May 14, 2024   2:16:27 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 25/12/2006 @ 09:16:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกแนะทยอยสะสม SSI ?GSTEEL และ TSTH ก่อนแนวโน้มอุตสาหกรรมและความต้องการใช้ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านตันหรือเพิ่มขึ้น 17-20%จากในปี 2549 โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยด้านลบหลายๆ ประการที่ได้ผ่อนคลายลงทั้ง ราคาน้ำมัน- การเมือง- ดอกเบี้ย และเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัว

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงงานเสวนา ?อุตสาหกรรมเหล็กไทย จะเลือกทิศทางใดในกระแสโลกาภิวัตน์? ว่าสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2550 จะมีปริมาณความต้องการใช้เหล็กรวมเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านตัน หรือ เพิ่มขึ้น 17% จากในปี 2549 ที่คาดหมายว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้เหล็กรวมเท่ากับ 12 ล้านตัน หรือ ลดลง 10%

เนื่องจากในปีนี้ถูกกระทบจากปัจจัยทางด้านการเมือง สอดคล้องกับความ
เห็นของฝ่ายวิจัยที่ได้ออกบทวิเคราะห์
กลุ่มเหล็กก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2549 ที่ประเมินว่าความต้องการใช้เหล็กปีหน้าจะขยายตัว15-20% โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยด้านลบหลายๆ ประการที่ได้ผ่อนคลายลงไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำมันแพง การเมืองไม่วุ่นวายเหมือนปีนี้ ดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับลดลง และ เศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัวจากปีนี้

ทั้งนี้ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน และ เหล็กเส้น ในตลาดโลก โดยอ้างอิงกลุ่มประเทศรัสเซียเก่า (CIS) ค่อนข้างนิ่ง คือ ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนทรงตัวที่ระดับ 505 เหรียญต่อตัน เช่นเดียวกับ ราคาเหล็กเส้นอยู่ที่ระดับ 455 เหรียญต่อตัน สำหรับสถานการณ์ราคาเหล็กในประเทศจีนปรากฏว่า ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 3,950 หยวนต่อตัน ส่วนราคาเหล็กเส้นได้กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยเป็น 3,109 หยวนต่อตัน จากราคาเฉลี่ยในเดือน พ.ย. 3,077 หยวนต่อตัน

อย่างไรก็ตามในระยะยาวเรายังกังวลความผันผวนของราคาเหล็กในตลาดโลกจากภาวะอุปทานส่วนเกินในประเทศจีน สำหรับหุ้นกลุ่มเหล็กที่ฝ่ายวิจัยแนะนำทยอยสะสม คือ กลุ่มเหล็กรีดร้อน SSI (ราคาเป้าหมาย1.3 บาท), GSTEEL (ราคาเป้าหมาย 1.4 บาท) และ กลุ่มเหล็กเส้น TSTH (ราคาเป้าหมาย 1.3 บาท) อย่างไรก็ตามคำแนะนำ ทยอยสะสม เป็นคำแนะนำ ซื้อแบบระมัดวัง เพราะ สถานการณ์เหล็กในตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะประเด็นอุปทานส่วนเกินจากประเทศจีน

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 25/12/2006 @ 09:51:28 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:9f142b4770">บล.กิมเอ็ง [/b:9f142b4770">

บทวิเคราะห์

แนวโน้มตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนมากหยุดทำการเนื่องในวันคริสมาสต์ ดังนั้นเราคาดว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เราเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กโดยไม่สนใจหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นมูลค่าตลาดสูงยังคงถูกกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ
มาตรการของธปท.นั้นทำให้จิตวิทยาตลาดปั่นป่วนไปทั่วตลาดเงิน โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงถล่มขายตลาดหุ้นไทยและตลาดตราสารหนี้และชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.35 พันล้านบาท ทำให้ยอดขายสุทธิทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมามโหฬารถึง 3.1 หมื่นล้านบาท

ความพยายามของรัฐบาลไทยในการเรียกความเชื่อมั่นต่อต่างชาติให้กลับมาอีกครั้ง น่าจะมีอุปสรรคจากข่าววันนี้ที่ระบุว่า การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานของสนามบินสุวรรณภูมิอาจทำให้จะต้องมีการปิดปรับปรุงบางส่วนซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดใช้งานอีกครั้งของสนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ

อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจกดดันตลาดหุ้นไทย คือข้อกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ยอดคำสั่งสินค้าคงทนลดลงอย่างน่าตกใจ อันกดดันดัชนีตลาดหุ้น Wall Street โดยดัชนี Dow และ Nasdaq ต่างปรับตัวลง 0.6% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 36.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเช้าวันนี้ ถือว่าอ่อนจากสัปดาห์ก่อนที่ 35.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งที่สุดในรอบ 9 ปีค่อนข้างมาก เรามองว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่านี้เป็นแรงหนุนราคาหุ้นกลุ่มออก ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ TUF, CPF, CCET และ DELTA รวมถึงหุ้นกลุ่มเดินเรือที่ได้รับรายได้หลักเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ อันได้แก่ TTA และ PSL

หุ้นน่าจับตา
BEC ยังคงน่าสนใจจากการที่ทางช่อง 3 จะมีการปรับผังรายการสำหรับวันสุดสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมกราคม รวมทั้งมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาสำหรับรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ 13% เป็น 175,000 บาท/นาที เราประเมินว่ากำไรปกติปีนี้จะเติบโต 109% เป็น 1,838 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นอีก 11% เป็น 2,045 ล้านบาทในปีหน้า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเหมาะสม 23 บาท

บทวิเคราะห์วันนี้
- CCET <4.44 บาท : ซื้อ> คาดกำไรแข็งแกร่งในไตรมาส 4/49-1/50 / เงินปันผลน่าสนใจ
- BEC <20.40 บาท : ซื้อ> สรยุทธ์เข้ามาทำรายการเพิ่มขึ้น
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#2 วันที่: 25/12/2006 @ 10:04:15 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:31b935a1b0">บล.เกียรตินาคิน [/b:31b935a1b0">

กลยุทธ์การลงทุนโดยภาพรวม สำหรับระยะสั้น ให้เป็นการดีดขึ้นทยอยขายหุ้นกลุ่มหลักไปก่อน
ส่วนกลยุทธ์ระยะกลาง ให้เป็นถือเงินสดรอซื้อรอบใหม่ จนกว่าเราจะเห็นความผันผวนลดน้อยลง และตลาดมีสัญญาณบวกหรือปัจจัยบวกชี้นำใหม่ๆ ต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ
ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ (22 ธ.ค.49) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 680.31 จุด ปรับลงจากระดับ 736.29 จุด ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ธ.ค.49) หรือปรับลง 55.98 จุด หรือ ?7.60% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์อยู่ที่ 171,301 ล้านบาท ปรับลงจาก 51,202 ล้านบาท จากสัปดาห์ก่อน เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันทั้งสัปดาห์เฉลี่ยอยู่ที่ 34,260 ล้านบาท ปรับลงจาก 12,800 ล้านบาท จากสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิ จำนวน 31,090 ล้านบาท จากขายสุทธิ จำนวน 1,786 ล้านบาท จากสัปดาห์ก่อน เมื่อพิจารณาทั้งปี 2549 พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิ จำนวน 84,179 ล้านบาท

Turnover List
ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลักทรัพย์จำนวน 4 หลักทรัพย์ ที่เข้าข่ายต้องยื่นรายงานต่อ ก.ล.ต. มีรายละเอียดดังตาราง

อันดับ หุ้น % 1W-Turnover P/E Ration หรือบริษัท
ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน
1 ITV 173.75 3.62
2 AJ 162.19 8.94
3 PICNI 112.61 ขาดทุน
4 KMC 78.09 ขาดทุน
5 SYNTEC 56.97 13.93
6 GSTEEL 37.39 5.96
7 IEC 31.39 ขาดทุน
8 PHATRA 26.67 10.45
9 TRUE 20.2 ขาดทุน

ที่มา : ก.ล.ต. Turnover List ของสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ธ.ค.49

