May 5, 2024   2:05:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 15/01/2007 @ 10:50:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP

SET Index วันศุกร์ที่ 12 ม.ค. ปิดที่ 645.71 จุด +8.08จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,912ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 3,812.75 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 1,478.71 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 2,334.05 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 648.48จุด +10.85 จุด และ Low ที่ดัชนี 641.91จุด +4.28 จุด รีบาวด็ทางเทคนิคต่างชาติพลิกกลับมาเป็นซื้อรวมถึงได้ทิศทางตลาดต่างประเทศหนุนทำให้ดัชนีเป็นบวกต่อเนื่อง มีแรงซื้อกลับเข้ามามากในหุ้นบิ๊กแคปตั้งแต่เช้าทำให้ตลาดมีมูลค่าการซื้อขายรวมครึ่งชั่วโมงแรกกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่นิยมเก็งกำไรกันก็ไม่น้อยหน้าเข้ามาวิ่งซื้อขายกันเต็มกระดานอย่างคึกคัก เทรดกันกระจายช่วงครึ่งชั่วโมงแรกดัน Index บวกไปกว่า 10 จุด(648 จุด) แล้วเริ่มอ่อนแรงและหยุดพักให้ Index แกว่งตัวกรอบแคบระหว่าง 641 - 644
จุด ยาวไปจนปิดการซื้อขายในช่วงบ่าย โดยหุ้นบิ๊กแคปเริ่มหยุดพักปล่อยให้หุ้นเล็ก ๆ
ทำงานแทนและตบท้ายด้วยแรงซื้อในหุ้นธนาคารก่อนปิดตลาดไป

BH ราคาเปิด - ปิดที่ 34.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 11.878 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการของ BH ยังสามารถเติบโตได้จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ทำรายได้หลักให้กับ BH อย่างไรก็ตามความเสี่ยงทางด้านความไม่สงบภายในประเทศได้ส่งผลกระทบต่อ BH บางส่วน แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น ขณะนี้ BH มีแผนงานที่จะขยาย capacity ของโรงพยาบาลเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกให้มากขึ้น โดยจะช่วยลดความแออัดของจำนวนคนไข้ที่มาใช้บริการได้เพิ่มขึ้น

ในส่วนการขยาย capacity ผู้ป่วยในนั้น คาดว่าจะมีการขยายในช่วง 2H50 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการที่ BH ไม่เร่งรีบในการขยายความสามารถในการรองรับผู้ป่วยในเนื่องจาก Occupancy Rate ของผู้ป่วยในอยู่ในอัตราเฉลี่ย 70 - 80% ต่อปี ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก K.KRAZIP มองว่าในระยะยาวคาดว่าผลการดำเนินงานของ BH จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีรายได้ที่เติบโตจากการขยายกิจการโรงพยาบาลในประเทศฟิลิปปินส์ และดูไบในอนาคต แนะนำ ซื้อลงทุน โดยมีแนวรับ 34.00 บาท แนวต้าน 37.00 บาท NNCL ราคาเปิด 3.90 บาท ราคาปิด 3.76 บาท มูลค่าการซื้อขาย 0.568 ล้านบาท แม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในปี49 ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการบริษัทพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรม แต่สำหรับ NNCL

กลับมียอดขายที่ดินที่เติบโตกว่า จากการเล็งกลุ่มเป้าหมายไปยังบริษัทขนาดเล็กถึงกลาง เปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แล้ว NNCL มียอดขายที่ดินเติบโตจากปี48 ที่ 100 ไร่ เป็น 250 ไร่ในปี49 ด้านรายได้รวมปี49 กว่า 37.6% ได้รับแรงผลักดันจากรายได้ค่าบริการ ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการน้ำดิบที่จังหวัดปทุมธานี ในขณะนี้โครงการน้ำดิบยังอยู่ในช่วงทดสอบ คาดว่าสามารถดำเนินการอย่างเต็มพิกัดได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2550 รายได้อีกส่วนที่จะส่งผลให้รายได้จากการบริการสูงขึ้นมาจากการเปิดโครงการที่พักอาศัย

ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 ชั้น ตั้งอยู่ในนิคมฯ จังหวัดปทุมธานี คาดว่ารายได้จากการบริการในปี 5จะเติบโตราว 16% K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 3.72 บาท แนวต้าน 4.10 บาท

MCOT ราคาเปิด 24 บาท ราคาปิด 22.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 129.11 ล้านบาท ตามที่ข่าวได้ออกมาแล้ว...ศาลปกครองไม่รับคำฟ้องถอน MCOT ออกจากตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ ราคาหุ้น MCOT ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่นักลงทุนยังมีความกังวลอยู่ ส่วนเรื่องการสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมกราคม 2550 สำหรับผู้อำนวยการคนใหม่ที่เข้ามาจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับแนวคิดหรือนโยบายของช่องเป็นหลักได้แก่ สังคมอุดมปัญญา การที่ ITV แพ้คดีในชั้นศาลปกครองสูงสุดจะส่งผลให้ ITV ต้องกลับไปออกอากาศรายการสาระและข่าวไม่น้อยกว่า 70%

และส่งผลให้ความเชื่อมั่นของเอเจนซี่ สำหรับการลงโฆษณาระยะยาวใน ITV ลดลง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับ MCOT สำหรับงบโฆษณาที่จะไหลเข้า MCOT มากขึ้น ประกอบกับอัตราค่าโฆษณาของ MCOT

ต่ำสุดถ้าเทียบกับผู้ประกอบการโทรทัศน์รายอื่น ผังรายการใหม่ในเดือนมกราคม 2550 ยังคงสะท้อนแนวคิดสังคมอุดมปัญญาเช่นเดิม ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 22.50 บาท แนวต้าน 25 บาท

BBL ราคาเปิด ? ปิด104 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,6669.42 ล้านบาท คาดว่าBBLใช้เงินสำรองส่วนเกินราว 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอสำหรับรองรับการตั้งสำรองหนี้สูญจากมาตรฐานบัญชีIAS39ได้ทั้งหมด ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ธนาคารย้ายบัญชีจากสำรองส่วนเกินที่มีอยู่มาใช้ได้ทั้งจำนวนในQ4/50 ซึ่งคาดว่าBBLจะทำเช่นนั้น เพราะจะเป็นสิ่งสะท้อนงบการเงินที่โปร่งใสและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

รวมถึงผลทางอ้อมจะทำให้ธนาคารสามารถตัดNPLที่สำรองได้ครบแล้วออกจากการคำนวณได้ คาดBBLจะแสดงกำไรสุทธิประจำQ4/49ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY ซึ่งเกิดจากกำไรพิเศษจากการขายหุ้นBHราว 1.8-2 พันล้านบาท และคาดอัตราการจ่ายภาษีจะลดลงซึ่งเป็นผลประโยชน์ทางภาษีที่เกิดจากรายการโอนสำรองส่วนเกิน และคาดผลประกอบการQ4/49 BBLจะออกมาสวนทางธนาคารอื่นในกลุ่ม ดังนั้น
K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ102 บาท แนวต้าน107 บาท
K.KRAZIP 15/01/2550

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com