May 4, 2024   7:06:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 17/01/2007 @ 08:58:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เคจีไอแนะนำขาย AMATAราคาเป้าหมาย 9.8 บาทAMATA ปิดยอดขายในปี 2549 ที่ 550 ไร่ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทฯ ซึ่งคาดไว้ที่ 750ไร่ และประมาณการของเราที่ 600 ไร่ ในไตรมาส 4/49 ขายได้ 152 ไร่ เป็นยอดจากอมตะนคร 92 ไร่ และ 60 ไร่จากอมตะซิตี้ ยอดขายที่ต่ำกว่าประมาณการในปี 2549 นี้เป็นผลมาจากความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและกฎสำรองเงินทุน ซึ่งทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศหลีกเลี่ยงจากประเทศไทย AMATA เคยตั้งเป้าการขายสำหรับที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมไว้ 1,500 ไร่ในปีนี้ อย่างไรก็ดีหลังจากที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยออกกฎกันสำรองเงินทุน 30% ในเดือน ธ.ค. 2549 และเหตุการณ์ระเบิดช่วงปีใหม่ ลูกค้าต่างประเทศของ AMATA ตัดสินใจเลื่อนการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FirstSolar ซึ่งมีความประสงค์จะซื้อที่ดินฯ 200 ไร่ได้ตัดสินใจลงทุนในมาเลเซียแทน เพราะเหตุนี้ AMATA จึงปรับลดเป้าหมายการขายที่ดินในปีนี้เหลือเพียง 600-800 ไร่ปัจจุบันAmata City Bien Hoa (เวียดนาม) มีที่ดินพร้อมขายอยู่ 160 เฮคต้าร์ (hectares)หากบริษัทฯ ขายที่ได้ประมาณ 50 เฮคต้าร์ต่อปี บริษัทฯ จะสามารถขายที่ดินในเวียดนามได้ถึงปี 2552 เท่านั้น แม้ว่า AMATA มีแผนจะซื้อที่ดินใน Bien Hoa เพิ่มอีก 350เฮกต้าร์ในปีนี้ เราคาดว่าการซื้อที่ดินดังกล่าวจะไม่ง่ายนัก เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นของกองทัพเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินอีก 2,000 เฮคต้าร์ในจังหวัด DongNai และที่ผืนนี้ก็เป็นของรัฐบาลเวียดนาม ดังนั้นแผนการดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้ยากอย่างไรก็ดี AMATA บรรลุเป้าหมายการขายที่ดินในปี 2549 ที่ 50 เฮคต้าร์ในเวียดนามและตั้งเป้าจะขายอีก 60 เฮคต้าร์ในปี 2550

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ PTTEPราคาเป้าหมาย 131.00 บาทฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Norm Profit) งวด 4Q49 เท่ากับ 6.7พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1%qoq เนื่องจากได้ปริมาณขายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (เดิม 1.68 แสนบาร์เรลฯ ในงวด3Q49) และค่าใช้จ่ายในการผลิตและสำรวจที่คาดว่าจะลดลงประมาณ 55%qoq เพราะไม่มีการตัดจำหน่ายหลุมแห้งจำนวนมากเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในงวดที่ผ่านมาเข้ามาช่วยพยุงเพราะคาดว่าราคาขายเฉลี่ยปิโตรเลียมในงวดนี้จะลดลง 5.1%qoq มาอยู่ที่ 36.28เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลฯ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอย่างมากโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลง 13.5%qoq มาเฉลี่ยอยู่ที่ 57.2 เหรียญฯในงวด 4Q49อย่างไรก็ตามหากพิจารณากำไรสุทธิจะพบว่าปรับตัวสูงขึ้น 4%qoq เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 119%qoq จากการมีหนี้สินเป็นเงินเหรียญฯประมาณ253 ล้านเหรียญฯ เพราะค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นถึง 1.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐฝ่ายวิจัยมีแผนที่จะทบทวนประมาณการผลการดำเนินงานและมูลค่าพื้นฐานใหม่เพื่อสะท้อน 1)ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจนมาอยู่ที่ 50เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (อ้างอิงดูไบ) ในปัจจุบัน ขณะที่ในประมาณการฝ่ายวิจัยกำหนดให้เท่ากับ 55 เหรียญฯ สำหรับในปี 2550 2) แผนงบประมาณลงทุน (CAPEX) ใหม่ที่ทางPTTEP อยู่ระหว่างการทบทวน และ 3) แผนปริมาณการผลิตในแต่ละแหล่งใหม่ โดยฝ่ายวิจัยจะนำเสนอประมาณการใหม่หลังจากที่ทางบริษัทเปิดเผยข้อมูล อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดว่าถึงแม้จะมีการปรับลดประมาณการใหม่ ราคาตลาดในปัจจุบัน

