GEN ?ซื้อ?



--------------------------------------------------------------------------------

วานนี้ตลาดยังคงเงียบเหงาไม่ต่างจากวันก่อน ปริมาณการซื้อขายเบาบางมีแรงขายหุ้น PTT ตลอดทั้งวัน แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น Big cap อย่าง BBL BANPU AOT นักลงทุนต่างชาติที่ซื้อมาตลอดเริ่มจะกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิแล้ว SET ลงมา test แนวรับด้านล่างของกรอบsideway แล้วเด้งขึ้นมา ยังไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม จึงยังน่าจะ sideway แคบๆ เช่นเดิม แนะนำ wait and see เช่นเดิม และ stop loss ถ้า SET ต่ำกว่า 647 จุดลงมา แนวต้าน 660 แนวรับ 647
TOP ในความคิดเห็นของเรา ปริมาณการใช้น้ำมัน heating oil ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ค่าการกลั่นและราคาน้ำมันดิบในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยกรมอุตุนิยมฯของประเทศสหรัฐอเมริการายงานว่า มีความเป็นไปได้สูงที่อุณหภูมิทางตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเขตที่มีการใช้น้ำมันสูงสุดในโลกจะหนาวเย็นกว่าปกติตลอดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโน การปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมของกลุ่มประเทศ OPEC ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และการใช้กําลังการกลั่นที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำหมายถึง อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่อาจปรับลดลง ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าปริมาณอุปสงค์และอุปทานจะตึงตัวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ค่าการกลั่นมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในระยะกลาง ยังคงแนะนำซื้อสำหรับ TOP เนื่องจากคาดว่าค่าการกลั่นที่สูงขึ้นจะสามารถผลักดันราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก ราคาเป้าหมาย 67 บาท
GEN เมื่อวานนี้มีข่าวทางผู้บริหารออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ และคาดว่าจะมีGross margin รวมที่ 10% โดย Gross margin ของธุรกิจเสาเข็มจะอยู่ที่ 6-8% ซึ่งคาดว่าปีนี้คงจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ประมาณ 3-4% และจะหันมาทำธุรกิจหลักคือ เสาเข็มให้มากขึ้น จะไม่เน้นธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างมากนัก ประมาณการรายได้ปี 2550 ที่ 1 พันล้านบาท ตั้งเป้าว่าจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 110 ล้านบาทให้หมดภายในปีนี้ จากแนวโน้มที่เป็น Turn around จึงมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง ในทางเทคนิคเมื่อวานนี้ระดับราคาสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 10 วัน 25 วัน และ 200 วันได้ พร้อมทั้งทำ New High ในรอบ 1 เดือน พร้อมทั้งปริมาณการซื้อขายที่เข้ามาคึกคักมาก ให้เป้าหมายทางเทคนิคที่ 1.10 บาท

รอบตั๋วเด็กมาแล้วจ๊า ?



--------------------------------------------------------------------------------

ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเริ่มเกิดอาการ ?แอบ ๆหนี? หรือท่า?ชงน้ำชา? โดยสถาบันค่อย ๆ บรรจงขายหุ้นออกที่ราคาสูงโดยไม่ให้รายย่อยตกใจเผลอนิดปรากฏว่ารับหุ้นเข้าไปเต็มกระบุงที่สูง แต่ราคาหุ้นดูเหมือนว่ายืนได้ท้ายที่สุดเมื่อฟางเส้นสุดท้ายเริ่มหลุด และเริ่มรู้ตัวว่า ?เสียรู้? ทำให้รายย่อยใช้ไม้ตายท่า ?กระโดดตึก? หนีไฟไหม้ตลาดหุ้นเพราะเกิดภาวะ?หุ้นแดงยังแพงอยู่? เพราะจิตวิทยาตลาดหุ้นนั้นเมื่อภาวะหุ้นแดงส่วนมากนักลงทุนแย่งกันขายมากกว่าซื้อ

