April 29, 2024   6:42:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โบรกฯฟันธงชะลอลงทุน
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 06/01/2007 @ 08:57:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยยังไร้อนาคต หลัง คมช.ยืดอำนาจ แต่เส้นทางไม่สดใสอย่างที่คิด ข่าวร้ายกระหน่ำรายวัน ทั้งมาตรการแบงก์ชาติ-เหตุวางระเบิด-ข่าวลือปฏิวัติซ้อน ฉุดมาร์เก็ตแคปหดกว่า 4.3 แสนล้านบาท ดัชนีทรุด 74.37 จุด แกะรอยโบรกฯฝรั่งพบ CS เทกระจาดมากสุดกว่า 6.4 พันล้านบาท ขณะที่หุ้นเก็งกำไรดี๊ด๊า หลังบิ๊กแคปถูกเมิน เซียนหุ้นฟันธงพูดเป็นเสียงเดียวกัน ช่วงนี้ต้องชะลอลงทุน หวังรัฐบาลออกนโยบายกู้วิกฤติ ดันดัชนีรีบาวน์

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นประวัติศาตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากที่เกิดการปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์พระเป็นประมุข ยึดอำนาจการบริหารประเทศจากรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ที่ผ่านมา แม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปโดยสงบและไม่มีการเสียเลือดเนื้อ จากนั้นมีการจัดตั้งรัฐบาลในชุดของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ได้รับการขนานนามว่ารัฐบาลขิงแก่ ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนจะได้รับการยอมรับจากสังคม และต่างก็คาดหวังว่าสถานการณ์ของประเทศต่อจากนี้จะดีขึ้น
แต่เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เพราะหลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ปรากฎว่ามีการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่า 142 จุด หรือ 19.52% ในวันที่ 19 ธ.ค. 2549 มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 1.8 แสนล้านบาทในวันเดียว ส่งผลให้กระทรวงการคลังและแบงก์ชาติต้องกลับลำยกเลิกมาตรการดังกล่าวสำหรับเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงสามารถกู้ดัชนีฯขึ้นมาได้ในวันรุ่งขึ้น แต่หลังจากนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ยังคงซึมลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่เริ่มเกิดความไม่มั่นใจต่อมาตรการของภาครัฐ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินเข้ามาลงทุน
ความกังวลเรื่องดังกล่าวยังไม่ทันจะคลี่คลาย วันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี 2549 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น โดยเกิดเหตุระเบิด 8 จุด ในกรุงเทพมหานคร ที่ในขณะนี้ยังไม่สามารถหาต้นตอของผู้ที่ก่อการได้ ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างมีข้อกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นสถานการณ์ที่สะท้อนถึงความสับสนและไม่รู้ใครกันแน่คือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ในขณะที่นายกรัฐมนตรีเอง ออกมายอมรับว่าคนไทยจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนต่อความรู้สึก และความปลอดภัยไปอีก 1-2 เดือน พร้อมกับขอให้คนไทยเตรียมรับมือกับภัยรูปแบบใหม่ และให้ระมัดระวังอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือสนั่นเมืองในเรื่องของการปฏิวัติซ้อน แม้ว่าทาง คมช. จะออกมาปฏิเสธแต่ก็ยังมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

**มาร์เก็ตแคปวูบ 4.3 แสนลบ.หลังคมช.ยึดอำนาจ
ข่าวร้ายข่าวลบที่กระหน่ำออกมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่งผลสั่นสะเทือนถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก ถือเป็นการสะท้อนมุมมองของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติว่าไม่มีความเชื่อมั่นต่อการบริหารงานในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของรัฐบาล โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นวันที่เกิดการปฏิรูปการปกครอง จนถึงปัจจุบัน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์รูดลงถึง 74.37 จุด จากปิดตลาดฯวันที่ 19 ก.ย. 2549 ที่ระดับ 702.56 จุด มาอยู่ที่ 628.19 จุด ในวันที่ 5 ม.ค. 2550 หรือปรับตัวลดลงถึง 10.58% ด้านมาร์เก็ตแคปหายไปถึง 430,084 ล้านบาท จาก 5,153,844.69 ล้านบาท ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 เหลือ 4,723,760 ล้านบาท ในวันที่ 5 ม.ค. 2550
ทั้งนี้ ทั้งในภาคส่วนของเอกชน หรือ รัฐบาล ต่างก็พยายามที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศให้กลับคืนมา โดยในส่วนของกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. มีการเรียกหารือนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ที่จะประชุมกันในวันนี้ (8 ม.ค. 2550) ร่วมกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ 10 แห่ง หาทางเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน และดึงเงินที่ยังอยู่ในตลาดหุ้นอีก 8.3 หมื่นล้านบาทไม่ให้ไหลออกไป

