May 14, 2024   2:00:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะหุ้น.....ธุรกิจปกติ (Business As Usual) ?
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 25/12/2006 @ 09:28:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นมีการเคลื่อนไหวในกรอบ 660 -700 จุด โดยแนวโน้มระยะสั้นเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดแม้ว่าความกังวลเกี่ยวกับนักลงทุนต่างประเทศอาจจะชะลอการลงทุนยังไม่จางหายจากความรู้สึกก็ตาม แต่โดยความเป็นจริงแล้วธุรกิจยังคงต้องดำเนินไปตามปกติไม่ว่าฝรั่งจะมาหรือไม่มา ?ตลาดหุ้นยังคงเปิดทำการต่อไป? หากว่าตลาดหุ้นไทยดีจริงจะกวักมือเรียกฝรั่งให้กลับเข้ามาลงทุนเอง

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 680.31 เพิ่มขึ้น 4.21 จุดโดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 13,662 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นมีทั้งสิ้น 225 หลักทรัพย์ ลดลงมี 111 หลักทรัพย์ และอีก 100 หลักทรัพย์ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีสูงสุด 680.31 เพิ่มขึ้น 4.21 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 671.29 ลดลง 4.81 จุด ภาพที่เกิดขึ้นฟ้องว่าแนวโน้มในสัปดาห์นี้ตลาดมีศักยภาพสำหรับการฟื้นตัวในทางเทคนิคค่อนข้างสูง หากไม่ทำจุดต่ำ ๆ กว่า 670 และทะลุแนวต้านบริเวณ 690 จุดขึ้นไปได้จะมีทางวิ่งประมาณดัชนี 700 -715 จุด

ทิศทางด้านเทคนิคระยะสั้นฟ้องว่าตลาดหุ้นระยะสั้นเริ่มกลับหลังหันหลังจากตกใจเรื่อง มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยสัญญาณ Candlestick นั้นส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดำเนินต่อไปโดยทิศทางระยะสั้นคือการทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 690 จุด ทั้งนี้ดัชนีได้ผ่านการปรับตัวจากการขายทำกำไรมาบริเวณดัชนี 670 จุดซึ่งเป็นการปรับฐานราคาในอัตราประมาณ 30% (1/3) ส่วนการปิดสูงของดัชนีแม้ว่าจะค่อนข้างดูเหมือน ?สถาบันจะเป็นคนหนุนหลัง? ก็ทำให้มองว่าจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นและมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งกล้าถือหุ้นกลับไปค้างคืนเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

สำหรับตัวแปรที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวแปรเสริมทิศทางการฟื้นตัวคือ ตลาดหุ้นไทยได้ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 587 จุด ซึ่งทำให้การจบรูปแบบการขึ้นของดัชนีจากระดับ 673 -748 นั้นจบในท่าที่ ?ไม่สวย หากเป็นศพก็เรียกว่า หมอไม่รับเย็บอะไรทำนองนั้น? แต่ในแง่รูปแบบนั้นดัชนีได้พบจุดต่ำสุดและจุดวกกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้นักลงทุนอาจจะเหงาเพราะ ?อั่งม๊อหรือฝรั่ง? ไม่เล่นด้วยก็จะเล่นอย่างไรไปเที่ยวและฉลองคริสต์มาสดีกว่า มากังวลว่า ?ทางการไทยจะทำอะไรกับค่าเงินบาท? หรือไม่ สู้ถือเงินสดรอจังหวะน่าจะดีกว่า
แต่ตัวแปรที่น่าติดตามคือกองทุนในประเทศที่ถือโอกาสใช้กลยุทธ์ ?เสือสวมรอย? ในจังหวะที่ฝรั่งไม่ยุ่งเข้ามาเก็บหุ้น แต่สิ่งที่ไก่ทองสงสัยคือ กองทุนรับใบสั่งมาหรือไม่ เพราะเจตนาในการซื้อหุ้นนั้นเข้าทำนอง ?ขายถูกซื้อแพง? ดันราคาสูงจน ?เว่อร์(Over)? ทำให้เป็นที่สงสัยกันว่า ?เจตนาที่แท้จริง? ของกองทุนนั้นเป็นอย่างไรชาวบ้านเขาสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะกองทุนที่ระดมทุนจากประชาชนที่ต้องการประหยัดค่าภาษีและมาซื้อกองทุนประหยัดภาษีกันในช่วงปลายปีอาจจะต้องติดตามผลงานของกองทุนอย่างใกล้ชิด เพราะเล่นซื้อแพง ขายถูกบ่อย ๆ เข้า ถามว่ากำไรจะมาจากที่ไหน NAV จะเป็นอย่างไร ที่สำคัญข้อมูลที่ประกาศให้นักลงทุนดีใจนั้นถูกต้องหรือเปล่าพูดถึงความถูกต้องของข้อมูล มีนักลงทุนบางท่านติดตลก ถึงการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ?โฉ่งฉ่าง? กล่าวติดตลกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องไปดำเนินนโยบายแบบรุนแรงประเภท ?ถีบตกเขา? ก็ได้ เพียงแต่แค่ประกาศตัวเลขทุนสำรองผิดจากปกติสัก 10 -15 % หรือประกาศว่ายอดส่งออกต่ำกว่าเป้าอย่างเหนือความคาดหมาย