ข้อสังเกตทางเทคนิคแนวโน้มระยะสั้นดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 645 ? 663 แต่ให้ตั้งข้อสังเกตเชิงลบหากดัชนียืนเหนือ 650 ไม่ได้ เพราะสะท้อนว่าตลาดระยะสั้นยืนที่สูงนานเกินไป ซึ่งน่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทิศทางที่ชัดเจน กล่าวคือ ทางขึ้น หรือทางลง ทั้งนี้เพราะการ?ใส่เกียร์ว่าง?ของตลาดแสดงว่านักลงทุนกำลังคาดเดาทิศทางตลาดว่าจะเลือกทางใดระหว่างขึ้นกับลงแต่ตลาดหุ้นผ่านการขึ้นจากระดับดัชนี 608- 661 จุดซึ่งเป็นการฟื้นตัวของราคาหุ้นประมาณ 10% ในแง่ดัชนี ดังนั้นทำให้ราคาหุ้นส่วนหนึ่งเข้ามาจุดที่ต้อง ?ต่อยอด?
กันแพงขึ้นปัญหาคือมีคนต่อยอดหรือไม่ หากไม่มีอาจจะนำไปสู่การขายหุ้นออกมาเพื่อรอจังหวะการลงทุนใหม่
และเริ่มเกมใหม่อีกครั้ง

การะเกิดระเบิดกลางกรุงครั้งใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครกลายเป็นโจทย์ข้อใหม่เรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ซึ่งมีการดูและรักษาในเรื่องความปลอดภัย
แต่ยังคงได้รับการคุกคามเหมือนกับว่า ?ล้อกันเล่นหรือเปล่า? ทั้งนี้เพราะคดีวางระเบิดในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ยังไม่ทันยุติและยังหาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ นั้นคาดว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการ
?ลดความน่าเชื่อถือ? ของรัฐบาลอีกครั้งซึ่งหากถามว่าใครมีอาวุธประเภทนี้ในครอบครองและสามารถเอามายิงเล่นได้ให้คนหวาดกลัวเล่นนั้นคงไม่ใช่เด็กน้อยเพราะคงไม่มีปัญญาหาซื้อสินค้าเหล่านี้มาใช้เหมือนของเล่นเด็กอะไรทำนองนั้น

ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทยังคงเป็นการต่อสู้ระหว่างทางการกับนักเก็งกำไรค่าเงิน เพราะค่าเงินบาท OFF/SHORE กับ ON/SHORE นั้นมีการแกว่งตัวชนิดรุนแรง เรียกว่าฝ่ายเหนึ่งเผลอเข้าห้องน้ำก็จะถูกฝ่ายตรงข้าม ?ลงมือ? กระทืบกันชนิดดวลกันหมัดต่อหมัด ซึ่งหากภาพการต่อสู้ระหว่างนักเก็งกำไรและกองกำลังปกป้องค่าเงินบาทยังดำเนินต่อไป สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ หน้าตักของฝ่ายทางการว่าจะรับมือกับกองทุนเก็งกำไรระหว่างประเทศได้อย่างไร และผลจากการต่อสู้กันใครได้ใครเสียผู้ส่งออกสินค้าได้จริงหรือเปล่า หรือนักเก็งกำไรได้ผลประโยชน์ประเทศชาติได้ประโยชน์อย่างไร เพราะทุกอย่างมีต้นทุนภาระการต่อสู้กับนักเก็งกำไรมีต้นทุนมากน้อยเพียงใดคาดว่ายังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ว่ากำไรหรือขาดทุนและหากขาดทุนนั้นยอดขาดทุนขณะนี้มากน้อยเพียงใด และใครเป็นผู้รับผิดชอบระหว่างผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ กับประเทศชาติ

