kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 15/01/2007 @ 08:46:18 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต จากการรวบรวมตัวเลขส่วนแบ่งตลาดบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก TFEX ระหว่างวันที่ 11ตุลาคม 2549 -11 มกราคม 2550 พบว่า บล.เคจีไอ ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดอนุพันธ์ทั้ง ปริมาณ และ มูลค่า ได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วน บล.บัวหลวง กลับมียอดตกลงไปอยู่อันดับสาม โดยมี TIPOL ซับโบรกเกอร์ บล.ทรีนีตี้ ขึ้นมาแทน
บล.เคจีไอ ซึ่งเคยอยู่อันดับ 2 ในช่วง 2 เดือนแรกหลังจากตลาดอนุพันธ์เปิดซื้อขายอย่างเป็นทางการเมื่อราวปลายเดือนเมษายน 2549 ปรากฏว่า สามารถรักษาสถานะอันดับ1 ของโบรกเกอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ไว้ได้มากสุด
ระหว่าง วันที่ 11 ตุลาคม 2549 - 11 มกราคม 2550 จากข้อมูลของ TFEXพบว่า บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) มีปริมาณ44,693 สัญญา และมีมูลค่า คิดเป็น 17.96%และมีมูลค่า 21,924.40 ล้านบาท คิดเป็น 18.00%
นายธนวัฒน์ พานิชเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การได้โนว์ฮาวจาก เคจีไอไต้หวัน มีส่วนช่วยให้บริษัทฯ สามามารถขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้ เพราะทางนั้นได้ช่วยทั้งระบบการซื้อขาย เทคนิค และกลยุทธ์การลงทุน
เรามีผู้เชี่ยวชาญมาจากทางใต้หวันประจำที่ไทยพร้อมนำกลยุทธ์ต่างๆ ที่ใช้ได้ผลในไต้หวัน ซึ่งตลาดอนุพันธ์ของเขาเกิดก่อนไทยมา 7-8 ปี แล้วมาประยุกต์ใช้
เคจีไอมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเป็นสถาบัน 45% และรายย่อย 55% และในจำนวนลูกค้าที่เทรดหุ้นกับบริษัทฯ และหันมาเล่นอนุพันธ์จะคิดเป็น 5% ของกลุ่มลูกค้าทั้งหมด ขณะที่แผนงานในปี 2550 บล.เคจีไอ วางแผนว่า จะเริ่มหาลูกค้ารายใหม่ๆ รวมถึงลูกค้าสถาบัน เช่นกองทุนรวม และกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ
อันดับสอง คือ บริษัท ทรีนีตี้ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นซับโบรกเกอร์ของ บล.ทรีนีตี้กลับมียอดซื้อขายค่อนข้างโดดเด่นในช่วง 3 เดือนหลัง มีปริมาณของสัญญา 26,045 สัญญาคิดเป็น 10.47% และมี มูลค่าการซื้อขาย 2,819.50 ล้านบาท คิดเป็น 10.53%
บล.บัวหลวง มีส่วนแบ่งตกลงไปอย่าอันดับสาม หลังจากก่อนหน้านี้รั้งตำแหน่งที่สองมาตลอด มีปริมาณซื้อขาย 25,724 สัญญา คิดเป็น 10.34 ส่วนมูลค่าอยู่ที่ 2,674.96 ล้านบาท คิดเป็น 10.41%
ในปี 2550 เราคาดว่าจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในอันดับ 2 ของตลาดอนุพันธ์ไว้ได้แต่ก็ยอมรับเป็นงานเหนื่อยพอสมควรเพราะจะมีผู้ประกอบการหรือโบรกเกอร์เข้ามาเป็นสมาชิก TFEX เพิ่มขึ้น ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) กล่าว
อันดับสี่ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มีปริมาณ 20,105 สัญญา คิดเป็น 8.08% และมีมูลค่า 9,799.16 ล้านบาท คิดเป็น 8.05%
มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) แสดงความเชื่อมั่นว่า ตลาดอนุพันธ์จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจ แต่หากจะให้ประเมินออกมาเป็นตัวเลขยังคงค่อนข้างยาก
ในเบื้องต้นนั้น บริษัทฯ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดในตลาดอนุพันธ์ไว้ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญาซื้อขายในแต่ละวัน เขา กล่าว
อันดับห้า บล.เครดิต สวิส(ประเทศไทย)มีปริมาณ 19,009 สัญญา คิดเป็น 7.64%และมีมูลค่า 9,183.48 ล้านบาท คิดเป็น 7.54% อันดับหก บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ปริมาณ 17,007 สัญญา คิดเป็น 6.83% และมีมูลค่า 8,363.41 ล้านบาท คิดเป็น 6.87%
ด้านภาวะตลาดอนุพันธ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 3พันสัญญาต่อวันทุกวันโดยในวันจันทร์ 8 ม.ค. มีปริมาณ 3,545 สัญญา วันอังคารที่ 9 จำนวน4,240 สัญญา วันพุธที่ 10 จำนวน 4,664 สัญญา วันพฤหัสที่ 11 จำนวน 3,418 สัญญาและวันศุกร์ที่ 12 จำนวน 3,512 สัญญา
ก่อนหน้านี้ TFEX ตั้งเป้าว่าในปี 2550 จะมีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวัน 5.5พันสัญญาขณะที่ปี 2549 มียอดเฉลี่ย 1.2 พันสัญญา จากเดิมตั้งเป้าไว้ 1 พันสัญญาต่อวัน
.00020
|