April 29, 2024   8:47:24 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จัดขบวนทัพหุ้นรถไฟฟ้า
 

Pooky
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 19
วันที่: 09/01/2007 @ 13:35:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

รัฐบาลปลุกชีพตลาดหุ้นหลังย้ำชัดเตรียมเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นสายแรกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมนี้ พ่วงตามมาติดๆด้วยสายสีม่วงในเดือนพฤษภาคม มองช่องทางหาแหล่งระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรหรือกู้เงินเจบิค โบรกเกอร์มองเป็นประเด็นเด็ด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมทั้งสร้างสีสันให้ตลาดหุ้นกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง พร้อมเขย่าหุ้นกลุ่มรับเหมาเด้งยกแผง ดาวเด่นในกลุ่มยกให้

CK-SEAFCO-NWR มีเอี่ยวได้งานด้วยแน่ ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ขยับเพิ่ม SCC รับผลบวกไปด้วย และปิดท้ายขบวนด้วยหุ้นวางระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ JTS และSAMTEL

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะสามารถเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีแดง(บางซื่อ-ตลิ่งชัน) อย่างเร็วสุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม 2550 นี้เป็นอย่างช้า ส่วนสายสีม่วง(ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) จะเปิดประมูลได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2550

สำหรับสายสีแดง(ช่วงรังสิต-บางซื่อ) กับสายสีน้ำเงิน(ช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ และช่วงบางซื่อ-บางแค) จะเปิดประมูลได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2550 ขณะที่สายสีเขียวช่วงบางหว้า-สะพานใหม่ และช่วงพรานนก-สมุทรปราการอาจต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดอีกครั้ง

ส่วนแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวนั้นอาจมีการระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรในประเทศหรือการกู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค) โดยก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.6 แสนล้านบาท

โผหุ้นรถไฟฟ้า
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเร่งเปิดประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงของรัฐบาลนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างงานใหม่ และยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องภายในประเทศมากขึ้น เพราะมีการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายในปีนี้เพื่อไปใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้มองว่าโครงการรถไฟฟ้าที่จะเปิดให้มีการประมูลนั้นเป็นการสร้างสีสันให้กับตลาดหุ้นอีกครั้ง เพราะคาดว่าจะมีนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรหุ้นบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูล และหุ้นที่คาดว่าจะชนะการประมูลงานดังกล่าว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คือ CK ให้ราคาเป้าหมายที่ 13.00 บาท รองลงมาก็จะเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC ให้ราคาเป้ามายที่ 288 บาท และกลุ่มเหล็ก

ส่วนกลุ่มสื่อสารที่เป็นผู้ประกอบการรับเหมาติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ JTS ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.16 บาท BLISS อยู่ระหว่างการติดต่อผู้บริหาร เพื่อประเมินธุรกิจในปีนี้ และ SAMTEL ให้ราคาเป้ามายที่ 11.32 บาท ซึ่งคาดว่าหุ้นในสามกลุ่มนี้จะแรงเก็งกำไรมากขึ้น
นอกจากนี้ประเด็นงานที่คาดว่าจะได้จากโครงการจากภาครัฐแล้ว ฝ่ายวิจัยยังมองว่าราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยังคงมีอัพไซด์ที่จะเข้าลงทุนได้อย่างเนื่องหลัง เมื่อเทียบจากช่วงก่อนหน้าที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงจากวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา

ส่วนแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าน่าจะเป็นไปตามที่ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะนำมาจากการออกพันธบัตร และการกู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค) เพราะหากจะให้ผู้ประกอบการลงทุนเองคงจะไม่มีเงิน เพราะโครงการมีมูลค่าสูง

นายสุกิจ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับทิศทางการขยายตัวของจีดีพีของประเทศในปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น หรือปรับตัวลดลงหรือไม่นั้นมองว่าเร็วเกินไปที่จะประเมินได้ เพราะสถานการณ์ทางการเมือง และมาตรการการตั้งสำรอง 30%ของธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจีดีพีจะยังเติบโตได้ในระดับที่ 4-4.5%

ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติคาดว่าภายหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมือง และมาตรการตั้งสำรองของ 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทยมีความชัดเจนก็น่าจะเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นได้ จากทิศทางของอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันในตลาดโลกมีในระดับทรงตัว และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงนั้นส่งผลดีกับผู้ประกอบการจะมีต้นทุนการผลิตปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น
หุ้นรับเหมาได้แรงหนุน

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสินจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกมาเปิดความคืบหน้าของการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาล เป็นปัจจัยบวกกับหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในระยะสั้นได้ หลังจากที่ตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกมาตั้งแต่ช่วงปลายปีทีผ่านมา

ส่วนหุ้นที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะได้รับความน่าสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมา คือ CK เพราะเป็นบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ และยังเป็นบริษัทที่ปลอดการตรวจสอบ ซึ่งการรับงานของ CK ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่สร้างกำไรให้กับบริษัทที่ดี อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งหาก CK มีโอกาสได้รับงานโครงการรถฟ้าดังกล่าวจะเพิ่มมูลค่าของงานในมือให้เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้สูงยิ่งขึ้น โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 8.90 บาท

นอกจากนี้มองว่า SEAFCO มีโอกาสที่จะคว้างานการประมูลงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาสรรหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมประมูลงาน ซึ่งการเจรจาพันธมิตรในครั้งนี้มี NWR ร่วมอยู่ด้วย เพราะเคยร่วมงานมาแล้วในโครงการก่อนหน้านี้ โดยให้ราคาเป้าหมาย SEAFCO ที่ 10.00 บาท ส่วนหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และสื่อสารนั้นคาดว่าจะเริ่มมีการเก็งกำไรเข้ามาหลังจากประมูลแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนกว่าจะทราบผล

.0003




[/color:d917c3551f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com