**แกะรอยโบรกฯฝรั่ง CS เทกระจาด 6.4 พันล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจการขายหุ้นของโบรกเกอร์ ในช่วงวันที่ 19 ก.ย. 2549- 5 ม.ค. 2550 พบว่าส่วนใหญ่แรงขายจะมาจากโบรกเกอร์ต่างชาติ ดังนี้
โบรกเกอร์ ยอดขายสุทธิ (ลบ.)
CS -6,474.54
CLSA -5,393.03
BLS -4,313.95
ZMICO -2,966.19
TNS -2,302.54
KIMENG -1,998.20
BFITSEC -1,542.85
KGI -1,141.23
SICSEC -1,097.91
ASP -1,076.47

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 06/01/2007 @ 08:59:56 : re: โบรกฯฟันธงชะลอลงทุน
**หุ้นเก็งกำไรดี๊ด๊า หลังคมช.ครองเมืองราคาพุ่งยกแผง
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด (ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุด) ในช่วง วันที่ 21 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นวันเปิดซื้อขายวันแรกหลังเกิดการปฏิรูปการปกครอง โดยคมช. จนถึงปัจจุบัน (4 ม.ค. 2550) พบว่าราคาหุ้นขนาดเล็ก และหุ้นเก็งกำไรราคาปรับเพิ่มขึ้นเด่นชัด

ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL-W1 มีราคาปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 362.30% ตามมาด้วย บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ LIVE ราคาปรับเพิ่มขึ้น 184% , บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน)หรือ NNCL ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 175.82% ,ใบสำคัญแสดงสิทธิบริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ NEP-W1 ราคาพุ่งขึ้น 167.65% และบริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ NEP ราคาปรับเพิ่มขึ้น 151.50%

ในขณะที่หุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด ปรากฎว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ติดโผด้วย โดยราคาปรับตัวลดลง 68.02% รวมทั้งหุ้นร้อนอย่าง บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME ราคาร่วงลง 53.79%

10 อันดับหลักทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงวันที่ 21 ก.ย.49-4ม.ค.50
หลักทรัพย์ ราคาปิด %เปลี่ยนแปลง
NNCL-W1 2.82 362.30
TASCO-W2 12.90 186.67
LIVE 1.28 184.44
NNCL 4.22 175.82
LNH 47.25 173.12
NEP-W1 3.64 167.65
NEP 8.40 151.50
S&P-W1 14.50 118.05
AMC 6.10 84.85
TKS-W1 1.19 77.61

10 อันดับหลักทรัพย์ราคาปรับตัวลดลงมากที่สุดในช่วงวันที่ 21 ก.ย.49-4 ม.ค.50
หลักทรัพย์ ราคาปิด %การเปลี่ยนแปลง
BTC-W1 0.11 -83.33
STHAI-W1 0.64 -71.43
QH-W3 0.02 -71.43
STHAI 1.94 -68.20
ITV 1.10 -68.02
CSP 2.36 -65.55
PE 0.74 -65.09
MME 2.68 -53.79
TT&T 0.91 -52.85
THANI-W3 0.18 -51.35

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


*หม่อมอุ๋ย มั่นใจ หุ้นตกเป็นเรื่องระยะสั้นยันศก.โดยรวมยังดีอยู่
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันศุกร์ถึง 20 จุด ว่าการปรับลดลงของตลาดหุ้นวันนี้เป็นสถานการณ์ระยะสั้นซึ่งต้องเข้าใจว่านักลงทุนอาจจะเกิดความกลัวไปบ้าง เพราะฉะนั้นขณะนี้ควรจะต้องมองถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยมากกว่าโดยเฉพาะในขณะนี้การส่งออกยังมีเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนยังไปได้ ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศก็ยังเดินได้อยู่ ดังนั้นพื้นฐานเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไปได้จึงไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด

