May 19, 2024   5:05:02 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 20/12/2006 @ 09:13:16
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกเกอร์ประเมินมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกพุ่ง เชื่อต้นปี 50 ค่าเงินจะอ่อนค่าแตะระดับ 36-37 บาทต่อดอลลาร์ดันรายได้ผู้ประกอบการกระเตื้อง

[b:c9a99aea56">แนะหาจังหวะช้อนซื้อหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด ชู DELTA- CCET- KCE- HANA- CPF และTTA [/b:c9a99aea56">

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ด้วยการออกมาตรการให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรอง 30% จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในครั้งนี้ถือว่าเป็นปัจจัยบวกและสนับสนุนหุ้นกลุ่มส่งออกให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

? โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น 16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงสุดเมื่อเทียบในภูมิภาคเดียวกัน และเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของอุตสาหกรรมการส่งออกของไทย ดังนั้นเรามองว่าการออกมาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออก ในแง่ของการเติบโตของรายได้ เพราะอุตสาหกรรมการส่งออกส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้เป็นดอลลาร์ และยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยประเมินว่าภาคอุตสาหกรรมส่งออกปีนี้จะขยายตัวประมาณ 15-18%? นายสุรชัยกล่าว

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยประเมินว่าหุ้นกลุ่มส่งออกที่น่าลงทุนในช่วงที่ดัชนีอ่อนค่าลงและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ในไม่ช้า และคาดว่าทิศทางของค่าเงินจะเริ่มอ่อนค่าอยู่ในระดับ 36-37 บาทต่อดอลลาร์ตอบรับมาตรการดังกล่าวได้ในไม่ช้าและจะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนในช่วงต้นปี 2550

ทั้งนี้หุ้นกลุ่มส่งออกที่ฝ่ายวิจัยแนะนำเข้าลงทุนได้แก่ หุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)DELTA ให้ราคาเป้าหมาย 22.20 บาท จากแนวโน้มธุรกิจที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2549 บริษัทดังกล่าวจะมีกำไรสุทธิ 2.24 พันล้านบาท และบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) CCET ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.96 บาท โดยคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 4/2549 ยังแข็งแกร่งตามฤดูกาล

นอกจากนี้ยังมีหุ้นของ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) KCE ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.76 บาท โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/2549 หลังจากที่มีผลขาดทุนติดต่อกันมา 3 ไตรมาส โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเพิ่มราคาสินค้า PCB 10-12% และราคาวัตถุดิบที่ตกลงมา รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนยอดขาย PCB

สำหรับหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) HANA ก็ยังคงได้รับความน่าสนใจเช่นกันโดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 39.90 บาท

สำหรับกลุ่มอาหาร ยังคงมองว่า หุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) CPF ยังคงได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท และยังคงแนะนำ ?ซื้อ? ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.90 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2549 และปี 2550 ฟื้นตัว โดยประเมินว่าราคาเนื้อไก่เริ่มฟื้นตัวจาก 24 บาทต่อกิโลกรัมในไตรมาสที่ผ่านมาเป็น 28-32 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้งบริษัทยังบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีเสถียรภาพช่วงขาเงินบาทแข็งค่า

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มเดินเรืออย่างเช่น บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) TTA ยังคงได้รับประโยชน์เช่นกัน โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 32.75 บาท แนะนำ ?ซื้อ? โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2550 (ต.ค. 49 ? ก.ย. 50) เพิ่มขึ้นเป็น 3,607 ล้านบาทจากการซื้อเรือเพิ่มจำนวน 1 ลำ

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 20/12/2006 @ 09:24:20 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:919d94e925">รอจังหวะช็อปหุ้นแบงก์ราคาถูก [/b:919d94e925">


หุ้นแบงก์ยังหนาวๆร้อนๆ โบรกเกอร์แนะเลี่ยงลงทุนช่วงนี้ จับตาสถานการณ์ใกล้ชิด แม้ราคาปัจจุบันจะต่ำกว่าเป้าหมายทุกแบงก์ แต่หากอยากเก็บเข้าพอร์ตแนะรอจังหวะช้อนในราคาต่ำกว่านี้แถวดัชนี 580 จุด ชี้ที่ผ่านมาฝรั่งแห่เก็บหุ้นแบงก์เข้าพอร์ต พอตลาดร่วงหนักกระทบหุ้นแบงก์มากสุด โดยเฉพาะ KTB ลดลงเกือบ 22%

