May 19, 2024   3:42:51 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ควันขึ้นที่แบงก์ชาติ...ไฟไหม้ตลาดหุ้นไทย ????
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 20/12/2006 @ 09:27:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นไทยเกิด ?การตื่นขายครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์? เมื่อนักลงทุนเกิดอาการ ?แตกตื่นขาย? เนื่องจากการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดนักเก็งกำไรค่าเงินบาทซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดอาการ ?ถูกย่างสด? เมื่อดัชนีระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดิ่งทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์โดยลดลง 142.63 จุด และทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยงัดสัญญาณ ?Cirkit Breaker? หยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราวในภาคเช้าของการซื้อขายเนื่องจากดัชนีลดลงมา 10 %

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 622.14 ลดลง 108.41 จุดหรือ 14.84 % ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนีสูงสุดระหว่างการซื้อขาย721.85 ลดลง 8.70 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 587.92 จุด ลดลง 142.63 จุดเมื่อเวลา 15.16 น.ในภาคบ่ายของการซื้อขาย จำนวนหลักทรัพย์ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นมี 8 หลักทรัพย์ ลดลงมี 460 หลักทรัพย์ และอีก 13 หลักทรัพย์ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น72,131 ล้านบาท

หลักทรัพย์กว่า 103 หลักทรัพย์มีราคาลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับราคาปิดครั้งก่อน และหลักทรัพย์จำนวนมากได้ซื้อขายกันที่ราคาต่ำสุด 30% ของการซื้อขายภายในระหว่างวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นแรงขายที่ค่อนข้างรุนแรง โดยหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นหลักทรัพย์ในกลุ่มนำตลาดโดยเฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET50 แต่โดยภาพรวมต้องยอมรับว่า ?ธนาคารแห่งประเทศไทย? ออกนโยบายที่สร้างความเสียหายให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากที่สุด เพราะการที่ Market Cap หายไปวันเดียวกว่า 14% นับว่า ?ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยหญิงคนแรกที่สร้างบาดแผลจากค่าเงินบาด (บาท) และสร้างความบาดเจ็บให้ผู้ลงทุนอย่างถ้วนหน้า? แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

ผลจากการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยหวังผลเพื่อ ?ป้องปราม? การเก็งกำไรค่าเงินบาท เพราะความเชื่อว่าสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ แต่ในระบบการเงินเสรีนั้นแนวคิดดังกล่าวไม่ทราบว่าจะสร้างผลดีให้กับประเทศชาติอย่างไร ตามคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ผลเสียนั้น ?ชัดเจนเกินคำอธิบาย? ยิ่งตลาดหุ้นแล้ว ปรากฏว่า ?ผลเสียหาย? นั้นเกินคำอธิบาย เพราะ ?ฝรั่งนั้น? จะเสียหายจริงหรือไม่ จำนวนเท่าใดยังไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยนั้นปรากฏว่า ?เลือดสาด ท่วมตลาดหุ้นไปเสียแล้ว? และไม่รู้ว่าเมี่อไหร่จะสามารถเยียวยาความเสี่ยหายจากการดำเนินนโยบายแบบ ?ได้อย่างเสียอย่าง? หรือ ?เสียอย่างเดียว? ได้ยังไม่รู้เลยหรือไม่

ภาพการต่อสู้ของธนาคารแห่งประเทศไทยกับกองทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศนั้น เป็นเรื่องปกติในตลาดการเงินเสรี แม้แต่ธนาคารกลางของอังกฤษยังเคยถูกกองทุนของ George Soros ถล่มมาแบบหมอไม่รับเย็บมาแล้ว เงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศไทย ผ่านตลาดเงินและตลาดหุ้นนั้นได้ถูก ?ธนาคารแห่งประเทศไทย? บังคับเส้นทางเดินเรียบร้อยแล้วในนโยบายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่า ?ไม่ได้ผล? การดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ต่างจากพฤติกรรมพ่อแม่ที่จ้องแต่จะใช้ ?ไม้เรียว? เพื่อบังคับให้ผู้อื่นทำตาม ขณะที่ปากบอกว่าโยบายการเงินเสรีต้องการเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม พร้อมทั้งมีการเดินทางไปประชาสัมพันธ์ประเทศอย่างมโหฬาร แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งเกิดอารมณ์ไม่ดี ?แม่ใจร้ายก็หยิบมีดเชือดลูกตายคาตา?

ถามว่าใครเจ็บที่สุดระหว่างนักลงทุนไทยกับนักลงทุนต่างชาติ คำตอบคงเป็นเรื่องยาก เพราะเราไม่เห็นรายละเอียด แต่ที่แน่ ๆ รายย่อย กองทุนในประเทศ ?ตายสนิท? เพราะลงทุนในตลาดหุ้นไทยแบบเต็ม ๆ ทั้งเงินสด ๆ และ มาร์จิ้น ส่วนต่างประเทศนั้น การลงทุนในเมืองไทยนั้น เป็นเพียงการจัดสรรเม็ดเงินจำนวนหนึ่งเข้ามาลงทุน อาจจะไม่ถึงร้อยละ 10 ของเงินกองทุนที่เขามีอยู่ ดังนั้นถามว่า ผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหน
ผลกระทบเกิดกับประเทศไทย หรือเกิดกับ ?นักเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน? ทางธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะหาคำอธิบายที่เป็นรูปธรรมมาแสดงให้เห็นว่า ?มาตรการที่ประกาศใช้? ได้ผลอย่างไร ส่งออกเพิ่มขึ้น แบบดัชนีหุ้นตกหรือไม่ ต้นทุนทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ GDP โตขึ้นแบบไม่มีใครทำได้ เงินทุนไหลเข้าแบบเก็งกำไรไหลออกราวกับลมพัด มีแต่เงินลงทุนจริง ๆ เข้ามากองเต็มหน้าตัก หากคำตอบเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายให้กับประชาชนได้ คาดว่า ตำแหน่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคงจะมีอาการ ?ควันขึ้น? เพราะความร้อนที่ตลาดหุ้นได้ส่งสัญญาณเผลาผลาญไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย และไม่แต่ใจว่า ?ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องกินยานอนหลับ? หรือไม่ สำหรับผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้น

หากคำตอบที่กล่าวถึงบอกว่า ?ประเทศไทยได้มากกว่าเสีย ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย? คงได้รับเสียงปรบมือให้ทั้งประเทศ แต่หากคำตอบคือ ?ได้อย่างเสียอย่าง หรือเสียอย่างเดียว? คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคงต้องทบทวน ?วิสัยทัศน์ และการดำเนินนโยบายของตนเองว่า มีฝีมือเพียงพอกับการบริหารหรือไม่? หากไม่ใช่และยอมรับว่าฝีมือในการบริหารยังไม่ถึง ควรจะ ?ถอยดีกว่า? เพราะประเทศไทยยังไม่อยากกิน ?ต้มยำกุ้งชามที่สอง? เหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพราะรสชาดดังกล่าวยังคงแผ่รังสีอำมหิตให้กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวมจนถึงปัจจุบันและหวังว่า ?ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอย? เพราะความผิดเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ?สุภาษิตฝรั่งเขาบอกว่าหัวกระบือและยอมรับไม่ได้? แต่หากเป็นความผิดครั้งแรกและไม่เกิดขึ้นซ้ำเขาพอยอมรับได้ว่าเป็น ?ประสบการณ์?

.00020

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com