April 29, 2024   11:14:56 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นค่ะ......
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 08/01/2007 @ 09:08:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ TOPราคาเป้าหมาย 59.60 บาทแนวโน้มค่าการกลั่นสุทธิ ใน 4Q06E ปรับตัวดีขึ้นจาก 3Q06A ถึงแม้บริษัทจะต้ องรับรู้ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบปรับลดลง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะลดลงเหลือเพียง 1$/BBL เทียบกับ 1.65 $/BBLในไตรมาสก่อน ด้วยเหตุดังกล่าวเราได้ประมาณค่าการกลั่นสุทธิใน 4Q06E ในระดับ 3.3$/BBL ดีขึ้นจาก 3Q06E ที่อยู่ที่ 2.7 $/BBL จากสถิติที่ผ่านมาค่าการกลั่นมักจะปรับตัวลดเร็วกว่าราคาน้ำมันในช่วงน้ำมันขาลงประกอบกับไม่มีปัญหาหยุดโรงกลั่นจากพายุเฮอร์ริเคนในสหรัฐ และอากาศที่หนาวน้อยกว่าใน FY05A ส่งผลให้ ค่าการกลั่นช่วงปลาย FY06Eปรับลดลงอย่างมากเที ยบกับราคาน้ำมันดิบใตลาดโลก อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อค่าการกลั่ นใน FY07E เนื่องจาก 1.ปริมาณความต้องการใช้ นำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศจีน คาดว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น 1.8 MBD จาก FY06E 2.หากเกิดBOYCOTT ประเทศ IRAN ของ UN. จริงจะส่งผลให้ปริมาณ SUPPLY ในตลาดลดลงมากเนื่องจากอิหร่านเป็นประเทศส่งออกนำมันใหญ่เป็นอันดับสองใน OPEC ด้วยเหตุดังกล่าวเราประเมินค่าการกลั่นใน FY07E ไว้ที่ 6.0 $/BBL ธุรกิ จปิโตรเคมี ยังคงมี แนวโน้มดีแม้ ราคาParaxylene ในตลาดโลกเหลือเพียง 1,115 $/TON ปรับลดลง10% QoQ แต่เราคาดว่า ส่วนต่างราคา Paraxylene-Platformate ยังใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสที่แลวเนื่องจากราคาต้นทุน Platformate ปรับลดลงตามราคานำมันดิบด้วย สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในธรกิจปิโตรเคมีปีนี้ค่อนข้างสดใสนอกจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันที่ยังคงดีอยู่แล้ว

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ SEAFCOราคาเป้าหมาย 9.08 บาทราคาหุ้น SEAFCO ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ตามแรงกดันจากตลาดรวม ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านการเมือง และสถานการณ์ก่อการราย แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับราคาปัจจุบันSEAFCO มีค่า P/E ต่ำกว่า 9 เท่า เทียบกับ Fair Value ซึ่งฝ่ายวิจัยกำหนดที่ P/E 12เท่า การปรับตัวลดลงมาของราคาหุ้นดังกล่าวจึงน่าจะถือเป็นโอกาสอันดี สำหรับการทยอยซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว ที่ Fair Value P/E 12 เท่าจะให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม ณสิ้นปี 2550 ที่ 9.08 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันกว่า 27% สำหรับเงินปันผลจากผลประกอบการงวดปี 2549 คาดว่าจะจ่ายในอัตรา 0.35 บาท/หุ้น ให้ Dividend Yieldกว่า 5% (มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.12 บาท) ณ สิ้นปี 2549 ฝ่ายวิจัยประเมินว่า SEAFCO น่าจะมี Backlog ยกไปรับรู้รายได้ในงวดปี 2550 ประมาณ 1 พันล้านบาท ขณะที่ช่องทางในการรับงานใหม่ยังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากภาคการก่อสร้างยังจะเป็นกลไกที่ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งงานก่อสร้างในภาคเอกเชน เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโครงการอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม, โรงแรม และอาคารสำนักงานยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ในงวดปี 2550 ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมุติฐานให้ SEFCO มีการเซ็นสัญญารับงานใหม่ประมาณ 2.69 พันล้านบาท และมีการบันทึกรายได้จากงานก่อสร้าง 2.39 พันล้านบาท ส่วนกำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 161 ล้านบาทซึ่งถือเป็นการจัดทำประมาณการที่ Conservative SEAFCO ถือเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯที่มี P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แต่หากพิจารณาในด้านของประสิทธิภาพการทำกำไร ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วน Gross Margin หรือ Norm Profit Margin พบว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างมาก ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับหุ้น SEAFCO

