May 19, 2024   6:24:17 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "สมหมาย"เชื่อเงินบาท มีโอกาสแตะ 37 บาทต่อดอลลาร์
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 20/12/2006 @ 23:01:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สมหมายเชื่อค่าเงินบาทสามารถขยับได้ถึง 36-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังแบงก์ชาติออกมาตรการสกัดการเก็งกำไร ช่วยฟื้นภาคส่งออกให้กลับมาหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้า ชี้มาตรการควรอยู่ต่อไปอีกระยะจนกว่าจะมีมาตรการที่ถาวรเข้ามาดูแล

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวระหว่างปาฐกถาพิเศษหัวข้อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2550 ของรัฐบาล ในงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือSME BANK โดยระบุว่า ภาคการส่งออกเป็นภาคสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต หากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ออกมาตรการมาสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของนักลงทุนต่างชาติ อาจจะทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบจนไม่สามารถกู้คืนกลับได้

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของตลาดทุนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่หลังจากผ่อนคลายมาตการดัชนีหุ้นก็ปรับตัวดีขึ้น มีการร้องเรียนกันมากจากผู้ส่งออกในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผ่านกระทรวงต่างๆเช่น อุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และ กระทรวงเกษตรฯเป็นต้น เราก็มาวิเคราะห์ค่าเงินบาทและพบว่า ค่าเงินบาทนั้นแข็งค่าต่อเนื่อง และ แข็งกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเกือบเท่าตัว ซึ่งเกิดจากการนำเงินเข้ามาเก็งกำไรในค่าบาท ระยะหลังมีเงินเข้ามาถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งในเวลาปกติอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในจำนวนดังกล่าว ดังนั้น แบงก์ชาติจึงต้องใช้มาตรการสกัด เขาเชื่อว่า ด้วยมาตรการของแบงก์ชาติดังกล่าวจะทำให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 36-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ แต่หากไม่ใช้มาตรการเงินบาทอาจแข็งค่าไปอยู่ที่ระดับ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ และเห็นว่า แบงก์ชาติคงจะใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปอีกระยะ จนกว่า จะมีมาตรการใหม่ที่ถาวร เพื่อเข้ามาดูแลค่าเงินบาท โดยไม่มีผลข้างเคียงกับภาคอื่นๆ มาตรการนี้คงอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมั่นใจได้ ตอนนนี้เฮดจ์ฟันด์ก็ยังวนเวียนตามประเทศต่างๆ เขามีหน้าที่MAKE MONEY ดังนั้น หากแบงก์ชาติจะถอนมาตรการนี้ ก็จะต้องมีมาตรการที่ถาวร และไม่เกิดผลข้างเคียงมาใช้เขากล่าวและว่า ได้รับการยืนยันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า หลังผ่อนปรนมาตรการให้เฉพาะตลาดหุ้นนั้น จะมีการตรวจสอบเส้นทางการลงทุนของนักลงทุน เพื่อป้องกันปัญหาการนำเงินลงทุนไปเก็งกำไรในค่าเงิน และ หากจับได้ก็ถือว่า ทำผิด และ นักลงทุนก็จะหมดหนทางทำมาหากิน เขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะปล่อยให้เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวเอง รัฐบาลมีหน้าที่จัดระเบียบเศรษฐกิจให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและมีหน้าที่สนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะสามารถเติบโตได้ในระดับที่ประมาณการคือ 4.5-5% ขณะที่ การกระตุ้นด้วยนโยบายประชานิยมนั้น ซึ่งเป็นนโยบายที่เรียกว่า นโยบายพาเพลิน จะทำให้เกิดภาระแก่ประชาชนและประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ในระยะต่อไป

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com