อภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIS
CPN
แนะนำให้ลงทุนหุ้น CPN แม้ว่า CPN อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิด อาจจะส่งผลให้คนเดินห้างน้อยลง แต่เชื่อว่าคงจะมีผลกระทบแต่ระยะสั้นเท่านั้น แต่ถ้ามองในแง่ของปัจจัยพื้นฐานแล้วถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะว่า CPN ยังมีโครงการอีก 4-5 โครงการในการที่จะพัฒนาพื้นที่ ซึ่งมันก็จะส่งผลให้รายได้ของ CPN ยังคงมีอัตราเติบโต ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 19.50 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 23 บาท

FORTH
แนะนำให้ลงทุนหุ้น FORTH เนื่องจากคาดว่า FORTH จะได้งานประมูลโครงการติดตั้งกล้องดิจิตอล ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งถ้าหาก FORTH ได้ดังกล่าวจริงจะส่งผลให้รายได้ของ FORTH เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 6 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 7.50 บาท

MINT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น MINT เนื่องจากคาดว่าหุ้น MINT เป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงแรม จากการได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดน้อยที่สุด ประกอบกับผลประกอบการของ MINT เองมีอัตราการที่เติบโตต่อเนื่อง และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 10 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 12 บาท

รณกฤต สารินวงศ์
ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊คคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL
RRC
แนะนำให้ลงทุนหุ้น RRC เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีการให้อัตราผลตอบแทนที่ดีและเงินปันผลที่สูงถึง 7% ในขณะที่ราคาหุ้น RRC ที่เทรดกันอยู่ในกระดานนั้นไม่ได้แพงจนเกินไป ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 15.50 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 17 บาท

SECC
แนะนำให้ลงทุนหุ้น SECC เนื่องจากคาดว่าหุ้น SECC จะได้รับอานิสงส์จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ในขณะเดียวกัน SECC เองมีรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอ และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงถึง 8% ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 2.50 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 3 บาท

TMT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น TMT เนื่องจากคาดว่าหุ้น TMT มีผลการดำเนินงานที่ดีและมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และคาดว่าปีนี้ TMT จะจ่ายปันผลในอัตราที่สูงถึง 9%หรือจ่ายเงินปันผลประมาณ 0.35 บาท ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 3.96 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 4.20 บาท

พงษ์พันธ์ อภิญญากุล
ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST

MCOT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น MCOT เนื่องจากคาดว่าหุ้น MCOT จะมีการประเด็นเรื่องของการเพิกถอนออกจากตลาด แต่เชื่อว่าถ้า MCOT สามารถผ่านพ้นประเด็นนี้ไปได้ ทั้งนี้เชื่อว่า MCOT ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าลงทุน เพราะว่ารายได้ของ MCOT เองไม่เลวร้ายยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ MCOT อยู่ที่ 28 บาท

PTT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น PTT มองว่าปัจจัยพื้นฐานของ PTT ยังคงแข็งแกร่งที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่ดีและต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีประเด็นที่จะเรื่องที่จะให้ PTT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ PTT อยู่ที่ 22 บาท

BAY
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BAY เนื่องจากคาดว่าหุ้น BAY ยังคงมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี และในขณะที่ความสามารถในการทำรายได้กำไรก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ BAY อยู่ที่ 22 บาท

เกียรติก้อง เดโช
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด
PSL
แนะนำให้ลงทุนหุ้น PSL เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของ PSL ปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราค่าระวางเรือยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ PSL อยู่ที่ 53 บาท

BECL
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BECL เพราะว่ารายได้ของ BECL ปรับตัวขึ้นมากในไตรมาส 4/2549 เนื่องมาจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วนปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ BECL อยู่ที่ 28 บาท

TTA
แนะนำให้ลงทุนหุ้น TTA เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของ TTA ปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราค่าระวางเรือยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาทางเทคนิคโดยคาดว่าราคาเป้าหมายปี 2550 ของ TTA อยู่ที่ 31 บาท

ภูวดล ลาภอุดมสุข
ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP

BECL
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BECL จากการที่จะให้สายการบินต้นทุนต่ำมาลงจอดที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งจะทำการใช้ทางด่วนของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยจะทำให้รายได้ของ BECL เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

AOT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น AOT จากการที่ให้สายการบินต้นทุนต่ำมาลงจอดที่สนามบินดอนเมือง จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายของ AOT ลดลงทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอุปกรณ์เดือนละประมาณ 40 ล้านบาท โดยการลงจอดจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและสามารถนำไปจ่ายค่ารักษาอุปกรณ์ได้ ประกอบกับไม่จำเป็นต้องสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมด้วยงบลงทุนถึง 1,400 ล้านบาท ดังนั้น รายได้ของ AOT น่าจะเพิ่มขึ้น

BROCK
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BROCK เนื่องจากเป็นหุ้นที่น่าสนใจจากราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ประกอบกับยังสามารถรีบาวด์ขึ้นตามตลาด รวมทั้งปริมาณการซื้อขายยังซัพพอร์ตด้วย ซึ่งถ้ายืนที่ราคา 4.90 บาทได้ แนะนำซื้อ ส่วนแนวต้านมองที่ 5.50 บาท

นักวิเคราะห์
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ TNITY
BANPU
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BANPU จากการที่หุ้นมีพื้นฐานที่ดี และมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

BECL
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BECL เนื่องจากจะได้รับปัจจัยบวกในเรื่องการให้สายการบินต้นทุนต่ำลงจอดที่สนามบินดอนเมืองแทนที่จะลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้มีการใช้ของประชาชนเพิ่มมากขึ้นจากเดิมจำนวนมาก จากความจำเป็นต้องใช้

TTA
แนะนำให้ลงทุนหุ้น TTA เนื่องจากมองว่าจะได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งดีมานด์จากการขนส่งยังเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ทั้งประเทศจีนและตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ถ้าดูข้อมูลในเรื่องของจำนวนเรือทั้งหมดในประเทศแล้วยังมีไม่มากนัก เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อประมาณ 5 ปี โดย TTA มีเรือเข้ามาเสริมการขนส่งอย่างต่อเนื่อง