April 29, 2024   1:37:48 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แนะหุ้นเด่น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 05/01/2007 @ 09:45:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

TRUE บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ?ซื้อลงทุนระยะยาว?
ราคาปรับตัวลงมากเกินปัจจัยพื้นฐาน
ปัจจัยพื้นฐานยังคงเหมือนเดิมแต่ราคาปรับตัวลดลงมาก : ราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลดลงมากกว่า 30% ในขณะที่ underperform ตลาดไปมากกว่า 20% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการใช้มาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนและเหตุการณ์วางระเบิดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามถ้าดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เราจึงมีการปรับประมาณการคำแนะนำการลงทุนใน TRUE เป็น ?ซื้อลงทุนระยะยาว?

เหตุการณ์วางระเบิดเป็นผลดีกับผู้ประกอบการโทรคมนาคม : เมื่อวานนี้วันเดียวราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลดลงกว่า 8.2% เนื่องจากเหตุการณ์รอบวางระเบิดในกรุงเทพ ซึ่งเรามองว่าการปรับตัวลงไม่สมเหตุสมผลนักเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจะช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีการโทรศัพท์ถึงกันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายให้กับบริษัท

ความเสี่ยงจำกัดที่ระดับราคานี้ : ภายใต้สมมติฐานของเราที่เราทำประมาณการไว้ เราได้รวมความเสี่ยงจากการที่บริษัทจะต้องเพิ่มทุนในปีหน้าไว้ แต่ ณ ระดับราคาตลาดปัจจุบันจะเห็นว่ายังมี upside จากราคาเป้าหมายของเราถึงประมาณ 25% โดยที่ราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่เราทำไว้ยังไม่ได้รวมความเป็นไปได้ที่จะมีการยกเลิกค่าเชื่อมสัญญาณ ซึ่งถ้าท้ายที่สุดแล้วบริษัทสามารถยกเลิกค่าเชื่อมสัญญาณได้จริงก็มีโอกาสที่เราจะปรับราคาตามปัจจัยพื้นฐานได้ในอนาคต เราจึงเชื่อว่าความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงต่อค่อนข้างต่ำ

ปรับคำแนะนำเป็น ?ซื้อลงทุนระยะยาว? โดยมีราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 7.0 บาท : จากการคำนวณโดยวิธีคิดลดกระแสเงินสด เราได้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ 7.0 บาท โดยหลังจากที่ราคา TRUE ปรับตัวลงมากจนมี upside ประมาณ 25% เราจึงมีการปรับคำแนะนำจากขายเป็นซื้อลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตามเราไม่คิดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้นเนื่องจากกลุ่มสื่อสารทั้งกลุ่มยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเรื่องของกฎระเบียบรวมถึงการตรวจสอบสัญญาสัมปทานทั้งหลาย
ที่มา บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

BANKING กลุ่มธนาคาร ?เพิ่มน้ำหนักการลงทุน?
หุ้นเด่นในกลุ่มนี้ :
เหตุการณ์ : ธนาคารแห่งประเทศไทยวางแผนที่จะขายทิ้ง หรือลดจำนวนหุ้น BT, SCIB, และ KTB ในปีนี้ เพื่อที่จะชดเชยผลขาดทุนของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) โดยจะขายหุ้นทั้งในตลาด และขายให้แก่พันธมิตรร่วมทุน (Strategic Investor) ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะขายหุ้น SCIB และ BT ทั้งหมดก่อนสิ้นปี แต่จะขายหุ้น KTB เพียงบางส่วน

บทวิเคราะห์ : คาดว่าจะมีการขายหุ้น KTB, SCIB, และ BT ใน ตลท.ไม่มากนัก : เราไม่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะขายหุ้น SCTB หรือ BT ทั้งหมดใน ตลท.ปัจจุบัน FIDF ถือหุ้น SCIB 100 ล้านหุ้นใน ตลท. ส่วนหุ้น BT จะขายให้แก่บริษัท TPG Newbridge ซึ่งเป็นกองทุนรวม (private equily) ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 นี้
ไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานของ KTB, SCIB หรือ BT : ผลประกอบการของธนาคารทั้ง 3 น่าจะยังคงเข้มแข็งจากฐานเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงและผลกำไรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าการวางระเบิดในช่วงปีใหม่จะส่งผลให้ ตลท. ปรับตัวลดลง ? ระยะสั้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารในราคาถูก

คำแนะนำ : แนะนำ ?ซื้อ? KTB และแนะนำ ?ถือ? SCIB : หากไม่คำนึงถึงความวุ่นวายเกี่ยวกับข่าวการวางระเบิด พอร์ตสินเชื่อและพอร์ตการลงทุนของ KTB และ SCIB นั้นมีผลประกอบการที่ดีในปี 2549 และต่อเนื่องในปีนี้ เราคาดว่า KTB และ SCIB จะมีอัตราการเติบโตสินเชื่อในปี 2550 สูงขึ้นที่ 6.4% และ 5.3% ตามลำดับ
เราแนะนำ ?ซื้อ? KTB เป็นลำดับแรกในฐานะที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ (public infrastructure projects) ที่จะดำเนินการต่อไปในปีนี้ และเรายังคงแนะนำ ?ถือ? SCIB
ที่มา บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

SCIB ธ.นครหลวงไทย ?ซื้อลงทุนระยะยาว?
แม้ปรับราคาเป้าหมายลดลง แต่ราคาปรับตัวลงมากกว่าพื้นฐาน
คำแนะนำการลงทุน : แม้เป็นธนาคารที่มีเปอร์เซ็นต์ NPL ต่อสินเชื่อในหุ้นกลุ่มธนาคาร และมีสำรองส่วนเกินเพียบพอที่จะรองรับต่อการเปลี่ยนเกณฑ์ IAS 39 แต่จากนโยบายอนุรักษ์นิยมของผู้บริหารที่ต้องการจะเพิ่มสำรองส่วนเกินให้เพียงพอที่จะรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่างๆของ ธปท.ในอนาคต จึงยังคงนโยบายสำรองขั้นต่ำ 400 ล้านบาทต่อปี ทำให้ฝ่ายวิจัย ACLS ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2549 ? 2550 ลงจากเดิม และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 21 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็น P/E ที่ 9.8 เท่าและ P/BV ที่ 1.2 เท่าของประมาณการปี 2550 ราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับลดลงมาแรงเกินปัจจัยพื้นฐานถือเป็นโอกาส ?ซื้อลงทุนระยะยาว? โดยคาดว่าจะได้เงินปันผลจากกำไรครึ่งปีหลังอีก 0.50 บาทต่อหุ้นอีกด้วย

สาระสำคัญ : คาดสินเชื่อทั้งปีลดลง 20% YoY เพราะการคืนตั๋วเงิน บบส.สุขุมวิท 6.7 หมื่นล้านบาท : 11M49 สินเชื่อลดลง 19.95% จากปี 2548 เทียบกับ 9M49 ที่สินเชื่อลดลง 21.6% จากปี 2548 ทั้งหมดเกิดจากการคืนตั๋วเงิน บบส.สุขุมวิท 6.7 หมื่นล้านบาทเมื่อกลางปี 2549 หากไม่รวมรายการดังกล่าวพบว่าสินเชื่อ 11M49 เพิ่มขึ้น 3.7% จากปี 2548 สำหรับทั้งปี 2549 คาดว่าสินเชื่อรวมการคืนตั๋วเงิน บบส.สุขุมวิทจะลดลง 20% YoY โดยในปี 2550 คาดสินเชื่อจะสามารถเพิ่มขึ้นได้ 4% ? 5% YoY
คาดสำรองไตรมาส 4/49 สูงกว่าไตรมาส 3/49 : ไตรมาส 3/49 มีการตั้งสำรองระหว่างงวดที่ 214 ล้านบาท แต่จากที่ 9M49 สำรองอยู่ที่ 52 ล้านบาทเพราะ 1H49 มีการกลับรายการส่วนสูญเสียจากการปรับโครงสร้างหนี้สูงถึง 361 ล้านบาท จึงประมาณการสำรองไตรมาส 4/49 ที่ 300 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40% QoQ และทำให้สำรองทั้งปี 2549 อยู่ที่ 352 ล้านบาท
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ลดลง 10% เป็น 4.5 พันล้านบาท : จาก MIN ปี 2550 คาดว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยจากปี 2549 เพราะต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น YoY และสภาพคล่องส่วนเกินที่เหลือจากการคืนตั๋วเงิน บบส.สุขุมวิท ตั้งแต่กลางปี 2549 คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนในตลาดเงินปี 2550 ที่ต่ำกว่าปี 2549 ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานปี 2550 คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้น 11% ? 13% YoY จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น YoY และค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาระบบ IT ที่หมดช่วงการันตี ส่งผลให้ฝ่ายวิจัย ACLS ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ลงอีก 10% จากเดิม

