May 4, 2024   5:32:52 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 15/01/2007 @ 09:33:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ MCOTราคาเป้าหมาย 30.60 บาทเพื่อสะท้อนมุมมองในเชิงบวกต่อผลประกอบการใน FY07E ที่ดีขึ้นจากผังรายการใหม่ที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก และอานิสงค์จากเม็ดเงินโฆษณาบางส่วนที่จะไหลออกจาก ITVแต่ยังคงสมมติฐานว่ารายได้จากโครงการภาครัฐลดลง 50%ส่งผลให้รายได้รวม FY07Eหลังปรับประมาณเท่ากับ 3,846 ลบ. เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 12.8% และมีให้มีกำไรสุทธิหลังปรับประมาณการเท่ากับ 1,237 ลบ. เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 21.8% แต่ยังคงลดลง 14.7% YoY เมื่อเทียบกับ FY06E แม้ว่า SSEC จะประมาณการกำ ไรสุทธิใน FY07E ลดลง 14.7% YoY แต่ในเชิงของสถานะทางการเงิน SSEC ยังคงมีความมั่นในต่อสถานะการเงินของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งสูงเห็นได้จาก D/E ที่ระดับเพียง 0.24 และสถานะเงินสดที่เป็น Net Cash นอกจากนี้ด้วย Free Cash Flow ที่เป็นบวกสูงเราคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลได้ที่อัตราเดิมคือไม่ต่ำกว่า80% ของกำไรสุทธิ โดยเราคาดว่าใน FY07E บริษัทจะจ่ายปันผลได้ที่อัตรา 1.44 บ./หุ้น คิดเป็น Dividend Yieldสูงถึง 7.1% หากมองในเชิงของการเติบโต BEC ยังคงเป็นหุ้นที่โดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มสื่อ แต่หากมองในเชิงของผลตอบแทนจากการลงทุน SSEC มองว่า MCOT เป็นหุ้นที่น่าสนในลงทุนมากที่สุดในกลุ่มสื่อ เนื่องจากมีราคาถูกและให้ผลตอบแทนสูงกว่า BEC และ ITVมาก โดย ณ ราคาปัจจุบัน MCOT มีการซื้อขายที่ PEเพียง 11.50 X เทียบกับ BEC ที่ 16.96 X และ ITV ที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิในปีหน้า หรือหากมองในเชิงของผลตอบแทนMCOT ให้ผลตอบแทนรวมเท่ากับ 54.8% เมื่อเทียบกับ BEC ที่ 27.3% และ ITV ที่มีDownside สูงถึง -26.4% กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการฯคนใหม่ยังคงดำเนินการต่อไปโดยวันนี้จะมีการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครทั้ง 5 คน ซึ่งในกรณีคุณสมบัติของผู้สมัครทั้ง5 ท่านผ่านเกณฑ์เบื้องต้น คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนม.ค. 50 นี้ แต่ในกรณีที่คุณสมบัติของผู้สมัครบางท่านไม่ผ่านเกณฑ์อาจจะต้องมีการขยายเวลารับสมัครเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าเกิน30 วัน โดยรายชื่อผู้สมัครขณะนี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผย

บล.เอเซีย พลัสแนะนำถือTCAPราคาเป้าหมาย 13.70 บาทฝ่ายวิจัยคาดว่า TCAP จะมีกำไรสุทธิงวด 4Q49 เท่ากับ 235 ล้านบาท ลดลง 51% qoqสาเหตุหลักมาจากการลดลงของกำไรจากเงินลงทุนและกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท เป็น 185ล้านบาท (TCAP มีนโยบายใช้วิธี Historical loss ในการคำนวณประมาณการกระแสเงินสดรับจากลูกหนี้และคำนวณการตั้งสำรองฯตามเกณฑ์ IAS 39 ซึ่งในอดีตมีอัตรา 1.4%ของสินเชื่อรวม โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะไม่ต้องตั้งสำรองฯเพิ่ม) อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดังกล่าวคาดว่า TCAP จะมีกำไรดำเนินงาน 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.9% qoq เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เติบโต 11.6% qoq จากสินเชื่อที่ขยายตัว 4%qoq (สินเชื่อปี 2549 ขยายตัว 25% yoy เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้) และ NIM ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 20 bp เป็น 2.56% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5% qoq เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ในงวด 4Q49 ลดลงฝ่ายวิจัยมีการปรับประมาณการปี 2549-50 ลง (ดังตารางด้านข้าง) พร้อมทั้งปรับลด Fairvalue เหลืออิง P/Adjusted BV 0.8 เท่า เพื่อสะท้อนภาวะตลาด และคาดการณ์ ROEปี 2550 ที่ลดลง ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่เหลือ 13.7 บาท จากเดิมที่ 17.42 บาท แม้ยังมี Upside 13% แต่เรายังคงแนะนำเพียง ถือ เพื่อรับเงินปันผลที่คาดหมาย Div yield4% สำหรับงวด 2H49 เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจของ TCAP คาดว่าจะยังไม่โดดเด่นในปี 2550 จากการแข่งขันในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ยังอยู่ในระดับสูงเพราะยังอยู่ในช่วงขยายสาขา

