ATCสุดยอดหุ้นโรงกลั่นกำไรงาม

--------------------------------------------------------------------------------

ผู้บริหาร ATC ?เพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์? ประกาศกำไรปี 49 โต 22% ขณะที่ไตรมาส 4 โตกว่า 209% จากปีก่อนหน้าหลังส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบพุ่ง รับอานิสงค์ต้นทุนวัตถุดิบลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน มั่นใจพร้อมควักเงินจ่ายปันผลมากกว่า 2.00 บาทต่อหุ้น พร้อมชงบอร์ดไฟเขียว 20 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนปี 2550 ยังเร่งโตไม่หยุดวางเป้าไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมเปิดแผนควบ RRC อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ใกล้ได้บทสรุป คาดไม่เกินต้นเดือนมีนาคมรู้ผลแน่ และตบท้ายความมั่นใจด้วยบิ๊กล็อตโผล่กว่า 10 ล้านบาท ส่วนผู้บริหารมองต้นตอแรงเก็บเข้ามาซื้อของถูก
ด้านการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ATC วานนี้ (30 ม.ค.2550) มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง และพบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) หุ้น ATC รวม 2 รายการ จำนวน 2.77 แสนหุ้น ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 38.43 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 10.65 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นปิดที่ราคา 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.95% มูลค่าการซื้อขาย 466.23 ล้านบาท
นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ATC เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนควบรวมกิจการกับบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) RRC ขณะนี้ที่ปรึกษาอยู่ระหว่างการประเมินแนวทางในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อจะเสนอต่อผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมี.ค.2550 โดยมีความเป็นไปได้ทั้งการที่ ATC จะเข้าไปซื้อกิจการของ RRC หรือ RRC จะเข้ามาซื้อกิจการ ATC
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2550 ตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ระดับ 10% จากปี 2549 ที่ผ่านมา
โดยมองว่าราคาหุ้น ATC ปัจจุบันยังถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง จึงคาดว่าการทำรายการบิ๊กล็อตที่เข้ากว่า 10 ล้านบาทวานนี้นั้นน่าจะมาจากแนวโน้มการเติบโตที่ดีของบริษัทรวมถึงราคาหุ้นที่ยังถือว่าถูกมาก
ส่งท้ายQ4กำไรพุ่ง209%
บริษัท ATC แจ้ง ผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 4 ปี 2549 บริษัทมีรายได้ 20,120 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,464 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 209% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 699 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานประจำปี 2549 มีรายได้ 74,780 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,173 ล้านบาท หรือ 22% จากปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 5,243 ล้านบาททั้งนี้เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ
นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องบริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลในงวดปี 2549 ได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 2.00 บาทได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และจะเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเมษายน 2550
ควบรวมตัวแปรหลัก
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2549 ของ ATC ถือว่าเป็นไปตามคาดจากราคาผลิตภัณฑ์ทั้งพาราไซรีลและเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้น และน่าจะส่งผลต่อเนื่องในปี 2550 รวมถึงแผนการควบรวมกิจการกับบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) RRC ที่คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายไตรมาส 1/2550 นี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางธุรกิจและศักยภาพในการดำเนินงานในอนาคต
?เรื่องแผนควบรวมกิจการกันระหว่าง ATC กับ RRC ถึงแม้จะยังไม่ชัดเจนว่าใครจะควบรวมใคร แต่การควบรวมดังกล่าวถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตขึ้น ซึ่งคาดว่าแผนการศึกษาน่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายไตรมาส 1 นี้?นายกิติชาญกล่าว
ทั้งนี้จากกำลังการผลิตใหม่ที่ยังคงตึงตัวจากโรงงานอะโรเมติกส์หลายแห่งในภูมิภาคมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงกำลังการผลิตใหม่จากโรงงานผลิตใหม่ในตะวันออกกลางที่มีการเลื่อนเปิดออกไปทำให้คาดว่าแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์จะยังคงยืนอยู่ในระดับสูงต่อไป รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในอุตสาหกรรมอะโรเมติกส์จะเติบโตต่อเนื่อง
ปันผลไม่ต่ำกว่า2บาท
นายกิติชาญ กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตที่ดี และยังมีข่าวบวกในเรื่องประเด็นการควบรวมกิจการกับ RRC รวมถึงคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลในงวดปี 2549 ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 2.00 บาททำให้ยังคงแนะนำซื้อแต่จากราคาหุ้น ATC ปัจจุบันที่ปรับตัวขึ้นมาพอสมควร จึงให้แนวรับที่ 36-38 บาท จากราคาเหมาะสมในปีนี้ที่ 42.00 บาท
นักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สัญญาณทางเทคนิคหุ้น ATC ยังเป็นสัญญาณบวก ระยะสั้นถึงกลางราคาหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยหากผ่านแนวต้านสำคัญที่ 40.00 บาท มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 42.50 บาท โดยแนะนำซื้อ ให้แนวรับที่ 37.00 บาท แนวรับถัดไปที่ 36.25 บาท