นายกวี ชูกิจเกษม ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า
ท่ามกลางภาวะหุ้นผันผวนในปีนี้แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดในสัดส่วนสูงถึง 50%
และรอซื้อในช่วงปลอดภัยที่สุด ดัชนีระดับ 572 จุด
สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พี/อี) ที่ระดับ 8 เท่า

สำหรับกลุ่มที่แนะนำให้ลงทุนคือ โรงพยาบาล โรงแรม และโรงพิมพ์
และกรณีดัชนีลงลึกถึงระดับ 500 จุด ควรเก็บกลุ่มธนาคารพาณิชย์
เพราะเป็นกลุ่มที่กระจายความเสี่ยงโดยธุรกิจอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี ตลาดหุ้นต่างประเทศมักจะปรับตัวลงแรง
ซึ่งจะเป็นจังหวะที่หุ้นไทยวิ่งสวนขึ้นมาได้

น.ส.วราภรณ์ วิบูลย์คณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีมิโก้ กล่าวว่า
มองว่าปีนี้ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นลงมากกว่า 100 จุด
ในช่วงปรับตัวลงเป็นโอกาสซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพราะกลุ่มมีส่วนผสมของหลายธุรกิจ
และในระยะแรกที่ยังมีความเสี่ยงให้เลือกบริษัทที่มีรายได้จากค่าเช่า

นายกิตติ เหมนิลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า
จุดที่น่าซื้อหุ้นดัชนีควรอยู่ต่ำกว่า 600 จุด
และในระยะสั้น 3-6 เดือนนี้ แนะนำให้เลือกหุ้นที่ให้ปันผล 5% ขึ้นไป

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ต่างประเทศกล่าวว่า
การประชุมร่วมกับตลาดหลัก ทรัพย์และสภาธุรกิจทุนไทยในวันที่ 8 มกราคม
ในเรื่องเหตุการณ์ระเบิด คงจะไม่มีข้อเสนออะไร
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ ที่ต่างชาติให้น้ำหนักน้อยมาก
และในต่างประเทศก็มีระเบิดเกิดขึ้น แต่หุ้นยังปรับตัวขึ้นได้

?ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไม่ได้ หากมาตรการแช่แข็งเงิน 30% ยังคงมีอยู่
เพราะทำให้เอกชนออกหุ้นกู้ขายนักลงทุนต่างชาติไม่ได้
และหากจัดการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ในปีนี้ก็มีผลกระทบเช่นกัน
เนื่องจากต่างชาติไม่เชื่อมือ ครม.เศรษฐกิจชุดปัจจุบัน
ที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงในการออกมาตรการควบคุมเงินทุนต่างชาติ? แหล่งข่าวกล่าว