บล.โกลเบล็กแนะนำขาย NNCLราคาเป้าหมาย 2.02 บาทNNCL สามารถขายที่ดินใน q4/49 ประมาณ 76 ไร่เพิ่มขึ้นจากยอดขายที่ดินที่ลดลงใน q3/49 ที่ 30 ไร่ทำให้ผลประกอบการใน q4/49 กลับเพิ่มขึ้นโดยคาดรายได้ประมาณ 372 ล้านบาทและกำไรสุทธิประมาณ 118 ล้านบาท และเมื่อสรุปภาพรวมทั้งปี 49 NNCL จะมียอดขายที่ดินประมาณ 244 ไร่เพิ่มขึ้นจาก 118 ไร่ของปี 49 และมีรายได้ประมาณ 1,056ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%yoy อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำกำไรที่น่าจะลดลงจากรายได้จากการขายที่ดินที่โคราชมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำเราจึงคาดกำไรสุทธิของปี 49 ประมาณ 235 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4%yoy ผลกระทบจากเหตุวางระเบิดอาจส่งผลให้ยอดขายที่ดินชะลอตัว ปัจจุบัน NNCL มีโครงสร้างรายได้จากการขายที่ดิน 55% และอีก 45% มาจากการให้บริการดังนั้นการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถานการณ์ในประเทศจึงส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ดินโดยตรงซึ่งอาจจะทำให้รายได้จากการขายที่ดินของ NNCL ในปีนี้อาจจะชะลอตัวและส่งผลให้รายได้โดยรวมชะลอตัวด้วย เบื้องต้นเราคาดว่า NNCL จะมียอดขายที่ดินในปีนี้ประมาณ 230 ไร่ ลดลงจากปี 49 ที่ 244 ไร่ คาดผลประกอบการปี 50 น่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 49 ถึงแม้รายได้จากการให้บริการในปี 50 จะยังขยายตัวและมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นแต่การที่รายได้จากการขายที่ดินมีแนวโน้มชะลอตัวอาจส่งผลให้รายได้และผลประกอบการโดยรวมในปี 50 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาโดยคาดรายได้ประมาณ 1,093ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4%yoy และให้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 55% จึงคาดกำไรสุทธิประมาณ251 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%yoy

บล.ธนชาตแนะนำซื้อ BECLราคาเป้าหมาย 26 บาทBECL ได้รายงานอัตราการขยายตัวของปริมาณการใช้รถบนทางด่วน (traffic volume)ที่ 3.7% y-y ในเดือนธ.ค.06 โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ traffic volume ตั้งแต่มีการเปิดสนามบินแห่งใหม่ในเดือนต.ค.06 อยู่ที่ 5.1% y-y และส่งผลให้อัตราการเติบโตเฉลี่ยของทั้งปี 2006 อยู่ที่ 3.1% นอกจากนี้ ยังมีประเด็นบวกจาก traffic volume ของNECL ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้มีการปรับลดค่าผ่านทางของดอนเมือง โทลเวย์ โดยอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้รถ หลังจากที่มีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งใหม่อยู่ที่ 11.4%เทียบกับ 7.7% ในเดือน ม.ค.-ก.ย. 06 เราเชื่อว่าเป็นผลมาจากจำนวนรถยนต์โดยสารและรถบรรทุกของประชาชนทั่วไปและคนในนิคมอุตสาหกรรมที่จ.อยุธยามีการใช้ทางด่วนของNECL เพื่อเดินทางไปสนามบินใหม่มากขึ้น สำหรับรายได้ของ NECL คิดเป็นราว 8% ของรายได้ทั้งหมดของ BECL เราอยู่ระหว่างปรับสมมติฐาน traffic volume โดยปัจจุบันเราให้สมมติฐานอัตราการเติบโตของ traffic volume ไว้ที่ 2.5% y-y ในปี 2007และของNECL ไว้ที่ 2% y-y จากตารางด้านล่างนี้ แสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อประมาณการกำไรของเราอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราการขยายตัว traffic volumeจากประมาณการของเราในปัจจุบัน คาดว่า BECL จะมีกำไรลดลง 5.8% y-y ในปีนี้เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระ จาก 4% ในปี 2006 เป็น 5%ในปี 2007 นอกจากtraffic volume ที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่องแล้ว ThaiTap Water ซึ่ง BECL ถือหุ้นอยู่ 12.5% ก็มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในปีนี้ ที่ราคาหุ้นของ BECL ในปัจจุบันซึ่งลดต่ำลงส่งผลให้ div. yield เพิ่มขึ้นเป็น4.6% ในปี 2007 และ 4.9% ในปี 2008. ทิศทางระยะสั้นยังดีมีโอกาสหยุดไหลไปจนถึงดีดกลับ ที่บริเวณเป็นโอกาสในการซื้อดักดีดกลับและซื้อลงทุนเพิ่มทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง แนวรับ 21.80-21.60 แนวต้าน 22.60, 23+/-0.10






[/color:eaf97ce423">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com