บล.กิมเอ็งแนะนำ เป็นบวก/เป็นบวกราคาเป้าหมาย -ผลประกอบการกำไรสุทธิในปี 2549 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (ที่เราทำการศึกษา 7 ธนาคาร) คาดว่าจะปรับตัวลดลง 25.3% เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ 8.6 หมื่นล้านบาทในปี 2548 สาเหตุหลัก คาดว่าเนื่องจาก การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเงินสำรองหนี้ฯ ที่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมากตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้ธนาคารพาณิชย์มีการบังคับใช้มาตราฐานบัญชี IAS 39 สำหรับในส่วน NPls ที่จะต้องตั้งสำรอง 100% โดยจะเริ่มในไตรมาส 4/49 เป็นต้นไป ทำให้เราคาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/49 ของกลุ่มธนาคารจะออกมาแย่ที่สุด โดยจะมีการบันทึกกำไรสุทธิเพียง 1.1พันล้านบาท ลดลงมาก เมื่อเทียบกับ 2.0 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/49 และเทียบกับ 1.6หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/48 อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นรายได้หลักในปี 2549 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 13.6% yoy แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะทรงตัวในไตรมาส 4/49 รวมถึงกำไรก่อนการตั้งสำรอง (Pre-provisioning profit)ก็ยังเติบโตได้ดี 10.5% yoy เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสามารถในการทำธุรกิจของกลุ่มธนาคารที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับธนาคารที่คาดว่าจะมีผลประกอบการโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 4/49 ได้แก่ BBL และ KBANK ขณะที่ TMB, KTB และ BAYจะมีผลประกอบการลดลงมากที่สุดจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นสูงมาก แม้ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารจะปรับตัวลดลงในช่วงปลายปีจากการเพิ่มขึ้นของเงินสำรองค่าเผื่อหนี้ฯ เราไม่ได้มีความกังวลสำหรับการลงทุนในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเงินสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกฏระเบียบที่เข้มงวดขึ้นจะช่วยส่งเสริมฐานะทางการเงินของกลุ่มธนาคารในระยะยาวขณะที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงมีผลการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงมีเป้าหมายธุรกิจในเชิงรุกต่อเนื่อง โดยเฉพาะยังเน้นการเติบโตของสินเชื่อในระดับสูง ทั้งนี้เราเชื่อว่าฐานะการเงินของธนาคารส่วนใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้เติบโตได้ในระยะยาว

บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ M-CHAIราคาเป้าหมาย 49.00 บาทกลุ่มโรงพยาบาลมหาชัย มีโรงพยาบาลในเครือทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่โรงพยาบาลมหาชัย 1,โรงพยาบาลมหาชัย 2 ตั้งอยู่ที่จ.สมุทรสาคร, โรงพยาบาลแม่กลอง ตั้งอยู่ที่จ.สมุทรสงครามและโรงพยาบาลเพชรรัชต์ ตั้งอยู่ที่จ.เพชรบุรี ปัจจุบันความสามารถในการให้บริการของกลุ่มรพ.มหาชัย มีห้องตรวจผู้ป่วยนอก(OPD) ทั้งสิ้นจำนวน 74 ห้อง รองรับผู้ป่วยนอกประมาณ 2,800 คนต่อวัน มีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยใน (IPD) ประมาณ 500 เตียง ขณะที่มีอัตราการใช้บริการห้องตรวจ และอัตราการใช้บริการเตียงเฉลี่ย 70% และ 55% ตามลำดับ กลุ่มรพ.มหาชัยมีลูกค้าหลักในระดับกลาง - ล่าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน มีสัดส่วนรายได้ลูกค้าเงินสด : ลูกค้าประกันสังคม ประมาณ 65 : 35 แนวโน้มปี 50 คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 11% Y-O-Y ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการเน้นทำตลาดกลุ่มลูกค้าเงินสด จากการเปิดให้บริการโรคเฉพาะทาง ประกอบกับในปี 50 บริษัทเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อแยกการให้บริการลูกค้าประกันสังคม ซึ่งจะช่วยบริหาร Gross margin ของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดีขึ้น ในปี 50 เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของบริษัท คาดว่าจะมีรายได้จากการบริการจำนวน 1,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% Y-O-Y ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการเน้นทำตลาดกลุ่มลูกค้าเงินสด จากการเปิดให้บริการโรคเฉพาะทางประกอบกับในปี 50บริษัทเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการ เพื่อแยกการให้บริการลูกค้าประกันสังคม ซึ่งจะช่วยบริหารGross margin ของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดีขึ้นส่งผลให้ในปี 50 คาดว่าบริษัทจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 27%และมีกำไรสุทธิประมาณ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% Y-O-Y มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ4.40 บาท






[/color:3594374d38">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com