May 4, 2024   11:14:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นขึ้นรอบนี้แค่ภาพลวงตา
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 16/01/2007 @ 08:58:08
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นลท.อย่าดีใจไป หุ้นขึ้นครั้งนี้แค่ภาพลวงตา เหตุไร้ปัจจัยบวกหนุน แต่ปรับตัวขึ้นเพราะแรงซื้อเพื่อทำ Cover Short วงการเชื่อ ช่วง 2 เดือนจากนี้มีทธิ์ที่ SET INDEX จะร่วง หลังเหตุการณ์ภายในประเทศยังไร้ความชัดเจน วงการแนะนลท.หันเล่นหุ้นเหาฉลาม ตัวเล็กเกาะกระแสหุ้นใหญ่ขึ้น ทั้ง BAY-W1,NNCL-W1, TKS-W1 ปลอดภัยสุด ด้านหุ้นร้อนดี๊ด๊า หลังตลท.เลื่อนใช้มาตรการลดวงเงินเทรดหุ้นเก็งกำไร เพราะไม่ต้องการซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุน

กลับมาสดใสอีกครั้งสำหรับตลาดหุ้นของไทย หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2549 หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศใช้มาตรการกันสำรอง 30% ทำเอาดัชนีตลาดหุ้นไทยรูดกว่า 100 จุด แถมได้ของขวัญปีใหม่เป็นเหตุการณ์ลอบวางระเบิดพื้นที่ในกรุงเทพมหานครถึง 8 จุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2549 ยิ่งซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างหนัก และยิ่งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 9 ม.ค. คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวฉบับแก้ไข จนกดดันดัชนีฯ ให้ไม่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้

แต่ช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา( 9 ม.ค.-15 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากปิดตลาด ณ 9 ม.ค.ที่ระดับ 616.75 จุด เปรียบเทียบกับปิดตลาด ณ 15 ม.ค.ที่ระดับ 656.31 จุด เพิ่มขึ้น 39.56 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +6.41% ทั้งที่ ไร้ปัจจัยบวกสนับสนุน สถานการณ์ภายในประเทศยังไม่คลี่คลาย ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างตั้งข้อสังเกตุว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นในครั้งนี้ มาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาซื้อหุ้นขนาดหุ้นขนาดใหญ่เพื่อทำ Cover Short ดังนั้น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นครั้งนี้มิใช่ของจริงแต่อย่างใด นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น โดยหุ้นที่ปลอดภัยคือ หุ้นขนาดเล็กที่เกาะกระแสหุ้นใหญ่ หรือที่รู้จักกันในนาม หุ้นเหาฉลาม ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะราคาถูกมี Upside Gain ประกอบกับนักลงทุนต่างประเทศเริ่มหันมาเล่นหุ้นขนาดกลางเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หุ้นในกลุ่มดังกล่าวจึงเหมาะสมที่จะเข้าซื้อในช่วงนี้

*** วงการแนะเล่นหุ้นเล็กเกาะกระแส

แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนีฯ ในช่วงนี้เป็นเพียงการปรับเพิ่มขึ้นระยะสั้น ซึ่งแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะเป็นการซื้อหุ้นบิ๊กแคป หรือหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการซื้อหุ้นเพื่อทำ Cover Short โดยไม่ได้เป็นการลงทุนระยะยาวแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจากนี้ไปสิ่งต้องติดตามก็คือแรงซื้อนี้จะอยู่อีกนานเพียงใด และจะผลักดันให้ดัชนีฯ ปรับขึ้นได้ต่ออีกหรือไม่และจะยืนระยะเวลาได้นานเพียงใดด้วย เพราะยอมรับว่าแม้ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่แรงซื้อเริ่มแผ่ว วอลุ่มการซื้อขายเริ่มเบาบาง จึงต้องติดตามการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติว่าจะเข้ามาต่อเนื่องหรือไม่

สำหรับกลยุทธ์ในช่วงนี้ นักลงทุนควรเล่นหุ้นตัวเล็กที่เกาะติดกระแสหุ้นตัวใหญ่ หรือหุ้นที่ลูกเช่น วอร์แรนต์ที่วิ่งตามหุ้นแม่ ซึ่งช่วงนี้จะเห็นว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นพวกวอร์แรนต์ค่อนข้างหนาแน่น ทั้ง BAY-W1, TKS-W1, NNCL-W1 เพราะหุ้นเหล่านี้ราคาถูก

