มรสุมถล่มหุ้นเก็งกำไรซบ LIVE2วันราคารูดกว่า21%

หุ้นเก็งกำไรเริงร่าไม่ออก โดนผลกระทบมรสุมตลาดหุ้นไทยกระหน่ำ แค่ 2 วันทำการ LIVE รูด 21% ขณะที่ MME ไม่น้อยหน้าเกือบ 17% โบรกฯระบุต่างชาติทิ้งหุ้นใหญ่ ส่วนนักลงทุนไทยเมินหุ้นเล็ก แนะเลี่ยงลงทุนดีที่สุด ระบุถือเงินสดปลอดภัยไร้ความเสี่ยง

ความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มที่นักลงทุนเรียกว่า หุ้นเก็งกำไร ในช่วง 2 วัน หลังเริ่มต้นการซื้อขายในปี 2550 แม้ว่านักวิเคราะห์หลายรายจะปรับเปลี่ยนคำแนะนำพร้อมมุมมองในการลงทุน จากคำแนะนำที่ให้ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจดี เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนักลงทุนต่างชาติ และมีพื้นฐานรองรับ

ทั้งนี้ ในช่วง 2 วันทำการ พบว่า แรงซื้อขายที่ยังเข้ามาในหุ้นขนาดเล็กส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ตลอดปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องมูลค่าการซื้อขายที่บางบริษัทสูงมากกว่า 1 พันล้านบาทต่อวัน หรือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในแต่ละวันรุนแรงไม่ว่าจะเป็น บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC, บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME, บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI, บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE, บริษัท ดราก้อน วัน จำกัด (มหาชน) หรือ D1

สำหรับราคาหุ้น 5 บริษัท ณ วันที่ (4 ม.ค.) หุ้น LIVE ราคาปิดที่ 1.28 บาท ลดลง 0.18 บาท หรือ 12.33% มูลค่าการซื้อขาย 496.29 ล้านบาท, หุ้นMME ราคาปิดที่ 2.68 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 3.60% มูลค่าการซื้อขาย 10.99 ล้านบาท, หุ้น IEC ราคาปิดที่ 1.11 บาท ลดลง 0.03 บาท หรือ 2.63% มูลค่าการซื้อขาย 72.34 ล้านบาท, หุ้น D1 ราคาปิดที่ 1.54 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 1.28% มูลค่าการซื้อขาย 6.26 ล้านบาทและหุ้น PICNI ราคาปิดที่ 0.35 บาทไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 26.35 ล้านบาท

หากพิจารณาเทียบราคาจากราคาปิดสิ้นปีเมื่อวันที่ (29 ธ.ค.) พบว่าราคาหุ้น LIVE ปรับตัวลดลง 0.34 บาท หรือ 20.98% จากราคาปิดซึ่งอยู่ที่ 1.62%, หุ้น MME ปรับตัวลดลง 0.54 บาท หรือ 16.77% จากราคาปิดซึ่งอยู่ที่ 3.22%, หุ้น D1 ปรับตัวลดลง 0.17 บาท หรือ 9.94% จากราคาปิดซึ่งอยู่ที่ 1.71%, หุ้น IEC ปรับตัวลดลง 0.10 บาท หรือ 8.26% จากราคาปิดซึ่งอยู่ที่ 1.21%, หุ้น PICNI ปรับตัวลดลง 0.02 บาท หรือ 5.4% จากราคาปิดซึ่งอยู่ที่ 0.37%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นจากแรงขายนักลงทุนต่างชาติในส่วนของหุ้นขนาดใหญ่หรือนักลงทุนรายย่อยในประเทศในส่วนที่มีขนาดเล็ก รวมถึงหุ้นที่มีการเก็งกำไรค่อนข้างมาก เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนทุกกลุ่มยังมีความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ

ทั้งนี้ น่าจะยังเห็นว่าแรงเทขายออกมาจากหุ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กที่ราคาแกว่งตัวค่อนข้างรุนแรงเพราะนักลงทุนรายย่อยค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในต่างประเทศและเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศ

ในส่วนของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้ สิ่งที่สำคัญคือเงินที่จะนำมาลงทุนควรจะเป็นเงินเย็นที่สามารถรอระยะเวลาที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เพราะยังถือได้ว่าตลาดหุ้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณาให้รอบคอบเนื่องจากสถานการณ์ในตลาดหุ้น ขณะนี้ยังสามารถที่จะปรับขึ้นลงได้โดยตลอดหากได้รับปัจจัยเข้ามาหนุน

เราไม่แนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้ ทั้งในหุ้นขนาดเล็กและหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากดัชนีและราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก แต่ถ้านักลงทุนรายใดมีเงินเย็นที่สามารถลงทุนได้ก็เป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีที่น่าลงทุนแหล่งข่าวกล่าว

.000009