ในเรื่องของการปราบปรามก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง เราไม่สามารถไปยุ่งได้ เราก็จะดูในเรื่องของเศรษฐกิจดูว่าพื้นฐานยังดีอยู่ ทุกอย่างยังไปได้ เชื่อว่าสถานการณ์หุ้นที่ตกจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องใช้ความอดทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรอให้ฝ่ายความมั่นคงจัดการในเรื่องนี้ให้เรียบร้อยม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

ทั้งนี้สถานการณ์หุ้นตกที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเทขายออกมานั้นยอมรับว่านักลงทุนมีทั้งลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในส่วนของนักลงทุนระยะสั้นที่เข้ามาลงทุนในตลาดฯก็มีสิทธิ์ที่จะปรับพอร์ตของตนเองได้ ในขณะเดียวกันหุ้นตกเพียง 20 กว่าจุดก็ถือว่ายังไม่มากเท่าไหร่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะยาวเท่าที่มีการพูดคุยกัน นักลงทุนเหล่านี้จะยังลงทุนอยู่ในประเทศไทยเหมือนเดิม เพราะฉนั้นหากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจบได้เร็วเท่าไหร่ เชื่อว่านักลงทุนก็จะกลับเข้ามาลงทุนได้เร็วเท่านั้น

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า จากกรณีที่มีนักวิเคราะห์มองสถานการณ์การปฏิรูปการปกครองรวมไปถึงการออกมาตรการการสำรองเงินทุน 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทยและสถานการณ์ระเบิดในกทม.มีความเชื่อมโยงกันส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น มองว่าเรื่องต่างๆไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยครั้งแรกการยึดอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อนก็มีผลชัดเจนแล้วว่าไม่มีผลต่อการลงทุนเพราะในระยะสั้นตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการออกมาตรการของธปท.เป็น เพราะการส่งออกเกิดการชะงัก เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้การส่งออกไม่สามารถส่งออกได้ เมื่อมีมาตรการออกมาแล้วค่าเงินบาทก็เริ่มนิ่ง ส่วนเหตุการณ์ระเบิดเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

กับเรื่องระเบิดมันเป็นอุบัติเหตุ ทุกคนก็ไม่อยากให้เกิดจะไปว่าใครก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคนไม่รักชาติ ซึ่งคิดว่าทั้ง3 เรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนนักวิเคราะห์ก็วิเคราะห์มาเราก็วิเคราะห์ไปได้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

**นายกฯ วอนปชช.อย่าเชื่อข่าวลือ
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะข่าวลือถือเป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างความแตกตื่นในหมู่ประชาชน โดยขอให้ประชาชนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) หรือศูนย์วิทยุตำรวจก่อน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เพราะ ณ ขณะนี้เกิดข่าวลือมากมายที่จะสร้างความแตกตื่นให้ประชาชน

ส่วนข่าวลือการปฏิวัติซ้อนที่เกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทฯ เมื่อวันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา เพื่อมุ่งสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลอบวางระเบิดและการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 1-2 เดือนหลังจากนี้ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยความไม่ประมาท ซึ่งในส่วนของความวุ่นวายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นลักษณะที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่นเหตุการณ์ลอบวางระเบิด โดยยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่

ในเรื่องของความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ผมมองเพื่อให้คิดในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ระเบิด โดยสิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่พูดเพราะปรารถนาดี สิ่งที่เตือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วจะได้นำมาเตือนใจ ประชาชนต้องระมัดระวังและขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้รายงานความคืบหน้าผลสรุป

