April 29, 2024   6:28:35 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะหุ้น...............ชาวสวนตัวจริงมาแล้ว ?
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 09/01/2007 @ 09:37:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ได้มีการตีกลับทางเทคนิคสวนกับภาวะหุ้นโลกเป็นครั้งแรกหลังจากเปิดศักราชใหม่
2550 โดยใช้แนวรับบริเวณ 620 จุดเป็นจุดตีกลับทางเทคนิคโดยมีแนวต้านสำคัญบริเวณดัชนี 650 จุดเป็นแนวต้านที่สำคัญสำหรับการลงทุนระยะสั้น ส่วนการตีกลับนั้นคาดว่ายังไม่ใช่การ ?กลับหลังหัน? ของแนวโน้มตลาดระยะสั้นแต่อย่างใดภายใต้เงื่อนไขการลงทุนภาวะปัจจุบันที่ยังมีสถานการณ์ของความไม่ไว้วางใจเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญ

ระดับราคาหุ้นกลุ่มหลักที่ให้ ?ส่วนลด? เนื่องจากราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดศักยราชใหม่ แม้ว่าจะเป็นราคาที่อาจจะเรียก ?น้ำลาย? ของนักลงทุนประเภท ?เงินเย็น? ให้เข้าเสี่ยงบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมของตลาดยังเป็นเพียง ?การเก็งกำไร? ระยะสั้นเนื่องจากราคาหุ้น ?ปรับลดลงเร็วเกินไป? ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มมีการใช้กลยุทธ์?สลับตัวเล่น(Switching)? โดยการใช้งบประมาณในการลงทุนเท่าเดิมแต่อาจจะขายหุ้นที่เต็มมูลค่าหรือมองว่ายังไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวออกเพื่อใช้เม็ดเงินก้อนเดิมไปเก็งกำไรหรือลงทุนในหลักทรัพย์ที่อาจจะ
?ดึงดูดในแง่ผลตอบแทนมากกว่า?

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้มีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งนี้เพราะราคาหุ้นกลุ่มนำตลาดประเภท
มาร์เก็ตแคปที่ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันในการขายหุ้นออกจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมองทิศทางการลงทุนในไทยในเชิงลบเพราะผลกระทบของปัจจัยด้านการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพและปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ยังคงมีแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านนโยบายโดยเฉพาะนโยบายด้านการเงินการคลังมหภาคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการลงทุนภาคอื่น ๆโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับเงินลงทุนจากต่างประเทศยังอยู่ในกระบวนการที่นักลงทุนยัง?มีคำตอบที่ได้รับคำตอบไม่ชัดเจน? สะสมอยู่

การลงทุนโดยรวมยังเป็นไปอย่าง ?กลัว ๆ กล้า ๆ ? เพราะนักลงทุนประเภท?มือสมัครเล่น? นั้นส่วนใหญ่ประกาศ ?ศ.ศาลา? กันไปนานแล้วเนื่องจากไม่สามารถต้านทาน ?ความเสียหาย? จากการลงทุนที่ซ้ำเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้ เหลือเพียงแต่นักลงทุนประเภท?สายป่านยาว? ที่ภาษาจีนกล่าว่า ?จะแกจ๋อกู้? หรือประเภท?เงินเยอะนั่งนานหน่อย? อะไรทำนองนั้นทั้งนี้เพราะกลุ่มนี้อาจจะมีทักษะและมีเงินทุนที่หนากว่าจึงสามารถอยู่ในสนามการลงทุนได้นานหน่อย
แต่เข้าตำรา ?ยิ่งนานยิ่งเจ็บ? หรือเปล่าไม่ทราบได้โดยโดยข้อเท็จจริงมักจะเป็นอย่างนั้น