แค่นี้นักเก็งกำไรค่าเงินก็ ?วิ่งแจ้นแล้ว? ค่าเงินก็อ่อนตัวลงโดยแทบไม่ต้องออกแรง หลังจากนั้นอีก 3 วันค่อยมาแถลงข่าวว่า ?เจ้าหน้าที่พิมพ์ตัวเลขทศนิยมหายไป 2 ตำแหน่ง? แค่นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่ต้อง ?กลืนน้ำลายตัวเองแล้วบอกว่าทำดีที่สุดแล้วเพื่อใคร ถ้าทำดีแล้วคงไม่มีใครเขาว่านักลงทุนว่าจริงไหม?? แต่ความน่าเชื่อถืออาจจะหายไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
เอาเป็นว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กลับมาดูแนวโน้มการลงทุนระยะสั้นดีกว่า ว่าหลังจากเทศกาลคริสต์มาสวันจันทร์นี้จะเป็นอย่างไร และหุ้นกลุ่มใดน่าสนใจในทางเทคนิค ซึ่งในมุมมองไก่ทองเชื่อว่า ระดับราคาหุ้นปัจจุบันเป็นระดับราคาที่น่าสนใจเนื่องจากส่วนใหญ่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าช่วงเกิดเหตุการณ์ในระดับที่มากเพราะการฟื้นตัวขึ้นของราคานั้นไม่สามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในเวลาอันสั้น เพราะทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างยากเหมือนที่สุภาษิตโบราณบอกว่า ?เข็นครกขึ้นภูเขา? แต่ถ้าเข็นแล้วขึ้น จะไม่สนใจหรือ

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจช่วงปลายปีนั้น มีทั้ง กลุ่มลงทุนและกลุ่มเก็งกำไรประเภท ?Money Game? ซึ่งใครมีรสนิยมแบบใดก็เลือกกันได้ตามอัธยาศัย เพราะเป็นคนบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนเอง คนชอบหุ้นฝรั่งอาจจะต้องอึด(อัด) หน่อยเพราะฝรั่งเขาเริ่ม ?เบื่อ? ตลาดหุ้นไทย(ในความคิดของเรา แต่จริง ๆ เขาอาจจะมองเป็นโอกาสก็ได้) ส่วนใครชอบหุ้นประเภท ?รถซิ่ง? เวลาตลาดเงียบ ๆ หุ้นเหล่านี้มักจะเป็น ?ตัวชูโรง? ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับหุ้นเกรดลงทุนที่น่าสนใจเช่น KTB PTTEP PTT SCB KBANK BBL RRC TOP LH AMATA ยังเป็นพระเอก ส่วนหุ้นเกรด ?กระชากใจ? เช่น APURE ASL IEC PICNI EVER MME TRUE TPIPL IRPC เป็นต้น


.000005

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com