และสิ่งที่คาดว่านักลงทุนเริ่มมองเห็นคือ ?คนปากแข็งบางคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง? กำลังเริ่มค่อย ๆ กลืนน้ำลายตัวเอง และเปลี่ยนแปลงท่าทีชนิดไม่อยากเสียหน้า(แต่เสียรู้ไปเยอะ) ทั้งนี้เพราะเริ่มพฤติกรรม ?แจกโน่น แถมนี่? เล็ก ๆ น้อย ๆ ราวกับว่า ?แจกขอทาน? หรือประเภทที่เรียกว่า ?ฉี่ไม่สุด? ซึ่งพฤติกรรมลักษณะนี้ค่อนข้างจะอันตรายต่อการตัดสินใจในการลงทุน เพราะนักลงทุนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทางการจะเกิดอาการ ?ฉี่ราด? สร้างปัญหาให้ระบบและต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมกันอีกครั้งซึ่งในแง่ความเป็นจริงนักลงทุนพอจะปรับพฤติกรรมการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ได้โดยไม่ติดยึดก็ตามทั้งนี้เพราะนักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นค่อนข้างปรับกลยุทธ์การลงทุนเร็ว
เพราะหากปรับตัวไม่เร็วคงไม่สามารถยืนหยัดในตลาดหุ้นไทยมาจนถึงปัจจุบันนี้แต่สภาพร่างกายจะสมบูรณ์ 100 % หรือเปล่ายังไม่สามารถรับประกันได้ แต่ที่แน่ ๆ ขาที่หักเมื่อ 19 ธันวาคม 2549 ยังต่อไม่สนิทดีเลยอะไรทำนองนั้น

มุมมองดัชนีระยะสั้นไก่ทองเชื่อว่าตลาดหุ้นเริ่มเดินทางมาสู่จุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้ง นั่นคือ หากไม่ขึ้นยืนเหนือ 663 จุดภายในสัปดาห์นี้คาดว่าอาจจะมีการ ?เทกระจาด? รอบใหญ่นำโดยหุ้นกลุ่มมาร์เก็ตแคปอีกครั้ง
เพราะสัญญาณการเล่นหุ้นตัวเล็กประเภทเก็งกำไรนั้นฟ้องว่า ?ตัวเลือก? นั้นเริ่มหร่อยหรอ และราคาหุ้นเริ่มอิ่มตัวเพียงแต่ตลาดกำลังหาหุ้นนำที่จะมาประคองตลาด ซึ่งหากพิจารณาตัวช่วย เช่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงาน สื่อสารวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ประกาศข่าวดีและราคาหุ้นมายืนรอ ?รับรางวัล? กันถ้วนหน้าแล้ว ทำให้ตลาดเหลือช่องว่างของหุ้นประเภท ?วิ่งเร็ว? ประเภท 80 -120 ตัว 100 บาทมาเป็นอาวุธ เพราะเล่นกันได้ทั้งรายเล็กรายใหญ่แบบสนุก ๆ มันส์ๆ ส่วนได้เสียนั้นเป็นเรื่องปกติเพราะคงไม่มีใครคิดลงทุนหุ้นเก็งกำไรกันอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลในทางปัจจัยพื้นฐานฐานะการเงินและพฤติกรรมของผู้บริหารและเจ้าของกิจการ

หุ้นเกรด 18 อรหันต์ที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในเกณฑ์ที่ท้าทายและอาศัยจังหวะและฝีมือในการลงทุนตามสภาพคล่องเมื่อหลุดจากความนิยมของตลาดควรจะไม่มีอยู่ในพอร์ตไม่ว่าเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่น่าติดตาม เช่น N-PARK KMC PAE APURE NWR SYNTEC IEC ส่วนเกรดที่อาจจะพอทนถือได้หากมีความสามารถในการ ?ถือทนและทนถือ? เช่น ITD TRUE IRPC AMATA STEC เป็นต้น

?พวกหยิบมือเดียว?