PTT วางแผนลงทุน 5 ปี วงเงินรวม 2.09 แสนล้านบาท หรือประมาณ 84% ของการลงทุนในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
PTT วางแผนลงทุน 5 ปี (ปี 50-54) ในวงเงินรวม 2.09 แสนล้านบาท หรือประมาณ 84% ของการลงทุนในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดหาเงินกู้ 5 ปี จากเดิมที่มีแผนจัดหาเงินกู้ปี 49-53 ในวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท โดยการกู้เงินจะพิจารณาตามวิธีการที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะนั้น ทั้งนี้ แผนการจัดหาเงินกู้จะนำไปรีไฟแนนซ์หนี้ หรือขยายการลงทุน

STAR เพิ่มทุนจาก 136 ล้นบาท เป็น 170 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 34 ล้านหุ้น รองรับ Warrant
คณะกรรมการ STAR มีมติเพิ่มทุน 34 ล้านบาท จากเดิม 136 ล้นบาท เป็น 170 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ จำนวน 34 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่ออกโดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม มีอายุ 5 ปี ในสัดส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2.30 บาท คาดว่าจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิช่วงไตรมาส 1/50

MK คาดว่าจะมีรายได้ในปี 50 ที่ 2.5 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่เคยตั้งไว้ 2.7 พันล้านบาท
MK คาดว่าจะมีรายได้ในปี 50 ที่ 2.5 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่เคยตั้งไว้ 2.7 พันล้านบาท เช่นเดียวกับปี 49 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย 2.15 พันล้านบาท จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจและการเมือง อย่างไรก็ตาม ในปี 50 บริษัทมีแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่า 1.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนใช้งบลงทุน 1.5 พันล้านบาท โดยมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้ยืมธนาคาร

MFEC ตั้งเป้ารายได้ปี 50 เติบโต 15-20% จากปี 49 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 2.2 พันล้านบาท
MFEC ตั้งเป้ารายได้ในปี 50 เติบโต 15-20% จากปี 49 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1.7 พันล้านบาท และหากรวมรายได้ของบริษัทลูกคาดว่าจะมีรายได้รวม 2.2 พันล้านบาท จากการหันมารับงานภาคเอกชนมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ มูลค่า 945 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปี 50 รวมถึงโครงการของทหารบก มูลค่า 1.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 50 บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ 15-20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาซอฟแวร์และบุคลากร โดยมาจากเงินทุนหมุนเวียน

BEC คาดว่าจะมีรายได้ปี 50 ขยายตัว 10-20% จากแผนปรับปรุงผังรายการหลายส่วน
BEC คาดว่าจะมีรายได้ในปี 50 ขยายตัว 10-20% จากปี 49 โดยบริษัทมีแผนปรับปรุงผังรายการหลายส่วน เน้นรายการในวันเสาร์และอาทิตย์ ปัจจุบันสัดส่วนรายการของบริษัทเป็นรายการข่าว 50% ละคร 50% ขณะที่รายได้ในปี 49 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้า จากรายได้ค่าโฆษณาในปี 49 ที่เติบโตถึง 30% และคาดว่าในปี 50 จะมีรายได้ค่าโฆษณาเติบโต 80% การจัดอีเว้นท์ 15% และรายได้ค่าลิขสิทธ์ 5%

หุ้นแนะนำทางปัจจัยพื้นฐาน
วิเคราะห์หุ้นรายตัววันนี้
หุ้น คำแนะนำเชิงพื้นฐาน ราคาที่เหมาะสม ราคาที่เหมาะสม ราคาปิด (บาท)
ปี 2549 (บาท) ปี 2550 (บาท) วันศุกร์ (22/12/06)
MK ซื้อ - 3 2.56
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#3 วันที่: 25/12/2006 @ 10:12:58 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:c441d7f8c6">บล.ยูโอบีฯ [/b:c441d7f8c6">

กลยุทธ์
การหยุดพักผ่อนของนักลงทุนต่างชาติในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและขึ้นปีใหม่คงจะทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นในสัปดาห์นี้ ลดลงไปพอสมควร นอกเหนือไปจากผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของทางการ อย่างไรก็ดีค่าเงินบาทมี่มีเสถียรภาพมากขึ้น น่าจะทำให้ธุรกิจ นำเข้า-ส่งออกสบายใจมากขึ้น ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้มี แนวโน้มแกว่งตัวดีขึ้น แม้จะไม่มากนัก คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 670-673 จุด กับแนวต้าน 695-698 จุด สำหรับทิศทางของตลาดหุ้นวันนี้ยังมีแนวโน้มค่อนข้างสดใส ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ระหว่างแนวรับบริเวณ 674-676 จุด กับแนวต้านบริเวณ 683 ? 685 จุด นักลงทุนระยะสั้น ? เก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ช่วงราคาอ่อนตัวลง นักลงทุนระยะยาว ? ถือต่อ รอดูสถานการณ์อีกสักระยะ

