May 18, 2024   4:23:11 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 6เซียนเผยทีเด็ดเจ้าของหุ้น ชอบชวนรายใหญ่ปั่นราคา
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 22/01/2007 @ 09:02:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

6 เซียนหุ้นรายใหญ่ยอมรับเคยได้รับการติดต่อจากเจ้าของหุ้นให้มาร่วมแรงดันราคาเผยรายใหญ่เจอทุกคนมีมาแล้วหลายรอบ แฉเจ้าของคิดกลยุทธเอง ไม่ใช่รายใหญ่เสนอตัวเตือนสตินักลงทุนรายย่อยตัดสินใจให้ดีถ้าจะเล่นหุ้นดังกล่าว ระบุปีนี้หุ้นแบงก์เด่นสุดมีสภาพคล่องดีเป็นกลุ่มไม่ได้รับผลกระทบจากทางการ รองลงมาเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาเซียนโซน รวมพลคนเซียนหุ้น 2007 แลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้เชิญนักลงทุนรายใหญ่จำนวน 6 รายมาเปิดประสบการณ์ในการเล่นหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยและผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังโดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

โดยขาใหญ่ที่ได้รับเชิญมาเปิดประสบการณ์การเล่นหุ้นในครั้งนี้ ประกอบด้วยนายวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์นายสมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ (เสี่ยแตงโม)นายศิริวัฒน์วรเวรวุฒิคุณ(เสี่ยแซนวิส) นายธนกฤต เลิศติผา หรือ เสี่ยไฮ้ส้มตำนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ เสี่ยปู่ และนายแพทย์ ยรรยง พันธ์วงศ์กล่อม หรือหมอยง

ทั้งนี้นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ เสี่ยยักษ์ กล่าวภายในงานว่า การเล่นหุ้นในตลาหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ของนักลงทุนแต่ละคนมีวิธีการและเทคนิคที่แตกต่างกันไปซึ่งบางครั้งก็อาจจะมีบ้างที่นักลงทุนรายใหญ่ได้เข้าไปติดต่อกับทางเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นนั้นๆ หรือทางเจ้าของบริษัทได้ติดต่อมาโดยตรงเพื่อขอให้เข้ามาเล่นหุ้นเพื่อดันราคาหรือขอความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรทั้ง 2 ฝ่ายคือนักลงทุนรายใหญ่และเจ้าของหุ้นก็รับรู้กันอยู่แล้ว

ขณะที่นักลงทุนรายย่อยไม่มีโอกาสได้รับรู้หรือตามไม่ทันก็มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่สนใจจะเข้ามาเล่นหุ้นหรือเล่นอยู่แล้วควรจะใช้ความระมัดระวังและพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อนจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพราะอาจจะหมดตัวได้ง่ายๆ
การเล่นหุ้นของแต่ละคนมีเทคนิคและวิธีการที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ใครจะใช้เทคนิคอย่างใดแต่บางครั้งการใช้เทคนิคหรือวิธีการก็อาจจะไม่ได้ช่วยเสมอไป เพราะยอมรับว่ามีบ้างที่นักลงทุนรายใหญ่และเจ้าของบริษัทรับรู้กัน ติดต่อกัน เพื่อขอให้ช่วยเข้าไปดันราคาหุ้นให้สูงขึ้น หรืออาจจะมีการสร้างสตอรี่ขึ้นมาก่อนเพื่อดันราคาหุ้นแล้วให้รายใหญ่เข้าไปซื้อทำให้หุ้นบริษัทดูน่าสนใจขึ้นมาซึ่งตรงนี้นักลงทุนรายย่อยควรจะระมันระวังให้มากก่อนตัดสินใจเล่นหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนายวิชัย กล่าว

