Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 26/12/2006 @ 10:23:43 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต *แม้วานนี้ดัชนีจะบวกขึ้นไปถึง 4 จุด และขึ้นมาปิดที่ 684.32 จุดอย่างแข็งแกร่ง แต่หากดูมูลค่าการซื้อขายที่มีแค่ 5 พันล้านบาท ก็ทำให้ โมนิก้า เซ็งในอารมณ์...!เป็นอย่างมาก เพราะสภาพตลาดหุ้นตอนนี้เหมือนตลาดที่วายแล้ว โอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นอย่างมั่นคง ถึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้นะซี
*สิ่งมที่เดี๊ยนหวังมากที่สุดในยามนี้ คือ อยากให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมากระทุ้งว่า คนที่ทำให้ตลาดหุ้นพังพาบ ต้องออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายเข้าไปในกลีบเมฆ เพราะท้ายที่สุดตลาดหุ้นจะถูกมองข้ามหัวไปอย่างน่าสะเทือนใจพะยะค่ะ
*โมนิก้า เคยเห็นหลายประเทศไม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดหุ้น หลังจากนั้นไม่กี่ปีเศรษฐกิจของประเทศกลับต้องพังพาบลงในพริบตา แล้วจะปล่อยให้เดี๊ยนนั่งทอดอารมณ์ไปวันๆ เหมือนพวก รสนา จำลอง และ สุริยะใส ได้อย่างไร...ในเมื่อตลาดหุ้นอันเป็นที่รักกำลังถูกบุคคลเหล่านี้ทำลายอย่างโจ๋งแจ้ง
*เดี๊ยนไม่เคยคิดรำเริบบุญคุณใครทั้งสิ้น แต่อยากให้คุณๆ ท่านๆ ย้อนอดีตแล้วรำลึกไปถึงเหตุการณ์ช่วงวิกฤติการณืต้มยำกุ้งในปี 2540 ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ฟื้นตัวขึ้นมาได้กันเป็นแถบ
โดยอาศัยตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือในการออกตราสารประเภทต่างๆ รวมทั้งเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อนำมาใช้ในกิจการ...แล้วมาบอกว่าตลาดหุ้นไม่ดีได้อย่างไร
*โมนิก้า ถึงต้องรบกวนพวก มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ตักน้ำใส่ระโหลกชะโงกดูสารรูปตัวเองซะบ้างว่า ไม่ได้วิเศษกว่าคนทั่วไป และอย่าได้ชักนำให้คนอื่นๆ เห็นคล้อยในเรื่องที่ถูกเป็นเรื่องที่ผิด เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางของ วีรบุรุษ หลังการกระทำดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างชาติเผ่นแนบออกจาตลาดหุ้นนะซี
*โชคดีที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติกลับลำมาซื้อหุ้นอีก 268 ล้านบาท แต่ยอดซื้อดังกล่าวก็ยังไม่มีนัยสำคัญต่อการทะยานขึ้นของดัชนีอยู่ดี โมนิก้า ถึงยังไม่โล่งอก(เพราะไซด์ของเดี๊ยน 36-24-36 น้องๆ กระแตเชียวน่า) เพราะตัวแปรที่บอกว่า ต่างชาติไม่ถอนการลงทุนอยู่ที่ปีหน้า ยังมียอดซื้อสุทธิเข้ามาต่อเนื่องหรือไม่เจ้าค่ะ
*ผลพ่วงจากเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้เดี๊ยนรู้สึกเซ็งในอารมณ์ไม่หาย เพราะคำชี้แจงของคนใน ธปท. และหม่อมอุ๋ย มันช่างเข้ากับตำราที่ว่า คนดีชอบแก้ไข คน...ชอบแก้ตัว เลยพับผ่าซิ
*หลังจากที่ โมนิก้าเอยถึงการลาออกขอผู้บริหารแบบน่าสงสัยไปแล้ว ล่าสุดก็มีโผล่มาอีกแล้ว คือ พ.ต.อ. รวมนคร ทับทิมธงไชย ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานกรรมการบริหาร TRAF โดยมีผลไปเรียบร้อยตั้งแต่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