KTB ธ.กรุงไทย ?ซื้อ?
สำรองที่เพิ่มขึ้นรุนแรงในปี 2550 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
คำแนะนำการลงทุน : แม้ว่าสำรองในไตรมาส 4/49 จะเพิ่มขึ้น 58% QoQ และทำให้สำรองทั้งปี 2549 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท แต่ถือว่าต่ำหากเทียบกับประมาณการสำรองปี 2550 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ลดลงต่ำสู่ระดับ 9 พันล้านบาทหรือลดลง 39% YoY แม้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2549 จะสามารถเพิ่มขึ้นได้ 13.6% YoY ก็ตามฝ่ายวิจัย ACLS ยังคงเป้าหมายเดิม 13 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ที่ 16.1 เท่าและ P/BV ที่ 1.8 เท่าของประมาณการปี 2550 เพราะการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิในปี 2550 ถือเป็นรายการพิเศษที่ไม่ต่อเนื่องไปในปี 2551
สาระสำคัญ : คาดสินเชื่อปี 2549 เพิ่มขึ้น 2% ? 3% YoY : 11M49 สินเชื่อเพิ่มขึ้น 1.8% จากปี 2548 ทั้งที่ 9M49 สินเชื่อเพิ่มขึ้น 2.2% จากปี 2548 เพราะทั่วไปไตรมาส 4 ลูกหนี้รายใหญ่มักมีการคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น สำหรับปี 2550 ผู้บริหารยังคงป้าหมายอัตราการขยายตัวสินเชื่อที่ 6% ? 7% YoY ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวของ GDP ที่ 4% ? 5% ใกล้เคียงกับปี 2549
ลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้นตามเกณฑ์คุณภาพของ ธปท.อาจได้รับการผ่อนผัน ทำให้สำรองเกิดขึ้นจริงอาจต่ำกว่าคาด : จากข้อมูลตัวเลข NPL และสำรองส่วนเกินในไตรมาส 3/49 คาดว่า KTB จะต้องมีการตั้งสำรองส่วนเพิ่มตามเกณฑ์ IAS 39 ระหว่างไตรมาส 4/49 ? ปี 2550 ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นตัวเลขที่รวมจำนวน NPL ที่มีการจัดชั้นตามเกณฑ์คุณภาพตามคำสั่ง ธปท. ซึ่งบางส่วนอาจได้รับการผ่อนผันไม่ต้องสำรองเพิ่มขึ้นหากลูกหนี้นั้นๆ มีการชำระหนี้แต่ละงวดเท่ากับประมาณการ Cash flow จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนสำรองที่เกิดขึ้นจริงในปี 2550 อาจจะต่ำกว่าประมาณการเบื้องต้นในปัจจุบัน
ความเสี่ยงของกำไรปี 2550 ขึ้นอยู่กับอัตราการขยายตัวของสินเชื่อว่าจะเป็นไปตามคาดหรือไม่ : จากเป้าหมายอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2549 ที่ 6% ? 7% YoY ซึ่งกำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เกิดขึ้นจริงเพียง 2% ? 3% YoY เท่านั้น ขณะที่ประมาณการ NIM ปี 2550 จะทรงตัวจาก YoY ดังนั้นรายได้รวมที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2550 จึงพึ่งพิงต่ออัตราการขยายตัวของสินเชื่อเป็นหลัก หากไม่ได้ตามเป้ากำไรที่เกิดขึ้นจริงก็จะต่ำกว่าประมาณการที่คาดไว้
ที่มา บล.สินเอเชีย จำกัด (มหาชน) [/color:8e6caf6304">

.0007 .0007

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com