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงมามากแล้วหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ออกมาตรการให้สถาบันการเงินกันสำรอง 30% จากวงเงินที่รับแลกเงินตราต่างประเทศเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งการปรับลดลงดังกล่าวเป็นการปรับลดลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่คาดว่าตลาดจะมีแรงเทขายต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง และส่งผลให้ราคาหุ้นปรับลดลงได้อีก

โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เงินไหลเข้าตลาดหุ้นนักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากที่สุด และการปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยวานนี้(19 ธ.ค.)ยังมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเกือบทั้งหมด อีกทั้งไม่สามารถระบุได้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเทขายต่อเนื่องหรือไม่ ดังนั้นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีความเสี่ยง
?แม้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะปรับลดลงมาต่ำกว่าราคาพื้นฐาน แต่ภาวะปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน แต่ขึ้นอยู่กับการไหลออกของเงินทุน โดยนักลงทุนควรรอดูทิศทางไปสักระยะหนึ่งว่าจะส่งผลกระทบอีกนานแค่ไหน และดูนโยบายของทางการว่ามีอะไรออกมาช่วยเหลืออีกหรือไม่? นักวิเคราะห์ กล่าว

น.ส.สิรินัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไซรัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายขนาดใหญ่ และที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อในกลุ่มนี้มาก ทำให้มีแรงขายมากเช่นกัน
ส่วนราคาปัจจุบันที่ต่ำกว่าราคาพื้นฐานแล้วนั้น ยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยง เพราะต่างชาติมีแนวโน้มที่จะเทขายออกมาอีก หากนักลงทุนที่ต้องการจะซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะต้องรอให้ราคาถูกกว่าปัจจุบัน หรือที่ระดับที่ตลาดหุ้นปรับลดลงไปใกล้เคียงระดับ 580 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้(19 ธ.ค.)ราคาหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) BAY ปิดที่ 16.70 บาท ลดลงจากวานนี้ 3.50 บาท หรือ 17.33% ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BBL ปิดที่ 103.00 บาท ลดลง 20.00 บาท หรือ 16.26% ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) BT ปิดที่ 5.10 บาท ลดลง 0.85 บาท หรือ 14.29% ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK ปิดที่ 57.50 บาท ลดลง 13.00 บาท หรือ 18.44%

ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) KTB ปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 21.58% ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) SCB ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 14.00 บาท หรือ 20.74% ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) SCIB ปิดที่ 16.30 บาท ลดลง 3.90 บาท หรือ 19.31% และธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) TMB ปิดที่ 2.42 บาท ลดลง 0.52 บาท หรือ 17.69%

[b:919d94e925"> บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน)ประเมินราคาเหมาะสมหุ้นกลุ่มธนาคารในปี 2550 ดังนี้ BAY ให้ราคาเหมาะสม 23.80 บาท ,BBL ที่ราคาเหมาะสม 127.00 บาท ,BT ที่ราคาเหมาะสม 6.49 บาท KBANK ที่ราคาเหมาะสม 84.00 บาท KTB ที่ราคาเหมาะสม 13.05 บาท SCB ราคาเหมาะสม 69.00 บาท SCIB ราคาเหมาะสม 22.91 บาท และ TMB ที่ราคาเหมาะสม 3.65 บาท[/b:919d94e925">
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#2 วันที่: 20/12/2006 @ 09:35:43 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:eeb2b7cd05">กิมเอ็ง[/b:eeb2b7cd05">

JTS < 2.14 บาท : ซื้อ >กำไรไตรมาส 4/49-1/50 จะยังแข็งแกร่ง/เข้าร่วมประมูลหลายโครงการใหม่

AOT< 55.50 บาท : ซื้อเมื่ออ่อนตัว >ระยะยาวเก็บเกี่ยวนอนกิน
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#3 วันที่: 20/12/2006 @ 09:38:48 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:e6593b091a">บล.โกลเบล็กฯ[/b:e6593b091a">

KTB : 10.90 -3.00 แนวรับระยะกลาง

ปรับตัวมีแนวรับระยะกลางUptrend line ที่ระดับ 10.00 และ 9.80 ซื้อสะสมถือระยะกลางจากภาวะPanic Sell ระยะสั้นระดับราคาอยู่ห่างSMAมากเกินไป ทำให้มีโอกาสกลับตัวทางเทคนิค กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรแนวรับหรือซื้อตามเมื่อยืน 11.00 ขึ้นไป

