ซิดนีย์ ตลาดหุ้นเอเชียน่าจะมีความไม่แน่นอนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะทำกำไรจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่อาจจะมีแรงซื้อเข้ามาเมื่อราคาต่ำลงเนื่องจากแนวโน้มสำหรับปีใหม่นี้ยังเป็นบวก ส่วนตลาดไทยน่าจะดิ่งต่อสวนทางตลาดเพื่อนบ้าน

จะมีการจับตารายได้บริษัทใหญ่ๆ อาทิ ซัมซุง อิเล็กโทรนิกคส์ ผู้ผลิตเมมโมรีชิพรายชั้นนำของโลก และมีการจับตาตลาดหุ้นสิงคโปร์อย่างใกล้ชิดเมื่อตลาดจดทะเบียนใหญ่เป็นอันดับสามของเอเชียจะเริ่มมีการทะยอยแถลงผลประกอบการบริษัท

ตลาดหุ้นในฮ่องกง ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ จีน และอินโดนีเซียล้วนแต่ทำสถิติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะปรับตัวลง

ดัชนีหุ้นเอเชียของเอ็มเอสซีไอซึ่งไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น พุ่งสูงสุดเมื่อวันที่ 3 มกราคม แต่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์เมื่อวันที่ 5 มกราคม

ชาน โอลิเวอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของเอเอ็มพี แคปิตอล อินเวสเตอร์กล่าวว่า หุ้นทั่วโลกยังคงดีดตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ และว่าหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นน่าจะดีกว่าที่อื่นๆเนื่องจากมีการประเมินมูลค่าดีขึ้นและมีแนวโน้มในการเติบโต

หลังจากที่วิ่งเข้าสู่ปลายปีด้วยความลำกบาก ดูเหมือนว่าในขณะนี้ตลาดหุ้นมีความแข็งแกร่งเล็กน้อย โอลิเวอร์ กล่าว

ในช่วงต้นสัปดาห์นี้นักลงทุนน่าจะมีปฏิกิริยาต่อการปราศัยของเบน เบอร์นันเก้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ และข้อมูลเงินเดือนนอกภาคเกษตรของสหรัฐเช่นกัน

ตลาดญี่ปุ่น แรงกดดันในการเทขายอาจจะลดลง และสัปดาห์นี้จะมีการซื้อขายสั้นลงเพราะมีวันหยุด และดูเหมือนว่านักลงทุนได้ล็อกกำไรไว้แล้วในช่วงสองสามวันแรกของปีใหม่

ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)มีประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 มกราคมนี้ และตลาดคาดการณ์ว่า บีโอเจน่าจะขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้จะต้องจับตาการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดของราคาน้ำมัน หลังจากที่น้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงต่ำกว่า 56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพราะเทรดเดอร์กลัวว่าสภาพอากาศไม่รุนแรงและ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐมีมากขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาน้ำมันลดลงเป็นสิ่งที่ดีแต่หากราคามีการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน จะมีผลกระทบในทางลบต่อตลาด

ตลาดเกาหลี คาดว่าหุ้นจะรีบาวด์หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม น่าจะมีการดีดตัวอย่างจำกัดก่อนที่ยักษ์ใหญ่ในตลาด อย่างโพสโค และซัมซุง อิเล็กโทรนิกส์จะแถลงผลประกอบการ

นอกจากนี้นักลงทุนน่าจะระมัดระวังก่อนการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีในวันพฤหัสบดีเช่นกัน ในขณะที่นักวิเคราะห์โดยทั่วไปไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่มีการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากราคาบ้านยังคงสูงขึ้น

ตลาดฮ่องกง ทุกสายตาจะจับตาหุ้นการเงินของจีนเมื่อยังคงมีความผันผวนในตลาดฮ่องกงหลังจากที่ได้ทำลายสถิติเมื่อวันที่ 3 มกราคม

การเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์นี้อาจจะทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก หากตลาดสามารถเคลื่อนไหว 400 จุดในหนึ่งวัน มันยากที่จะคาดการณ์ว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่คาดว่าจะมีการซื้อขายภายในช่วง 500-600 จุด โฮเวิร์ด จอร์จ ผู้อำนวยการบริษัทเซาธ์ ไชน่า โบรกเกอเรจ กล่าว เราจะดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และข่าวใดๆก็ตามที่มาจากจีน

ตลาดออสเตรเลีย คาดว่าหุ้นออสเตรเลียจะปรับฐานหลังจากที่ดีดตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเร็วๆนี้ โดยนักลงทุนยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อตลาดคอมโมดิตี้เพื่อดูว่าจะมีสัญญาณที่ราคาโลหะอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวหรือไม่

ราคาโลหะพื้นฐาน เช่น ทองแดงปรับตัวลง ทำให้หุ้นบริษัทเหมืองแร่ใหญ่ๆ อย่างเช่นบีเอชพี บิลลิตัน และทริโอ ทินโต ปรับตัวลง แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า หุ้นสองตัวยี้นังไม่แพงและจะสร้างกำไรอันน่าตื่นเต้นในปีนี้

ตลาดไต้หวัน น่าจะมีการซื้อขายในช่วงแคบๆเมื่อนักลงทุนรอผลประกอบการบริษัทใหญ่ๆ 3 ราย คือ ทีเอสเอ็มซี ยูเอ็มซีและคาเธ่ย์ ไฟแนนเชียล

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไต้หวันปิดลาดสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีเมื่อวันพฤหัสบดีเพราะมีแรงซื้อของต่างชาติมากท่ามกลางมุมมองในด้านบวกว่าหุ้นไต้หวันถูกกว่าหุ้นอื่นๆในภูมิภาค

ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตลาดหุ้นไทยอาจจะยังคงระทมทุกข์ต่อเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง แต่ตลาดอื่นๆในภูมิภาคน่าจะมีความรู้สึกคึกคักต่อไป เนื่องจากหลายๆบริษัทในสิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซียได้ปรับประมาณการรายได้ขึ้น
ตลาดสิงคโปร์จะเริ่มฤดูแถลงผลประกอบการรายไตรมาสในวันจันทร์นี้ด้วยบริษัทสิงคโปร เพรสส์ โฮลดิ้งส์

ตลาดเอเชียใต้ หุ้นอินเดียน่าจะยังคงฟื้นตัวในช่วงแคบๆเมื่อเริ่มมีการแถลงผลประกอบการและนักลงทุนที่มีความระมัดระวังจะรอตัวกระตุ้นใหม่ๆที่จะทำให้ตลาดดีดตัวเหนือระดับ 14,000 จุด

ตลาดอาจจะมีการซื้อขายในช่วง 300-400 จุดทั้งสัปดาห์นอกจากว่าจะมีตัวกระตุ้นเช่น ผลประกอบการหรืองบประมาณก็จะทำให้หุ้นดีดตัวขึ้น เอส.พี.ตูลเซียน ที่ปรึกษาอิสระกล่าว