May 4, 2024   5:04:55 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เรื่องที่ต้องตามอย่างใกล้ชิด
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 17/01/2007 @ 13:55:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เรื่องแรก คือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX9000 รวมทั้งงานก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสายไฟฟ้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตโครงการจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้นของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า มติ ครม.เรื่องนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 7 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 นายเนวิน ชิดชอม รมช. เกษตรฯ และนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กลุ่มที่ 2 คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. คณะที่ 2
ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กลุ่มที่ 3 คณะรัฐมนตรีที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มที่ 4 คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน กลุ่มที่ 5 คณะกรรมการบริหารโครงการฯ (กำหนด TOR) กลุ่มที่ 6 คณะกรรมการดำเนินการประกวดราคา และกลุ่มที่ 7 ผู้เสนอราคารวม 3 บริษัท คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ และบริษัทที่ร่วมสมยอมราคา คือ บริษัท รีสอร์ทแลนด์ และบริษัท เอกเจริญการเกษตร

เรื่องที่ 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร หรือไอซีที คนปัจจุบัน เดินทางไปเข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเสียแก่รัฐ (คตส.) เพื่อหารือการดำเนินการเอาผิดโครงการที่ก่อให้เกิดผลเสียแก่รัฐ ในส่วนของกระทรวงไอซีที ที่กำกับดูแล และเป็นโครงการที่สร้างความเสียหายให้รัฐกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่สูงเกินกว่าที่จะพิจารณาความผิดเองได้ภายในกระทรวง แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นโครงการใด ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ จะเปิดเผยให้ทราบได้

ทั้งเรื่องที่หนึ่งกับเรื่องที่สอง ก็เป็นความพยายามที่รัฐบาลปัจจุบัน กำลังหาความผิดที่เกิดในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว และต้องการจัดการขั้นเด็ดขาด เพื่อจะได้ไม่มีคลื่นใต้น้ำอีก ซึ่งเรื่องราวกำลังเข็มข้นขึ้นทุกขณะ ผมคาดว่าภายในเดือนมีนาคม เรื่องต่างๆ จะรู้ผล และเข้าสู่จุดสูงสุดของเรื่องนี้ เพราะผมเห็นตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังเคลื่อนที่เต็มกำลัง ช่วงนี้คนที่เล่นหุ้นถือเงินสดไว้มากหน่อยก็ดีนะครับ

เรื่องที่ 3 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านซีเอ็นเอ็น ว่า จะขอวางมือทางการเมือง และกลับมาใช้ชีวิตพลเมืองตามเดิม และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดในกรุงเทพ
เรื่องนี้ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมว่าทำไมสองฝ่ายไปยืนเถียงกันทำไมข้างนอก เข้ามาคุยกันเสียให้เรียบร้อย ใครผิดใครถูกให้ศาล ท่านเป็นผู้ตัดสินจะดีกว่า อย่าเอาประเทศไปเล่นกับพวกท่านด้วยเลย ในฐานะที่เมื่อวานเป็นวันครู สมัยผมเด็กๆ ถ้าใครมีเรื่องทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น ครูผมเขาจะจับให้ใส่นวมต่อยกัน ให้เป็นลมกันไปข้างหนึ่ง ถ้าอดีตนายกเข้ามาในประเทศไทยได้ หุ้นก็จะตกลงมาอีกหน่อยหนึ่ง แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง จบลงได้ ไม่ว่าจะแบบใดก็ตาม ตลาดหุ้นก็จะดีใจและกลับเข้าสู่ภาวะปรกติเอง

เรื่องที่ 4 นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานแถลงข่าว การบริหารเศรษฐกิจมหภาคภายใต้ความผันผวนของการไหลเวียนของเงินทุนระหว่างประเทศ ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2550 ว่า สถาบันได้มีการประมาณการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2550 มีอัตราการขยายตัวที่ระดับ 4.9% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 2.8% การส่งออกขยายตัวที่ 9.9% และการนำเข้าขยายตัวที่ 10.0% แต่ยังมีการเกินดุลการค้า 24,500 ล้านบาท เกินดุลบัญชีเดินสะพัด 58,530 ล้านบาท
ซึ่งในปี 2550 คาดว่าเงินงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ จะออกสู่ระบบได้เร็วขึ้นนอกจากนี้เชื่อว่าในปีหน้าราคาน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเชื่อว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ อย่างรุนแรง ประกอบกับการส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ประมาณ 12.5% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งพระราชบัญญัติงบประมาณฯ 2550 จะเป็นตัวผลักดันทำให้การใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มดีขึ้นกว่าในปีนี้

?แรงผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องของการมี พ.ร.บ.งบประมาณออกมา ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นช่วยให้สภาพคล่องสูงขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงในปีหน้านั้นน่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงในภาวะการเงินของโลก ค่าเงินที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่งในอนาคตควรจะต้องมีความร่วมมือกันระหว่างประเทศเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนให้มากกว่านี้? นายฉลองภพ กล่าว
นายฉลองภพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจปี 2549 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากต้องเผชิญกับปัจจัยจากปัญหาทางการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของภาครัฐชะลอตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว และแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ทำให้แรงกระตุ้นจากการส่งออกและการท่องเที่ยวน้อยลง
รวมถึงปัจจัยบวกด้านอื่นลดน้อยลง รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อ การบริโภค และการลงทุน จึงคาดว่า เศรษฐกิจปี 2549 จะขยายตัวร้อยละ 4.7 เงินเฟ้อร้อยละ 4.6 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 10.7 นำเข้าร้อยละ 2 เกินดุลการค้า 26,814 ล้านบาท ดุลบัญชีเงินสะพัดเกินดุล 53,400 ล้านบาท โดยรายได้จากภาคต่างประเทศยังเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
?ในปีนี้รายได้จากภาคต่างประเทศยังเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยภาคการส่งออกก็ยังขยายตัวได้ดีในสินค้าหลายๆ ชนิดและในตลาดต่างๆ ขณะที่ราคาน้ำมันส่งแรงกดดันต่อการนำเข้าและดุลการค้าในช่วงครึ่งแรกของปี โดยในครึ่งหลังของปีก็ได้ส่งแรงกดดันลดลงมา ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งได้รับผลกระทบจากสึนามิ? นายฉลองภพ กล่าว

ผมยกมาทั้งบทมาจากหนังสือพิมพ์ จะได้ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ จึงมิอาจเพิ่มเติมความเห็น แต่จากการที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้นมานาน ยังมองไม่เห็นเลยว่า ตัวเลขที่ TDRI บอกมา จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านหลอกให้เราฝันหวานอีกหรือเปล่าเนี่ย


.00020

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com