--------------------------------------------------------------------------------

ตลาดหุ้นไทยยังคงไปไม่ได้ และไปไม่เป็น บรรยากาศการซื้อขายยังคงเงียบเหงาตามเดิม มิไยที่ผู้บริหารระดับสูงของตลาดหุ้นไทยจะออกมาให้ข่าวปลอบใจ ไม่ว่าไปโรดโชว์ต่างประเทศบ้าง อีกไม่นานตลาดหุ้นไทยคงจะสดใสตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบ้าง แต่นักลงทุน นักเก็งกำไรก็ยังคง ไม่สนใจ อยู่ตามเดิม ขอเก็บไว้เฉยๆ ในกระเป๋าดูจะเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดในเวลานี้
ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักลงทุนระยะสั้น ก็ นักเก็งกำไร นั่นแหละ บอกตรงกันว่า ไหนผู้คุมกฏในหน่วยงานกำกับดูแลพากันมองว่าพวกเขาคือ พวกหยิบมือเดียว ก็จะทำให้รู้ว่า พวกหยิบมือเดียว นี่แหละก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาตลาดเงิน ตลาดทุนเหมือนกัน ก็ลองดูหากตลาดหุ้นไทยขาดนักเก็งกำไร หรือ พวกหยิบมือเดียว แล้วตลาดหุ้นไทยจะมีสภาพเป็นอย่างไรอยากรู้จัง หลังจากนั้นคำพูดที่เป็นความรู้สึกจริงๆ และตรงๆ ก็พรั่งพรูออกมา แต่ไม่สามารถบรรยายได้ในที่นี้หรอกครับ บอกได้แต่เพียงว่า พวกหยิบมือเดียว มีความรู้สึกไม่ดีต่อผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานกำกับดูแลอย่างมากทีเดียว และความรู้สึกที่ไม่ดีนั้นอีกนานครับกว่าจะหายไป
เท่านั้นยังไม่พอ พวกหยิบมือเดียว ยังฝากถามมาว่า มาตรการ 30% ที่คุยนักคุยหนาว่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงได้ ปัจจุบันนี้ค่าเงินบาท อ่อนโป๊ก อยู่ที่ 35 บาท แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนไปมากกว่านี้เลย ช่วยหันมาพูดความจริงกันดีกว่าครับ ท่านผู้มีอำนาจวาสนา ในการกำกับดูแลตลาดเงิน ตลาดทุนไทย ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ รู้ก็รู้กันอยู่ว่าคนไทยด้วยกันหากพูดความจริงกันแล้วทุกคนพร้อมใจให้อภัยเสมอ และพร้อมช่วยกันแก้ไข ตลาดเงินตลาดทุนด้วยกัน คงจะไม่ลืมตอนวิกฤติการณ์ ต้มยำกุ้ง ตลาดหุ้นไทยช่วยพา เศรษฐกิจประเทศฟื้นคืนมาได้ และบุคคลประเภท พวกหยิบมือเดียว นี่แหละมีส่วนสำคัญในการผลักดัน และมีประโยชน์มากกว่าผู้ที่ได้ชื่อว่า ผู้บริหารระดับสูง ในหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงิน ตลาดทุนบางคนเสียอีก โปรดกรุณาหยุดฟังความคิดเห็นของ พวกหยิบมือเดียว กันบ้างเถอะครับเจ้านาย
ขนาดนักลงทุนระยะสั้น หรือนักเก็งกำไร รวมทั้งนักลงทุนบุคคลธรรมดา (ยกเว้นสถาบัน) ยังได้รับการมองจากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานกำกับดูแลแบบนี้แล้ว บรรดาน้องๆ มนุษย์ทองคำซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามากจะถูกมองอย่างไรเล่าครับ ใครรู้คำตอบช่วย บอกเอาบุญ หน่อยเถอะ
เก็งกำไรทางเทคนิค TKS แนวรับ 3.30 ? 3.36 แนวต้าน 3.56 ? 3.60
SECC แนวรับ 2.36 ? 2.58 แนวต้าน 2.86 ? 2.92
ซื้อลงทุน SAMTEL ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท, FORTH ราคาเป้าหมาย 11 บาท