*การลาออกในขณะที่แผนการเพิ่มทุนของบริษัทยังไม่สำเร็จแบบนี้ เดี๊ยนไม่อยากจะคิดเลยคะว่า จะเป็นการถอยเพื่อให้คนอื่นเข้ามาเสียบแทนหรือเปล่าคะเนี้ยะ เพราะดูระยะเวลาที่ พ.ต.ท. รวมนคร เข้ามาถือหุ้น TRAF นานถึง 5 เดือน นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน 7 ทำให้เห็นว่า คงจะไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้เลย แม้กระทั้งการเพิ่มทุนที่ยังไม่สามารถ ถูกผู้ถือหุ้นรายย่อยคัดค้านเอา จนเพิ่มทุนไม่สำเร็จ
*งานนี้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เจ้าของเดิมอย่าง สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ที่ทิ้งไว้ให้พ.ต.ท.รวมนคร นั้น หนักหนาเหลือเกินคะ ช่วงนี้คงต้องจับตาดูว่าจะมีใครหน้าไหนเข้ามานั่งตำแหน่ง CEO ของบริษัทแทน จะเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมส่งมาหรือไม่ ต้องดูอย่างใกล้ชิดคะ
*สำหรับในรายของ จเรรัฐ ปิงคลาศัย ผู้บริหาร D1 ก็ทยอยปล่อยหุ้นทิ้งออกมาแล้วละคะ โดยล่าสุดโยนหุ้นออกมาอีก 3.01 % โดยเหลืออยู่ในพอร์ตเพียง 23 % เท่านั้น อันนี้ โมนิก้า ก็ไม่เข้าใจนะคะว่า ทำไมถึงต้องขายออกมาด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ จเรรัฐก็บอกเองว่าจะไม่ขายหุ้นอีกแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นเช่นนี้ไปได้
*เดี๊ยนไม่อยากจะถวงสัญญาที่ผู้บริหารท่านนี้เคยให้ไว้นะคะว่า เมื่อวันวานเคยพูดผ่านสื่อว่า จะไม่ทิ้งหุ้นต่ำกว่า 30 % แล้ว เห็นแบบนี้ไม่อยากจะวิเคราะห์เลยคะว่า ธุรกิจการเทคโอเวอร์ ของ D1 เริ่มที่จะมีปัญหาแล้วหรือเปล่าคะเนี้ยะ แบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วละคะ เพราะในเมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ควบตำแหน่งผู้บริหารยังทิ้งหุ้นแบบนี้ คิดว่าคงจะไว้ใจไม่ได้แล้วกระมังคะ
* โมนิก้า ขอปรบมือให้กับ วิฑูรย์ ว่องกุศลกิจ ผู้บริหารของ BANPU ที่เป็นพี่ชายของ ชนินท์ ที่กล้าเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทตอนที่ร่วงลึกถึง 132 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ซื้อต่ำที่สุดในบรรดาผู้บริหารของบริษัท และไม่ใช่ซื้อน้อยๆ นะคะ เพราะงานนี้ซัดเข้าไปตั้ง 1 หมื่นหุ้น ถือว่าใจเด็ดมาก โดยเฉพาะซื้อวันที่ 19 ธันวาฯ
*เมื่อเห็นราคาหุ้น BANPU ตอนนี้แล้ว คงอาจจะทำให้หลายๆ คนอิจฉา ความกล้าของ วิฑูรย์ ที่เข้าไปลุยหุ้นตัวเอง ตนร่วงต่ำ ซึ่งวันนี้ราคาก็วิ่งกลับมาที่เดิมอีกแล้ว แถมฟันกำไรไปแล้ว 5 แสนบาทถ้วน(ยังไม่หักค่าคอม) ไม่รู้นะคะว่าอนาคตอันใกล้นี้ หุ้น BANPU จะมีข่าวดีอะไรโผล่มาให้เห็นอีกหรือเปล่าคะเนี้ยะ ซึ่งมองว่ามีความเป็นไปได้สูงคะ ราคาหุ้นปิดที่ 183 บาท บวกไป 2 บาท
*ที่สำคัญสภาพการลงทุนตลอดอาจซบเซาอย่างหนักตลอดทั้งสัปดาห์ และอาจไม่มีเหตุการณ์ window dressing เหมือนที่เคยเกิดขึ้น...ขนาดมูลค่าการซื้อขายช่วงคริสมาสต์ปีก่อนว่าซบเซาหนักๆ ยังปาเข้าไปถึง 7 พันล้านบาท แล้วปีนี้สภาพการเมือง และเศรษฐกิจก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ แล้วมันจะไปเหลืออะไรหล่ะ...พูดแล้วเซ็งจริงๆ ค่ะ[/color:5019be3b57">
|