สรุปหุ้นรายตัว

PTT ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว
วางแผนลงทุน 5 ปี (ปี50-54) วงเงินรวม 2.09 แสนล้านบาท โดย 84% เป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เช่น โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 3, โครงการท่อส่งก๊าซ ฯ JDA-แหล่งอาทิตย์ เป็นต้น โดยในปี 50 จะลงทุนรวม 5.76 หมื่นล้านบาท แผนการลงทุนระยะ 5 ปีจะมีการจัดหาเงินกู้เพิ่มเติมจากวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทของแผนเดิมในปี 49-53

BEC ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 5021.50 บาท)
คาดว่ารายได้ในปี 50 จะเติบโต 10-20% จากปี 49 โดยสำหรับผังรายการใหม่จะเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. ปี50 ซึ่งจะมีการขึ้นค่าโฆษณาในบางรายการที่ได้รับความนิยม เช่น เรื่องเล่าเช้านี้จะขึ้นค่าโฆษณาประมาณ 13% และเก็บตกประมาณ 14% นอกจากนี้จะปรับผังหลายรายการในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ขณะที่คาดว่าผลจากการย้ายเม็ดเงินโฆษณาจากไอทีวีน่าจะเห็น ชัดเจนในเดือนก.พ.-มี.ค. 50

MK ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว(แนวรับ 2.42 บาท)
ปรับลดประมาณการรายได้ปี 50 เป็น 2,500 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 2,700 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยจะมีการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการมูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในปี 49 จะมียอดขาย 1,800 ? 1,900 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเป้า 2,150 ล้านบาท

MFEC ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว
ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 50 เท่ากับ 15 ? 20% จากรายได้1,700 ล้านบาทในปี 48 ซึ่งเติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี เนื่องจากบริษัทหันมารับงานเอกชนมากขึ้น และในปัจจุบันบริษัทมี Backlog จำนวน 945 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปี 50 นอกจากนี้ยังเข้าประมูลงาน 6-7 โครงการ มูลค่า 300 กว่าล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/50 และเตรียมเงินลงทุนในปี 50 เท่ากับ 15 ? 20 ล้านบาท

SCCC ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว(แนวรับ 252 บาท)
จัดตั้งหน่วยผลิตหินที่จังหวัดสุพรรณบุรี กำลังการผลิตในระยะแรก 0.5 ล้านเมตริกตันต่อปี เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 10% ของรายได้บริษัท โดยใช้เงินลงทุนในโครงการนี้ เท่ากับ 400 ล้านบาท คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและดำเนินการได้ในไตรมาส 1/50

SAMTEL ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว(แนวรับ 8.50 บาท)
ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท โอเอซิส คอนซัลติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SAMTEL ประกอบธุรกิจบริการรับปรึกษาเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และติดตั้งระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 63,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 6.3 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 70% ของทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท

PF ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว(แนวรับ 3.50 บาท)
คาดปี 50 บริษัทจะมีผลประกอบการเติบโตจากปี 49 เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากคอนโดมิเนียมประมาณ 2,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยว โดยคาดจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 50 ประมาณ 3,000 ล้านบาท และอีก 1,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปี 51 นอกจากนี้เตรียมเปิดโครงการใหม่ประมาณ 6 แห่ง มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#4 วันที่: 25/12/2006 @ 11:17:36 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:2d84d70275">บล.ซีมิโก้ [/b:2d84d70275">