ทั้งนี้ การเล่นหุ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกหุ้นที่พื้นฐานต้องศึกษาให้รู้ไปเลยตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อจะได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ้นนั้นๆ ตลอดเวลาว่ามีสาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนแปลงเพราะอะไรหุ้นขึ้น-ลงเพราะเหตุใดมีการเปลี่ยนชื่อเพราะอะไรและมุมมองในการดูหุ้นต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลของห้นได้ตลอดเวลาโดยการดูกราฟ(tachnical)หลายๆ ตัว และต้องกล้าซื้อหุ้นก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้นโดยพยายามเกาะกลุ่มสร้างเครือข่ายนักเล่นหุ้นด้วยกันเพื่อใช้ความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจกับข้อมูลที่ได้ศึกษามา

นายวิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันเล่นหุ้นอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ส่วนการลงทุนในพอร์ตมีมูลค่าสูงมากซึ่งคิดว่าหลังจากนี้ไปยืนยันว่าจะเลิกเล่นแล้ว
ผมจะเลิกแล้ว คนที่เลิกเล่นหุ้นมี 2 ประเภท คือถ้าไม่ตายก็หมดตัว ส่วนผมเหลือชำระแค้นอีกตัวเดียวจากนั้นก็จะขึ้นฝั่งแล้ว

สำหรับหลักเกณฑ์ในการเล่นหุ้นโดยส่วนตัว อันดับแรกต้องมีหุ้นในดวงใจก่อนไม่เล่นหุ้นปั่นตามกระแส เพราะปัญหาของคนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ตั้งใจจะรวยเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ต้องใจเย็นๆ สังเกตดูเมื่อราคาปิดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E)สูงขึ้น ก็ควรซื้อเพิ่มอีกแต่เมื่อใดที่หุ้นขึ้นแต่ปริมาณการซื้อ-ขายน้อยอาจถูกรายใหญ่ปั่นหุ้นให้แกว่งตัวได้

ทั้งนี้ต้องตรวจดูที่ปริมาณการซื้อขายเป็นหลักส่วนหลักการขายหุ้นนั้นไม่ต้องรีบร้อนหากหุ้นมีการปรับตัวลดลงให้อดทนไว้เชื่อว่าจากนั้นจะปรับตัวขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามสำหรับสภาวะตลาดหุ้นไทยในปีนี้ เชื่อว่ายังอยู่ในช่วงที่มีอุปสรรคและปัญหาอยู่การลงทุนอาจจะมีความเสี่ยงแต่เชื่อว่าถ้ามีการศึกษาข้อมูลที่ดีดูจังหวะที่เหมาะสมก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มีหุ้นในดวงใจโอกาสพลาดในการเล่นหุ้นก็มีสูงเช่นกัน

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหลักในการเล่นหุ้นของตนต้องเข้าไปเจรจาพูดคุยกันเจ้าของบริษัทหุ้นนั้นๆ ก่อนซื้อเพื่อจับมือกับผู้บริหารปั่นหุ้นนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะจะทำเช่นนั้นทำไม ข่าวที่ออกมามันเป็นข่าวหลอกเท่านั้น

ด้านนายแพทย์ ยรรยง พันธ์วงศ์กล่อม หรือหมอยงกล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจในปีนี้มองว่าอยู่ในกลุ่มธนาคารเป็นหลัก เพราะเป็นหุ้นทื่มีปัจจัยพื้นฐานดี และแต่ละบริษัทก็มีอัตราการเติบโตที่แน่นอนและสูงมากรวมทั้งมีสภาพคล่องที่ดี อีกทั้งมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อเพราะต้องการเล่นค่าเงินซึ่งหาราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5% น่าจะขายได้แล้วส่วนผู้ที่ยังมีมีหุ้นในกลุ่มดังกล่าวแนะนำว่ายังไม่ควรซื้อ เพราะอาจจะมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐที่อาจจะมีมาตรการอื่นๆ ออกมาอีกก็ได้