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ KTBราคาเป้าหมาย 12.60 บาทเราคาดว่าผลประกอบการ 4Q49 KTB ยังคงมีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิลดลง 7% QoQ เนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับจากวายุภักษ์เหมือนไตรมาสก่อน และต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นจากเงินฝากระยะยาวที่ถูก rollover ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยก็คาดว่าจะลดลง 24% QoQ จากไตรมาสก่อนมีรายได้ค่าธรรมเนียมรับจากบริการ GFMIS ที่ค้างจ่ายและเข้ามาถึง 480 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนไม่มากส่งผลให้คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนการกันสำรองลดลง 20% QoQ แต่จากการที่ต้องตั้งสำรองหนี้สูญตามเกณฑ์ IAS 39 ที่คาดว่าจะมากถึง 6.3 พันล้านบาท ขณะที่ไตรมาสก่อนตั้งสำรองเพียง 1.9 พันล้านบาท ส่งผลให้ 4Q49 คาดว่า KTB จะมีกำไรสุทธิเพียง 303 ล้านบาท ลดลง 94% QoQ และ 62% YoY ทั้งปี49 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 13,954 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้น 7%YoY แม้ปี 49 สินเชื่อจะต่ำกว่าเป้ามาก แต่ KTB ยังคงตั้งเป้าสินเชื่อปี50 โต 6-7% โดยคาดว่าเมกะโปรเจ็คส์จะเริ่มได้ใน 2H07 และตั้งเป้ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโต 15% ขณะที่ NPL ตั้งเป้าจะลดลงให้เหลือประมาณ 8% และจะขยาย ATM อีก 1พันเครื่องในปีนี้ เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี50 ของ KTB ลงจากเดิม25%เหลือเพียง 11,592 ล้านบาทโดยคาดว่า NIM ในปี 50 น่าจะลดลงเนื่องจากการออกHybrid Bond ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าเงินฝาก แต่ก็ทำให้เงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นนอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากเกณฑ์การตั้งสำรองใหม่ตาม IAS 39 ในหนี้ส่วนที่เหลือซึ่งจะต้องตั้งทั้งหมดภายในปีนี้ คาดว่าจะทำให้ KTB จะตั้งสำรองมากถึง 12,000 ล้านบาทเพื่อให้ท้ายที่สุดจะมี Coverage Ratio ที่ใกล้กับธนาคารขนาดใหญ่ด้วยกันที่ระดับ 70-80% ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 17% YoY แต่ก็ยังมี ROE ถึง 12.3% คาด KTB จะมีการกันสำรองสำหรับ 4Q49 มากถึง 6.3 พันล้านบาท จากเกณฑ์ใหม่ตาม IAS 39 ส่งผลให้คาดว่า 4Q49 KTB จะมีกำไรสุทธิเพียง 303 ล้านบาทแต่ ทั้งปีคาดว่าจะยังมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% เนื่องจาก 9M49 ทำกำไรได้ค่อนข้างดี โดยจะมี ROE สูงถึง 16% ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ BECราคาเป้าหมาย 23.00 บาทการยกเลิกงานเคาน์ดาวน์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ BEC อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการจัดงานดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายรวมเพียง 10 ล้านบาทขณะที่มีผู้ร่วมจัดงานหลัก 3 ราย ได้แก่ BEC, RS และห้างเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งยังมีสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นสปอนเซอร์หลักของงานอีกด้วย และการจัดงานในปีก่อนๆ นั้นก็ไม่ได้สร้างกำไรหรือขาดทุนให้กับ BEC โดยสิ่งที่บริษัทได้รับจากการจัดงานคืภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสถานีช่อง 3 นอกจากนั้น BEC อาจได้รับผลบวกจากการที่ผู้ชมหันมาสนใจข่าวสารมากขึ้นหลัเหตุการณ์ระเบิด จากการที่ช่อง 3 มีเวลาออกอากาศรายการข่าวและวิเคราะห์ข่าวในสัดส่วนถึง 50% ของเวลาออกอากาศรวมของสถานี คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/49 ยังเติบโตต่อเนื่องจากอัตราการใช้เวลาโฆษณาและส่วนแบ่งผู้ชมที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเราประเมินกำไรปี 2549 ที่ 1,838 ล้านบาท (0.92 บาท/หุ้น)เพิ่มขึ้น 109% และคาดว่าจะเติบโตอีก 11% เป็น 2,045 ล้านบาท (1.02 บาท/หุ้น)ในปี 2550 โดยจะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าโฆษณา 2 รายการในอัตรา 13-14%การที่คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เข้ามาดำเนินรายการเพิ่มเติม รวมทั้งเม็ดเงินโฆษณาบางส่วนอาจถูกโยกมาจาก ITV ราคาหุ้นที่ตกลง 2.8% เมื่อวานนี้สร้างโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งในแง่ความสามารถในการทำกำไรสูง (Net margin 27%,ROE 28%) กระแสเงินสดแข็งแกร่ง และฐานะการเงินที่ดีไม่มีหนี้สิน นอกจากนั้นยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอโดยมีอัตราผลตอบ 4%






[/color:5d9daded66">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com