การเก็งกำไรระยะนี้ เน้นไปที่หุ้นขนาดเล็ก อาทิ หุ้นในกลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8% ที่ระดับ 4,397 จุด คาดว่าจะทดสอบจุดสูงสุดเดิมใน 1-2 วันข้างหน้านี้ อย่างไรก็ดี ต้องไม่ลืมว่า การเก็งกำไรช่วงนี้ จะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจา ก GAP ไม่มาก และมีโอกาสผันผวนระหว่างวันสูง และ UMS คาดการณ์กำไรเติบโตเฉลี่ย 20% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (มูลค่าพื้นฐาน 19 บาท)

[b:2d84d70275">บล.กรุงศรีอยุธยา [/b:2d84d70275">

ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับค่าเงินดอลลาร์ฯ มากขึ้น....รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 36.45 บาท/ดอลลาร์ฯ ทำให้เราเห็นว่าหุ้นกลุ่มส่งออก และกลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับค่าเงินดอลลาร์ฯ จะเป็นกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดในช่วงนี้ แนะนำ ซื้อ CCET (ปันผลมากกว่า 8%), DELTA (ปันผลมากกว่า 7%), HANA (ปันผลไม่มากนัก แต่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาท), SVI, ATC (ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง และได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง), PSL (ค่าระวางเรือปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อน), BANPU (ราคาถ่านหินปรับขึ้นสูงระดับ $51/ตัน ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อน)

เราเห็นว่าหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจริงๆ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง รวมไปถึงเป็นกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ถือหุ้นอยู่ก่อนมากนัก จะมีแรงขายออกมาน้อยกว่า และมี Downside Risk น้อยกว่าในกรณีที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกมา เนื่องจากมีปันผลที่สูงรองรับ โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลสูง 10 อันดับแรกดังตาราง และหุ้นที่เราเห็นว่ามีความเสี่ยงน้อย น่าสนใจเข้าลงทุนได้แก่ SHIN, TISCO, SPALI, KK, GMMM และ WORK ในขณะที่หุ้นกลุ่มส่งออกจะกลับมาน่าสนใจมากขึ้น แนะนำ CPF, TUF, CCET, HAHA, DELTA, SVI
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#5 วันที่: 25/12/2006 @ 11:20:55 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:700e656a5f">บล.เคจีไอ [/b:700e656a5f">

ตลาดจะเงียบ
KGI มองหุ้นไทยจะซึมและเทรดอยู่ในกรอบแคบๆ มูลค่าซื้อขายน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันคริสต์มาส ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากตลาดกลับมากังวลการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง หลังยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมการขนส่งประจำเดือนพ.ย. ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ภาพตลาดโดยรวมจึงน่าจะซึม และมีแนวโน้มจะซึมไปจนกระทั่งสิ้นปี 2549
กลยุทธ์: มุมมองระยะยาวต่อหุ้นไทยยังคงเป็นบวก ทว่าในระยะสั้นตลาดยังคงไม่ไปไหน นักลงทุนควรเลือกซื้อหุ้นที่มีความผันผวนน้อย และให้เงินปันผลสูง เช่น TTA, HEMRAJ, SPALI, CCET, SCC เป็นต้น (อ่านรายงาน Top Chart วันนี้)


[b:700e656a5f">บล.พัฒนสิน [/b:700e656a5f">

หลักทรัพย์ที่มีประเด็น : 1)หุ้นประเภท Defensive Stocks ที่มีปันผลสูง (+) 2)หุ้นที่มักมีการทำ Window Dressing ได้แก่ BEC INET ITD BGH KK SF EASTW KTB KSL ERAWAN BH CMO (ดูรายงาน) 3)SATTEL อาจถูกพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนสัมปทานใหม่(-) 4)KSL-LANNA ทางการเตรียมปรับลดราคารับซื้อเอทานอลลงเท่ากับตลาดโลกจาก 25 เป็น 200 บาท/ลิตร (-) 5)MINT-AOT-ERAWAN(+) นายกฯ สมาคมท่องเที่ยวเผยช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ไทยมีการปรับเพิ่มราคาห้องพักเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจองเต็ม โดยจำนวนเที่ยวบินมาไทยเพิ่มขึ้นกว่าปกติ 800 เที่ยวบิน / วัน อีก 274 เที่ยวบิน / วัน (+)