สำหรับพอร์ตส่วนตัวนั้นปัจจุบันมีหุ้นอยู่แค่ 1-2 ตัวคิดเป็นมูลค่าไม่มากนัก เพราะยึดหลักการที่ว่าเล่นหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยให้ผลตอบแทนสูง โดยจะพิจารณาดูจากอัตราการเติบโตด้านกำไรของบริษัทแผนการลงทุนว่าจะมีโครงการใหม่ๆ มีการขยายงานขยายสาขาออกไปได้อีกหรือไม่นอกจากนี้การเล่นหุ้นนักลงทุนจำเป็นจะต้องสร้างกลุ่มหรือเครือข่ายของตัวเองขึ้นมาต้องมีการปรึกษาหารือกันอย่างเป็นทีม เช่นเดียวกับกรณีของตน

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ตนได้เข้าคุยกับทางผู้บริหารของแต่ละบริษัทเพื่อให้ช่วยดันราคาหุ้นนั่น ยืนยันว่าโดยส่วนตัวแล้วไม่มีการกระทำดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะตนไม่ได้เล่นหุ้นทุกวันแต่จะเลือกในช่วงที่เหมาะสมตามวงจรของราคาหุ้นนั้นๆ แต่ก็ยอมรับว่าในวงการนี้ก็มีบ้างที่ผู้บริหารได้เรียกนักลงทุนรายใหญ่เข้าไปพูดคุย เพื่อให้ช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่ง
นพ.ยรรยง กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯในปีนี้ เชื่อว่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน โดยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 620-720 จุด ซึ่งโอกาสยังพอมีแต่คงต้องใช้เวลา

นายสมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ หรือ เสี่ยแตงโม กล่าวว่า หลักการเล่นหุ้นโดยส่วนตัวจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีประมาณ 90% โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน อาทิบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT รวมถึงบริษัทในเครือของ PTT เกือบทั้งหมดรองลงมาเป็นหุ้นในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์กลุ่มปิโตรเคมีและธนาคาร เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีผลตอบแทนที่ดีและมีกำไรอย่างต่อเนื่องไม่ก้าวกระโดด ส่วนที่เหลืออีก 10% จะลงทุนในหุ้นเก็งกำไร

โดยจะดูปัจจัยพื้นฐานก่อนเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวนั้น อาทิดูว่ามีกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งจะไม่ใช้หลักการว่าราคาหุ้นยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและ P/E แล้วจึงเข้าไปลงทุน เพราะหากบริษัทนั้นมีพื้นฐานที่ดีจริง เหตุใดราคาหุ้นจึงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมูลค่าทางบัญชีและ P/E

อย่างไรก็ดี ตนจะไม่เข้าไปเล่นหุ้นเก็งกำไร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงขณะเดียวกันก็ไม่นิยมซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement)และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์(Margin Trading)

ผมจะซื้อหุ้นครั้งละ 4 บริษัท ซึ่งจะมีทั้งหุ้นพื้นฐานและเก็งกำไรผสมกันโดยจะลงทุนประมาณ 25% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงในอดีตเคยซื้อหุ้นสูงสุดต่อครั้งประมาณ 200 ล้านบาท ต่ำสุดประมาณ 2-3 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์บีฟิท จำกัด (มหาชน) เป็นหลัก โดยเปิดพอร์ตการลงทุนไว้มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาทจากเดิมที่ซื้อขายอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด สาเหตุที่ย้ายมาเปิดพอร์ตกับบล.บีฟิทเพราะได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวประมาณ 5%นายสมเกียรติ กล่าว

ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของตนเป็นศูนย์ เนื่องจากได้ทยอยขายออกก่อนเกิดรัฐประหารเนื่องจากเห็นแล้วว่าสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มไม่นิ่ง และอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้จำเป็นต้องรีบล้างพอร์ตก่อนเจ็บตัวส่วนตัวมองว่าหากได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐให้ความสำคัญกับตลาดทุนเหมือนชุดก่อนๆก็จะเริ่มกลับมาลงทุนเหมือนเดิมโดยจะมองหุ้นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์เป็นหลัก เพราะในอดีตเมื่อตลาดหุ้นเริ่มดีหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะได้รับความนิยมก่อนกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ดีในอดีตผมชอบเล่นหุ้น IPO เพราะไม่มีเจ้าของและแรงขายไม่มากแต่ปัจจุบันไม่ได้เล่นแล้ว