ช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่มีปัจจัยบวกสนับสนุน จึงคาดว่า การปรับเพิ่มขึ้น เพราะแรงซื้อหุ้นเพื่อทำ Cover Short ของนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน เลือกเล่นหุ้นตัวเล็กที่เกาะกระแสหุ้นขนาดใหญ่ที่มีประเด็นขึ้น แหล่งข่าวกล่าว

วานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,549.73 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 4734.53 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,115.19 ล้านบาท[/color:4ba96c2edd">[/size:4ba96c2edd">

.00020

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 16/01/2007 @ 08:59:41 : re: หุ้นขึ้นรอบนี้แค่ภาพลวงตา
***เซียนหุ้นชี้รอบนี้ดัชนีฯขึ้นไม่นาน

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีมิโก้ กล่าวถึงการดัชนีตลาดฯที่ช่วงนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นการแค่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุน ในประเด็นเรื่องการที่คาดการว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุม ของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของแบงค์ชาติที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 ม.ค.50 นี้ ซึ่งมองไว้ 2 ประเด็น ถ้าธปท.ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจากนี้ไปตลาดอาจจะจบการรีบาวน์ที่ 660 จุด แต่ถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขึ้นจริง ดัชนีน่าจะขึ้นไปทดสอบได้ที่ระดับ 670 จุดได้เช่นกัน

สำหรับการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ในครั้งนี้มองว่า เป็นการเข้าซื้อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของตลาด เพื่อรอที่จะขายออกเท่านั้น เพราะตราบใดที่ยังคงใช้นโยบายกันสำรองเงินบาท 30% คาดว่าความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงไปไหนไม่ได้ไกล มองว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ไป จะเป็นลักษณะของการปรับตัวลดลง เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วยังไม่ออก และต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 2 เดือน อาจมีปัจจัยด้านการเมืองเข้าสร้างความกดดันต่อตลาดด้วย เนื่องจากช่วงนั้นจะมีการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งถ้าผลออกมา ไม่เป็นที่ยอมรับกับหลายๆฝ่าย ก็น่าจะเป็น
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกระทบต่อการซื้อขายในตลาดได้เช่นกัน

ส่วนกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พิจารณาเลื่อนการประกาศใช้มาตรการลดวงเงินในหุ้นที่เข้าข่ายการเก็งกำไรสูง รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวมออกไปก่อน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้น เก็งกำไรขนาดเล็กเท่านั้น มองว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดเท่าใดนัก นอกจากจะทำให้หุ้นเก็งกำไร มีแรงเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุน รอ อย่างเดียวเท่านั้น และยังคงแนะนำขายทำกำไรสำหรับหุ้นที่ถืออยู่ เมื่อดัชนีสามารถมาแตะที่ระดับ 670 จุด
ทั้งนี้ประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 660 จุด และแนวต้านที่ 670 จุด

ช่วงนี้ไม่เหมาะสำหรับการเข้าไปซื้อเพราะว่าราคาหุ้นหลายตัวมันได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้วไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่หากเข้าไปมันอาจจะไม่คุ้มค่าหรืออาจจะได้ไม่คุ้มเสียควรทยอยขายออกมาก่อนดีกว่าเพราะเชื่อว่ารอบนี้มันคงจะขึ้นไม่เกินวันพุธนี้ต่อจากนั้นคงจะร่วงลงอีกจนถึงเดือนมีนา เมษา นายสิทธิเดช กล่าว

ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าการปรับเพิ่มขึ้นของ SET Index รอบนี้จะปรับเพิ่มขึ้นนานแค่ไหน เนื่องจากเป็นเรื่องที่คาดเดาลำบากและไม่มีใครระบุได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่าบรรยากาศการลงทุนที่คึกคัก ในช่วงนี้เพราะเป็นการรีบาวน์ทางเทคนิคและไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ากระตุ้น

ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่ามันจะขึ้นจริงหรืออีกนานไหม และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ รอบนี้มันดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ดัชนีฯ มันจะปรับเพิ่มขึ้นหรือปรับลดลงแรงซื้อของฝรั่งก็เป็นตัวที่มีอิทธิพลเช่นกันก็ต้องรอดูแรงซื้อของฝรั่งด้วยและการปรับเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มต่างๆเช่นหากหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT ปรับเพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้ที่จะดึงให้หุ้นตัวเล็กในกลุ่มเดียวกันปรับเพิ่มขึ้นด้วย นายเจริญ กล่าว

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมา และขนส่ง เนื่องจากอาจได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้ง การโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐอีกด้วย โดยให้แนวรับไว้ที่ 645 จุด ให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 620 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 660 จุด ให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 672 จุด

อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถประเมินได้ว่าในขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนจากระยะยาวเป็นระยะสั้นหรือไม่ เนื่องจากต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบ

มันบอกไม่ได้หรอกว่าฝรั่งเข้าเปลี่ยนมาเล่นระยะสั้นหรือระยะยาว เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและข่าวบวกในช่วงนั้นๆ แต่มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะเล่นเก็งกำไรก็ต้องขึ้นอยู่กับพอใจของนักลงทุนนั้นๆ นายเจริญ กล่าว

.00020 [/color:0aaaa94a4c">[/size:0aaaa94a4c">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 16/01/2007 @ 09:01:00 : re: หุ้นขึ้นรอบนี้แค่ภาพลวงตา
***วงการหุ้นประสานเสียง นลท.ต่างชาติเปลี่ยนมาเล่นเก็งกำไรระยะสั้น เหตุไม่มั่นใจการเมืองไทย

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมากกว่าระยะยาว เนื่องจากยังคงกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง รวมทั้งนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ นอกจากนี้ประเมินว่าในช่วง 6 เดือนแรก SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนน่าจะอยู่ที่ 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็น SET Index ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 600 จุด หากปัจจัยทางการเมืองยังไม่นิ่ง เพราะจะเป็นแรงกดดันทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่น่าสนใจ

ด้านนายธีระ ภู่ตระกูล ประธานบริหาร บลจ.ฟินันซ่า เปิดเผยว่า ปัจจัยหลัก ที่ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คือ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีเสถียรภาพมากขึ้นจะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิม เพราะผลตอบแทนในตลาดหุ้นปี 2003-2006 เฉลี่ยในภูมิภาคอยู่ที่ 20% ต่อปี และตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 20% เช่นกัน แต่ปีนี้ผลตอบแทนปรับลดลงเพราะปัจจัยหลักปัจจัยเดียวที่กดดันคือการเมือง หากการเมืองนิ่งทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น แต่การลงทุนนักลงทุนควรกระจายความเสี่ยง โดยควรมีการลงทุนในต่างประเทศด้วย

ด้านนายสมชัย ก่อสวัสดิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสถาบันต่างประเทศ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า จากมาตรการของภาครัฐที่ออกมาและการเมือง ที่ยังไม่นิ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุน แต่ถ้าหากการเมืองเริ่มนิ่งและอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนจากการเลือกลงทุนในระยะยาวเป็นลงทุนระยะยาว เพราะสถานการณ์แวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อบรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งคาดเดาค่อนข้างยาก ในขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายค่ายประเมินว่า SET Index ในปีนี้จะอยู่ที่ 520-780 จุด

***ตลท.เลื่อนใช้มาตรการลดวงเงินหุ้นเก็งกำไร ทำหุ้นร้อนดี๊ด๊า

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์พร้อมเลื่อนการประกาศใช้มาตรการลดวงเงินในหุ้นที่เข้าข่ายการเก็งกำไรสูง รวมถึงมาตรการอื่นๆที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวมออกไปก่อน เนื่องจากไม่ต้องการซ้ำเติมภาวะการลงทุนในช่วงนี้ และหากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมกลับมาดีขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ก้นำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเก็งกำไรวานนี้ LIVE ปิดตลาดที่ระดับ 1.57 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าการซื้อขาย 207.06 ล้านบาท IEC ปิดตลาดที่ระดับ 1.11 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 121.79 ล้านบาท PICNI ปิดตลาดที่ระดับ 0.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท มูลค่าการซื้อขาย 25.79 ล้านบาท APRUE ปิดตลาดที่ระดับ 4.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าการซื้อขาย 479.31 ล้านบาท[/color:c20676f1b9">[/size:c20676f1b9">


.00020
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com