การก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ทราบในช่วงเช้าที่ผ่านมา ความคืบหน้าต่างๆ ในการดำเนินคดีได้มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับทราบ ดังนั้นรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับความมั่นคงจะเป็นหน้าที่ของ กอ.รมน. ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ในเชิงนโยบายเท่านั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่ดำเนินมาตรการใดๆ ในการแก้ปัญหาการลอบก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ แบบเกินกว่าเหตุ เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยรัฐบาลจะพิจารณาการดำเนินการตามที่เห็นสมควรกับสถานการณ์
คงไม่มีอะไรที่เราจะทำเกินกว่าเหตุ หากเข้มงวดมากเกินไปก็จะส่งผลกระทบกับประชาชน ทุกอย่างที่เราจะทำจะทำตามขั้นตอนที่เห็นสมควร นายกฯ กล่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีข้อมูลพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการก่อเหตุวุ่นวายขึ้นอีกในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว และมีข้อมูลในการเตรียมป้องกันการก่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ข้อมูลที่ได้รับยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ซึ่งต้องขอเวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อติดตามข้อมูลให้มีความชัดเจนก่อนจะชี้แจง โดยขณะนี้ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับยังไม่ทราบชัดเจนว่าเหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจะมีความรุนแรงแค่ไหนอย่างไร

ทั้งนี้ จะไม่มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่ประกาศยกเลิกไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากขณะนี้กระบวนการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกได้ดำเนินการไปแล้ว และอยู่ระหว่างการนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ จึงจะไม่มีการทบทวน แม้ขณะนี้จะยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะมีต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน

นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่าไม่สามารถป้องกันเหตุรุนแรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ให้ได้ผล 100% แม้จะมีข้อมูลในการดำเนินการ ทั้งนี้มั่นใจว่าไม่มีรัฐบาลในประเทศใดสามารถทำได้แม้แต่ประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีความมั่นคงอย่างสหรัฐอเมริกา
คงไม่มีรัฐบาลประเทศไหนทำได้ แม้รัฐบาลขนาดใหญ่และมีความมั่นคงอย่างสหรัฐฯ ก็ยังทำไม่ได้เลย นายกฯ กล่าว

**เซียนหุ้นมองตลาดฯยังไม่เห็นอนาคต แนะชะลอลงทุน
หวังรัฐอาจออกนโยบายกู้วิกฤติทำหุ้นรีบาวน์

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมองว่าในที่สุดทางภาครัฐบาลจะออกมาตรการหรือนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆได้ และจะทำให้ดัชนีฯในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์อาจจะฟื้นตัวขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนว่าในระยะนี้ยังหุ้นต่างๆในตลาดฯโดยเฉพาะหุ้นธนาคาร พลังงาน จะยังไม่ปรับขึ้นหากทางรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่แก้ปัญหาที่ชัดเจนออกมา อีกทั้งวันนี้หุ้นปรับลดลงเกือบทั้งกระดานกว่า 90% ดังนั้นจึงมองว่ายังไม่ควรเสี่ยงเข้าลงทุน ทั้งนี้ ให้แนวรับดัชนีฯสัปดาห์นี้ไว้ที่ 620 จุด ให้แนวต้านไว้ที่ 640 จุด

ด้านนายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่าแนวโน้มความเคลื่อนไหวของดัชนีในตลาดหลักทรัพย์สัปดาห์นี้ คาดว่า จะยังมีแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังไม่ดีขึ้น หรือยังไม่มีความคืบหน้า ในเรื่องของการจับตัวผู้ที่ทำผิดได้ อาจมีแรงขายเข้ามาจนทำให้ดัชนีในตลาดหลุด 600 จุด ไปได้

ช่วงนี้ยังไม่แนะนำนักลงทุนให้เข้าลงทุน ควรรอดูความชัดเจนจากสถานการณ์ทางการเมืองไปก่อน ซึ่งในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติน่าจะยังขายต่อเนื่องต่อไป ซึ่งถ้ามีแรงขายในกลุ่มในมาเก็ตแค็ปใหญ่เข้ามา มีลุ้นว่าดัชนีจะหลุด 600 จุดได้ไม่ยาก นายเกียรติก้อง กล่าว

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนรอดูสถานการณ์และยังไม่ควรเข้าลงทุน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาวะตลาดตอนนี้ยังผันผวนไม่แน่นอน แรงขายตอนนี้เกิดจากอารมณ์ของนักลงทุน จึงยังไม่ประเมินแนวรับและแนวต้าน
 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#2 วันที่: 06/01/2007 @ 11:53:46 : re: โบรกฯฟันธงชะลอลงทุน
[b:b76c44d93b">ใครก็ไม่รู้แหละ...คนไม่รักชาติ

รอรับผลของการกระทำ...กรรมติดจรวด[/color:b76c44d93b">[/b:b76c44d93b">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com