ส่วนตัวขอยืนยันว่าการที่หุ้นปั่นหลายๆตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยไร้ปัจจัยพื้นฐานนั้นผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดและไม่เคยเข้าไปร่วมมือกับเจ้าของบริษัทเพื่อปั่นราคา เนื่องจากนโยบายหลักของผมคือเล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานถึงแม้ว่าหุ้นปั่นจะได้กำไรง่าย แต่รายย่อยที่ไม่รู้เรื่องด้วยจะเจ็บตัวซึ่งก็เคยเป็นรายย่อยที่ติดยอดดอยมาแล้ว อย่างไรก็ดีในอดีตเคยแบ่งสัดส่วนการลงทุนหุ้นเก็งกำไรไว้มากถึง 70-80% เพราะเห็นว่าได้กำไรดีแต่เมื่อทำไปสักระยะก็พบกับคำว่าขาดทุน


.00020



[/color:e2e2cdf586">

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 22/01/2007 @ 09:05:37 : re: 6เซียนเผยทีเด็ดเจ้าของหุ้น ชอบชวนรายใหญ่ปั่นราคา
ด้านนายศิริวัฒน์ วรเวรวุฒิคุณ หรือ เสี่ยแซนวิส เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ซื้อ-ขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)เป็นหลักเพราะเห็นว่ามูลค่าทางบัญชียังสูงถึง 48บาทแต่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับเพียง 27-28 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ดีมองว่าดัชนีตลาดหุ้นในปี 2550 จะอยู่ในระดับ 500 จุด โดยกลุ่มหลักทรัพย์ พลังงานและปิโตรเคมียังเป็นดาวเด่น

นายธนกฤต เลิศติผา หรือเสี่ยส้มตำระบุว่า หากเห็นว่าหุ้นตัวใดมีแนวโน้มสดใสราคาจะเริ่มขยับขึ้นจะลงทุนซื้อหุ้นตัวนั้นประมาณ 70% ของพอร์ตลงทุนเพราะผมเป็นนักเล่นหุ้นสำหรับเก็งกำไรเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะถือหุ้นไม่นาน หากหุ้นตัวใดยังมีแนวโน้มสดใสอาจจะถือประมาณ 4-5 เดือน แต่หากเป็นหุ้นรายเล็กหรือรายใหม่จะซื้อมาแล้วขายไปมากกว่าส่วนใหญ่จะถือเพียง 1 วันหรือไม่ก็ซื้อตอนเช้าแล้วเย็นเทขาย เนื่องจากหุ้นรายเล็กยังใหม่และยังไม่มีความแน่นอนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นแนะว่า ซื้อได้แต่อย่าถือนาน หากมีแนวโน้มไม่ดีให้รีบขายทันที

อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเล่นหุ้นปันผล เพราะชอบเล่นหุ้นสั้น แต่หุ้นปันผลต้องใช้เวลานานจึงจะได้กำไร สำหรับหลักการเล่นหุ้นจะอาศัยการดูกราฟทุกวัน โดยเฉพาะกราฟหุ้นวันศุกร์หรือกราฟสุดสัปดาห์ส่วนเทคนิคคอลก็ใช้บ้างเพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากการที่เราจะซื้อหุ้นแต่ละตัวจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อที่จะศึกษาความแน่นอนของหุ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้หุ้นก่อสร้างและกลุ่มธนาคารก็ยังเป็นที่สนใจอยู่และไปได้เรื่อยๆ รวมทั้งแนวโน้มยังไปได้ดี

ดังนั้นสำหรับผู้ที่เล่นหุ้นอยู่ในขณะนี้ เบื้องต้นอยากให้เล่นหุ้นพื้นฐานมากกว่า เนื่องจากความเสี่ยงน้อยเพราะหุ้นดังกล่าวจะเป็นที่รู้กันว่าปัจจัยด้านพื้นฐานดีและค่อนข้างมั่นคง
ส่วนการแก้พอร์ตขาดทุนคือ หากหุ้นที่ซื้อลงประมาณ 20% จะรีบขายทันที โดยที่จะไม่ถือหุ้นตัวดังกล่าวแล้วหวังว่าหุ้นจะขึ้นตรงข้ามหากยังดึงดันถือไว้อาจขาดทุนมากกว่า 20%ก็ได้นายธนกฤตกล่าว

สำหรับดัชนีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในปี 2550 คาดว่าจะอยู่ประมาณ600-700 จุดเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนด้านการเมืองและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในประเทศขณะนี้ และสถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)จะต้องรอดูอี3 เดือน หากไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายแนวโน้มน่าจะดีขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ใกล้ช่วงปันผล

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2551 คาดว่าจะดีขึ้นมากกว่านี้หลังจากที่มีรัฐบาลที่เกิดจากการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น โดยส่วนตัวเห็นว่ากลุ่มหุ้นวัสดุก่อสร้างจะเติบโตได้ดี ดังนั้นในปี 2551 กลุ่มหุ้นวัสดุก่อสร้างน่าจะถูกจับตามองมากที่สุด เนื่องจากมีพื้นฐานหุ้นดี อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคารก็ยังเป็นที่สนใจอยู่

สำหรับมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรจากต่างชาติของธปท.นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวมีกระแสข่าวออกมาล่วงหน้าบ้างแล้วช่วงนั้นจะไม่มีหุ้นในพอร์ตรวมทั้งเหตุการณ์การปฏิรูปการปกครองซึ่งช่วงนั้นจะมีหุ้นติดอยู่ในพอร์ตเพียง 5% เท่านั้น

ด้านนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ เสี่ยปู่ กล่าวว่า ในปีนี้ได้เตรียมการลงทุนที่ประเทศเวียดนาม เนื่องจากตลาดเวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาแนวทางที่จะเข้าไปลงทุนโดยมองการลง ทุนผ่านกองทุนบุคคล ING ที่สามารถลงทุนในต่างประเทศได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2-3 ปี ที่จะ สามารถเข้าไปลงทุนได้

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้มีพอร์ตประมาณ 20 กว่าตัวส่วนมูลค่าการลงทุนในพอร์ตอยู่ในหลัก 1,000 ล้านบาทซึ่งส่วนมากมาจากกำไรจากส่วนต่างมากกว่าเงินปันผล โดยมีหลักการเล่นหุ้นนอกจากมองหุ้นที่มีความสนใจเป็นพิเศษแล้วสไตล์การเล่นจะมุ่งเฉพาะหุ้นระยะยาวที่มีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 80% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นหุ้นเก็งกำไรทั้งนี้ยอมรับว่ามุมมองการเล่นหุ้นของตนแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่เชื่อว่าหุ้นดีจะลงเวลาเกิดวิกฤติ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในปีนี้มองว่า SET Index จะมีการรีบาวด์ขึ้นมา ซึ่งควรเลือกการลงทุนในหุ้นพื้นฐาน เช่น กลุ่มอาหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของบางบริษัทที่ถือว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจลงทุนในระยะยาวมาก เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของผลกำไรดี

ปกติไม่ได้ดูทีกลุ่มหุ้นหรือราคาหุ้นมากนัก แต่ที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาวน่าจะเป็นกลุ่มอาหารและอสังหาริมทรัพย์บางบริษัทที่มีผลกำไรเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุก ปีทำให้มีความเชื่อมั่นในการลงทุนแม้วิกฤติจะทำให้กำไรลดลงบ้างแต่หลังวิกฤติผ่านไปแนวโน้มกำไรก็เพิ่มขึ้นอีกซึ่งบางตัวกำไรโตกว่า 30% ต่อปี ขณะที่ราคาหุ้นไม่ขึ้นเลยสะท้อนมูลค่าของหุ้นที่แท้จริง


จะลงทุนอะไรก็ดูดีๆก่อนนะครับ

.00020 [/color:27c4ef920f">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com