กลยุทธ์การลงทุน
แนะนำ ทยอยขายเหนือ 685-690 จุด เน้นหุ้นกลุ่มปันผลสูง เช่น KTB TISCO SPALI LPN UMS PDI CMO QH CCET DELTA ส่วนนักลงทุนระยะ 12 เดือน ยังคงแนะนำ Accumulative Buy โดยมีเป้าหมายสิ้นปีหน้า ที่ระดับ 887 จุด จากวิธี Bottom Up model

หลักทรัพย์นะนำ :
1) Accumulate : หุ้นเด่นประจำเดือนธันวาคม-มกราคม 2550 : CPF BH QH SKR PDI KBANK SEAFCO KTB MINOR MAJOR UMS AH PR124 KSL
2) หุ้นเด่นทางเทคนิค : SPALI SPALI-W3 AIT CCET CCET-W1 EVER EGCOMP SNC DCC
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#6 วันที่: 25/12/2006 @ 11:24:09 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:5018693382">บล.นครหลวงไทย [/b:5018693382">


กลยุทธ์การลงทุนวันนี้
นักลงทุนระยะสั้น แนะนำ ?หลีกเลี่ยงการลงทุน? ในหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติถือครองอยู่มาก (ดูรายงาน NVDR) เช่น BBL / KTB / SHIN / SCB / ADVANC / PTT
นักลงทุนระยะยาว (มากกว่า 3 เดือน) แนะนำ ?ซื้อสะสม? หุ้น Defensive stocks ได้แก่ กลุ่มไฟฟ้า (EGCOMP / RATCH) กลุ่มขนส่ง (TTA / BECL) และโรงพยาบาล (BH / KH / BGH / SKR)
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#7 วันที่: 25/12/2006 @ 12:07:05 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:2adcea9e98">บล.เอเซีย พลัส[/b:2adcea9e98">

-แนะซื้อTMT
ค้าเหล็กไทย (TMT): ซื้อ
ราคาปัจจุบัน 4.18 บาท
Fair Value 4.57 บาท
ความเสี่ยงต่ำปันผลสูง

* คาดผลประกอบการปี 2549 เติบโตก้าวกระโดด 85%YoY
* การขยายกำลังการผลิตใหม่พร้อมสร้างรายได้ใน 4Q49
* คาด Dividend Yield สูงถึง 8.6% หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว

[b:2adcea9e98">บล.กรุงศรีอยุธยา[/b:2adcea9e98">

-แนะBUYBEC
บีอีซี เวิลด์ (BEC) - BUY

ปรับผังรายการปี 50 เน้นเพิ่มรายได้วันเสาร์-อาทิตย์

ประเด็นสำคัญจาก Analyst Meeting
ปรับผังรายการปี 50 เน้นเพิ่มรายได้วันเสาร์-อาทิตย์: โดยมีการเพิ่มรายการที่เกี่ยวกับข่าว ซึ่งร่วมผลิตโดยบริษัท ไร่ส้ม ของผู้จัดรายการที่กำลังได้รับความนิยมคือ ?สรยุทธ สุทัศนะจินดา? โดยการแบ่งเวลาออกอากาศ (Time Sharing) ถึง 2 รายการได้แก่ รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ และรายการในช่วงบ่ายอีก 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ จากนั้นยังอาจเข้าร่วมจัดรายการในช่วงข่าวตอนเย็น ?เรื่องเด่นเย็นนี้? อีกด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันรายได้ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ มีสัดส่วนประมาณ 3% ของรายได้รวม หากผังรายการใหม่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จในรายการช่วงเช้า คาดว่ารายได้และกำไรในปี 50 อาจสูงกว่าที่เราคาดไว้

ปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มบางรายการ: โดย ?เรื่องเล่าเช้านี้? ปรับเพิ่มค่าโฆษณาเป็น 175,000 บาทต่อนาที หรือเพิ่มขึ้น 13% และ ?เก็บตก? ปรับเพิ่มค่าโฆษณาเป็น 330,000 บาทต่อนาที หรือเพิ่มขึ้น 14% เนื่องจากทั้งสองรายการมีเรตติ้งสูง และมีอัตราใช้เวลาโฆษณาเต็ม 100% โดยตลอด

