้เติบโต 28% ในปี 50

ประเมินมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 18.54 บาท (วิธี sum-of-the-part, WACC 12.4%) หลังปรับลดประมาณการปี 50 ลง 13% สะท้อนเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด

คาดไตรมาส 4/49 กำไรปกติ 118 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน เนื่องจากมีภาพยนตร์ทำเงินโดดเด่นน้อยลง
ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่ทำรายได้ถึง 230 ล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดช่วยกระตุ้นปริมาณผู้ชมภาพยนตร์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว

ธุรกิจโฆษณาซึ่งมีอัตรากำไรสูง คาดรายได้จะเติบโต 20% ในปี 50 จากการจัดกิจกรรม below the line และขาย package โฆษณาร่วมกับ MACO และบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ
เราถอดมูลค่าของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1.80 บาท/หุ้น ออกจากการประเมินมูลค่า หลังประเมินมีความเสี่ยงที่การจัดตั้งกองทุนอาจไม่ผ่านการอนุมัติของ กลต. ในประเด็นสภาพคล่องของสินทรัพย์


ITV : ขยายเวลาครั้งสุดท้ายอีก 30 วัน - ขาย

ความเห็นนักวิเคราะห์
ง การขยายเวลาจ่ายสัมปทานค้างชำระออกไปอีก 30 วัน ถือเป็นการผ่อนปรนตามสัญญาข้อที่ 13 ที่ สปน.สามารถเปิดโอกาสให้ ITV ปฏิบัติให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลาอันสมควรได้อีกเป็นครั้งสุดท้าย หลังครบกำหนดแจ้งเตือนในครั้งแรก ซึ่งหาก ITV ยังไม่จ่ายค่าสัมปทาน สปน.สามารถนำเรื่องเสนอ ครม.เพื่อบอกเลิกสัมปทานได้

ง เรายังคงคาดว่า ITV จะไม่สามารถหาแหล่งเงินกู้ หรือเงินทุนจาก ผู้ถือหุ้นรายใหม่ได้ อันเนื่องมาจาก ความเสี่ยงเรื่องค่าปรับที่อาจสูงถึง 1 แสนล้านบาท จากการทำผิดเงื่อนไขผังรายการ

ง กรณีที่ ITV พยายามหาพันธมิตรใหม่เข้ามาซื้อหุ้นจาก SHIN อาจทำให้สามารถเจรจาลดหย่อน เรื่องค่าปรับ 1 แสนล้านบาทได้ง่ายขึ้นนั้น เรามองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจาก เป็นประเด็นทาง ข้อกฎหมาย จากการที่ ITV ทำผิดสัญญา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ITV ก็ยังคงทำให้บริษัทมีความเสี่ยงเท่าเดิม

ง ความเสี่ยงที่ ITV อาจถูกปรับเรื่องการทำผิดเงื่อนไขผังรายการในอัตราสูงถึง 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทำให้เรายังคงการประเมินมูลค่าพื้นฐานของ ITV ที่ 0 บาท และแนะนำ ขาย
 กลับขึ้นบน
konthai
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 55
#2 วันที่: 31/01/2007 @ 12:48:55 : re: กลยุทธ์การลงทุนวันนี้
PTTEP: กำไรสุทธิไตรมาส 4/49 เป็นไปตามคาด - ซื้อ

ประเด็นสำคัญ

ท คงคำแนะนำ ซื้อ จากราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานปี 50 ที่ 111 บาท (DCF WACC 9.98%) แม้ว่าความผันผวนของราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อราคาหุ้น PTTEP แต่เราประเมินว่าราคาน้ำมันในระดับปัจจุบันน่าจะเป็นราคาฐานจากการที่ OPEC มีความตั้งใจที่จะรักษาราคาในระดับดังกล่าวจากการปรับลดเพดานการผลิตลง

ท กำไรสุทธิไตรมาส 4/49 ที่ 6.1 พันล้านบาท (ใกล้เคียงกับที่คาด) ลดลง 4% จากไตรมาสเดียวกันของปี 48 ซึ่งมีรายการพิเศษกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 507 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯได้รับผลบวกจากราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น 14% ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่ปริมาณขายไตรมาสนี้ลดลง 2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณขายปิโตรเลียมแหล่งนางนวล และแหล่ง B8/32&9A ต่ำลง

ท ในภาพรวมปี 49 PTTEP ทำกำไรสุทธิได้ 28 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปี 48 อันเป็นผลจากปริมาณขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากการเข้าซื้อแหล่งปิโตรเลียม B8/32&9A ในปี 48 และราคาขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น 25% ตามราคาน้ำมันดิบ

ท คาดว่ากำไรปกติฯ ปี 50 จะลดลงจากปี 49 จาก OPEX ที่เพิ่มขึ้น แต่จะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยในปี 51 จากปริมาณขายฯที่จะเพิ่มขึ้น 28% แม้ว่ากำไรสุทธิมีแนวโน้มทรงตัวในช่วง 5 ปีข้างหน้าจากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มอ่อนตัว แต่มีโอกาสเติบโตจากโครงการในอนาคตที่จะเริ่มผลิตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า


RATCH: กำไรสุทธิปี 49 ทรงตัวจากการตั้งสำรองเหตุเพลิงไหม้ - ซื้อ

ประเด็นสำคัญ
ท คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 45.00 บาท (DCF ที่อัตราส่วนลด 15%) นอกจากราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ผลตอบแทนเงินปันผลในระยะยาวที่น่าสนใจ บริษัทฯยังมีโอกาสเติบโตจากการประมูลโครงการ IPP ในปีนี้ ซึ่ง RATCH และบริษัทย่อยมีศักยภาพที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าได้อีก 1,400 MW

ท กำไรสุทธิปี 49 ที่ 6.1 พันล้านบาทต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 7 พันล้านบาทเนื่องจากในไตรมาส 4/49 RATCH ได้บันทึกค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองมูลค่าความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้โรงไฟฟ้าพลังความร้อน 1 ที่เกิดขึ้นในปี 48 จำนวน 750 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาขอรับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย

ท การตั้งสำรองดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปี 49 แต่จะมีผลกระทบในอนาคต หากบริษัทประกันไม่จ่ายเงินชดเชยให้ ซึ่งจะกระทบให้มูลค่าที่เหมาะสมลดลง 0.50 บาท/หุ้น
ท กำไรสุทธิปี 49 ทรงตัวอาจมีผลให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลเท่ากับปี 48 ที่ 2.00 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 4.6% แต่คาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 50-51 จะทำให้ RATCH กลับมาจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นและทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลของหุ้นนี้กลับมาอยู่ในระดับ 5-6%
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com