หันมาดูหลักทรัพย์ในเกรดลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ปัจจุบันเรียกว่า?ถูกจนไม่กล้าซื้อ? เพราะเมื่อซื้อแล้วหุ้นยังลงต่อไปอีกสังเกตได้จากจากราคาหุ้นยังคงมีการทำจุดต่ำใหม่และเมื่อติดตามแนวโน้มด้วยเครื่องมือทางเทคนิคสำคัญ
ๆ เช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ปรากฏว่าราคาหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แทบทุกค่าหากพิจารณาจากการวิเคราะห์ในระดับรายวันส่วนในรายสัปดาห์ก็บอกนัยเช่นเดียวกันว่า ?ต้องใช้เงื่อนเวลา? ในการแก้ไขและคาดว่าไม่ใช่เวลาระยะสั้น ๆ
ที่จะมาทำให้ภาพสามารถพลิกผันได้อย่างชนิดที่เรียกว่า ?หน้ามือเป็นหลังมือหรือกลับหลังหัน? ซึ่งหากเรานำตัวแปรด้านปัจจัยด้านการเมืองและเศรษฐกิจเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณา?คำตอบ? ที่ได้รับคือ ?ความไม่มั่นใจ? เช่นกัน

ถามว่าหุ้นชั้นดีอย่าง BBL SCB KBANK KTB SCC PTT PTTEP ADVANC TTA RCL PSL EGCOMP TOP RRC PTTCH นั้นมีส่วนไหนของปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงจนทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมาอย่างน่าใจหายเช่นนี้
โดยเฉพาะ BBL ซึ่งนักวิเคราะห์ให้ราคาปัจจัยพื้นฐานสูงกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก แต่ระดับราคาหุ้นที่ต่ำกว่า 100
บาทดูเหมือนยังไม่เรียกแรงซื้อให้กลับเข้ามาลงทุน กำไรของ BBL ลดลงมากจนผิดสังเกต NIM ( Net Interest Margin) ลดลง หรือปริมาณ NPLs (Non-performing Loans) เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายหรือไม่คำตอบนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ราคาหุ้นกลับสวนทางอย่างน่าใจหายถามย้อนกลับคนที่มองว่า ?ไม่มีอะไร? กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์เพราะขนาดนักลงทุนมีความรู้ยังไม่สามารถเข้าใจคำตอบ?ไม่มีอะไร? ได้กับคำอธิบายของผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ

ข้อสรุปที่พอจะอธิบายได้ในมุมมองของไก่ทองคือราคาประเมินที่นักวิเคราะห์ค่ายสำนักต่าง ๆนั้นได้ทำการวิเคราะห์ออกมานั้นค่อนข้างจะสูงกว่า?ความเป็นจริงหรือข้อเท็จจริง? หรือไม่ก็จิตวิทยาการลงทุนค่อนข้างแย่มากจนทำให้
?ของดีกลายเป็น ของไม่ดี? ในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือไม่ก็อาจจะมีตัวแปร?บางอย่าง? ซ่อนเร้นอยู่จนทำให้ระดับความมั่นใจในการลงทุนตกต่ำและมีการ?ดึงเม็ดเงิน? ออกจากตลาดหุ้นชนิดไม่เหลือเยื่อใย ซึ่งเราสังเกตพบว่าผู้ที่ดึงเงินออกจากตลาดส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างประเทศและกองทุนเพราะกลุ่มเหล่านี้เป็นผู้?ขายสุทธิ? ในตลาดอย่างมีนัยสำคัญามว่าหากกองทุนยังมองว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยยังน่าสนใจแล้วทำไมขายหุ้นทิ้งแสดงว่า ?ของดีไม่ควรทิ้ง ของทิ้งไม่ควรดี? หรือเปล่าไม่ทราบได้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นยังคงเน้นการถือครองเงินสดเพราะการเข้าเก็งกำไรในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลกลายเป้านิ่งให้อดีตนายทหารและอดีตนักการเมือง?ซ้อมเป้าเล่น? คงไม่น่าจะไว้วางใจได้มากนัก เพราะรัฐบาลไม่ใช่กระสอบทรายแต่เป็น ?ขิงแก่? แต่สำหรับนักลงทุน?ปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะดีกว่าวิ่งตัดหน้ารถสิบล้อเพื่อวิ่งไปหยิบเหรียญบาทกลางถนน? แต่หากคันไม้คันมือเพราะชีวิตนี้หากไม่ได้เก็งกำไรหุ้นแล้วลมจะใส่
อาจจะเก็งกำไรเล็ก ๆในหุ้นเหล่านี้และพร้อมตัดขาดทุนหากไม่เป็นไปตามคาดโดยราคาหุ้นทำจุดต่ำใหม่
เช่น BBL SCB KTB KBANK ITD TRUE STEC IRPC RRC TOP เป็นต้น

ทันหุ้น


.00020 [/color:bdc547ae4e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com