เม็ดเงินโฆษณาเดือน พ.ย. ยังคงเติบโตกว่าอุตสาหกรรม: โดย NMR รายงานการใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์โดยรวมในเดือน พ.ย. ลดลง 0.5% YoY เนื่องจาก Unilever ลดงบโฆษณาลงอย่างผิดปกติ คาดว่าเป็นผลกระทบเพียงชั่วคราวจากปัจจัยการเมือง สำหรับเม็ดเงินโฆษณาผ่าน BEC ในเดือน พ.ย. ยังคงเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ระดับ 3.4% YoY

ยังคงประมาณการและคำแนะนำ ?ซื้อ? โดยแนวโน้มผลประกอบการปี 50 อาจจะดีกว่าที่เราคาดไว้ หากผังรายการในวันเสาร์-อาทิตย์ ได้รับความนิยม อย่างไรก็ตามเราจะยังคงประมาณการกำไรปี 50 ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,042 ล้านบาท EPS 1.02 บาท เพิ่มขึ้น 12.4% YoY จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 8.8% YoY จากส่วนแบ่งตลาดเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีการไหลของเม็ดเงินโฆษณามาจากช่อง ITV โดยคาดว่าอัตราใช้เวลาโฆษณาในปี 50 ของช่วงละครจะเพิ่มขึ้นเป็น 98% เทียบกับ 96% ในปี 49 และช่วง Prime time อื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 53% เทียบกับ 50% ในปี 49 ทั้งนี้ยังคงราคาพื้นฐานที่ 22.50 บาท ประเมินจาก P/E 22 เท่า สูงกว่ากลุ่มที่ 18 เท่า เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไร โอกาสที่รายได้จะสูงกว่าคาด และ ROE ระดับ 36% สูงที่สุดในกลุ่ม แนะนำ ?ซื้อ?

Financial Summary
YE Dec (Bt mn) 2004 2005 2006E 2007E 2008E
Sales 6,320 6,308 7,003 7,617 8,045
EBITDA 2,396 1,512 2,769 3,106 3,341
Normalized profit 1,576 881 1,816 2,042 2,194
Net profit 1,602 881 1,816 2,042 2,194
Net profit growth (%) -18.7 -45 106.1 12.4 7.4
EPS (Bt) 0.8 0.44 0.91 1.02 1.1
EPS growth (%) -18.7 -45 106.1 12.4 7.4
BV (Bt) 3.06 2.85 2.85 2.85 2.85
DPS (Bt) 0.9 0.45 0.91 1.02 1.1
P/E (X) 25.9 46.3 22.5 20 18.6
P/BV (X) 6.7 7.1 7.1 7.1 7.1
EV/EBITDA (X) 15.9 25.8 14 12.5 11.5
Yield (%) 4.4 2.2 4.5 5 5.4
ROE (%) 27 14.9 31.8 35.8 38.4
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#8 วันที่: 25/12/2006 @ 12:14:52 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:bf8730e96c">บล.โกลเบล็กฯ[/b:bf8730e96c">

BLS : 11.50+0.30 GAPแนวต้าน
แท่งเทียนกลับตัวขึ้นมายืนแนวรับ 11.00 เป็นสัญญาณบวกต่อการจบรอบขาลง (Exhaustion Gap) ระยะสั้นมีGAPแนวต้าน 11.80-12.20 ผ่านยืนเป็นสัญญาณซื้อและเป็นการยืนยันการกลับตัวV-Shape กลยุทธ์ ซื้อเมื่อยืนแนวรับ

แนวรับ : 11.00-10.90*** แนวต้าน : 11.80 / 13.00

ITD: 5.45 +0.00 โดจิ

ระดับราคาวกกลับขึ้นมายืนแนวรับUptrend Lineโดยที่การเรียงตัวแท่งเทียนไม่ทำจุดต่ำใหม่ และเกิดแท่งเทียนโดจิไม่ทำจุดต่ำกว่าทำให้ระยะสั้นมีโอกาสกลับตัวMorning Star โดยมีแนวต้านเป้าหมายในการปิดGAPใหญ่ กลยุทธ์ ซื้อตามเมื่อยืน 5.60

แนวรับ : 5.30**ต่ำกว่าขาย แนวต้าน : 5.60*BUY / 6.45
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com