แนวรับ : 10.60 / 10.00 แนวต้าน : 11.00** / 11.80

ADVANC 66.50 -17.50 Double Bottom

ปรับตัวลงมา 100% ของอัตราถดถอยใน Weekly Chart มีแนวรับตามขั้นบันได 64.00 / 60.00 และ 56.00 ปรับตัวซื้อถือแนวรับ โดยมีแนวต้าน 67.50 ผ่านขึ้นมาเป็นสัญญาณซื้อเก็งกำไรระยะสั้น กลยุทธ์ ซื้อแนวรับ / ซื้อเก็งกำไร

แนวรับ : 64.00 / 60.00 แนวต้าน : 67.50 / 73.00
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#4 วันที่: 20/12/2006 @ 09:54:40 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...
[b:52eb35639f">บล.โกลเบล็กฯ [/b:52eb35639f">

Stocks in trend
หุ้นรับเหมาก่อสร้างมีข่าวดีจากความคืบหน้าจากการที่กระทรวงคลังยืนยันการขอกู้เงินเจบิคเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย แนะนำหุ้นรับเหมารายใหญ่ทั้ง 3 ราย ได้แก่ ITD (4.64 ซื้อ เป้าปี 50, 9.90) CK (7.90 ซื้อ เป้าปี 50, 12.60) STEC (4.10 ซื้อเก็งกำไร เป้าปี 50, 5.40) และ SEAFCO (7.10 ซื้อ เป้าปี 50, 10) (5) ... LANNA (10.30 ซื้อ เป้าปี 50, 15.30) คาดกำไรปี 49 +22%YoY จากแรงหนุนของธุรกิจเอทานอล และคาดโตต่อเนื่อง +11.7% ในปี 50 จากเหมืองถ่านหินแห่งใหม่ ในอินโดนีเซียที่จะเริ่มผลิตได้ ขณะที่ระยะยาวยังสดใส (8) ... EGCOMP (86 ซื้อ :เป้าปี 50,107) แนวโน้มระยะสั้น-กลาง ดีที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ที่เพิ่งซื้อมา บวกกับอีก 4 โครงการในมือ ระยะยาวมีลุ้นโตต่อเนื่องจากการประมูล IPP รอบใหม่ ต้นปี 50 (8)
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#5 วันที่: 20/12/2006 @ 09:56:48 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:ee6bb97a12">บล.เอเซีย พลัส[/b:ee6bb97a12">

-แนะซื้อAOT
ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (AOT): ซื้อ
ราคาปัจจุบัน 55.5 บาท
Fair Value 66.7 บาท
ช่องทางซื้อเกิดขึ้นเมื่อมีข่าวร้าย

* ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ จากฝ่ายบริหาร
* ปรับประมาณการกำไรปกติ 2550-2551 ลงปีละ 19%
* ราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายไปหมดแล้ว
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#6 วันที่: 20/12/2006 @ 09:58:32 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:4df663c29f">บล.เอเซีย พลัส[/b:4df663c29f">

-แนะซื้อBANPU
บ้านปู (BANPU): ซื้อ
ราคาปัจจุบัน 159 บาท
Fair Value 193 บาท
ปรับเพิ่ม Fair Value สะท้อนราคาถ่านหิน...เป็นโอกาสเหมาะ ?ซื้อ? ลงทุน

* ความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้น...ราคาถ่านหินดีกว่าคาด
* ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายถ่านหินสะท้อนราคาตลาด
* ฐานกำไรมั่นคงระยะยาว...?ซื้อ? ลงทุน
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#7 วันที่: 20/12/2006 @ 10:00:14 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:74dac7d9e4">บล.กิมเอ็ง [/b:74dac7d9e4">

บทวิเคราะห์

แนวโน้มตลาดวันนี้
วันนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศยกเว้นมาตรการกันเงิน
สำรอง 30% สำหรับเงินที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทยรีบแก้ไขมาตรการดังกล่าวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ได้ทำให้
ตลาดหุ้นไทยร่วงลงไป 108 จุด หรือ 14.8% เมื่อวานนี้ นับเป็นการร่วงลงภายในวันเดียวที่มากที่สุดในประวัติการณ์

เราคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเปิดบวก 7-9% จากระดับปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 622.14 จุด มาเป็นระดับ 665-680 จุด ซึ่งก็ไม่เปิด
โอกาสให้นักลงทุนที่ขายไปเมื่อวานในระดับที่ต่ำกว่านี้กลับเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อชดเชยผลขาดทุน อย่างไรก็ตามธนาคารแห่งประเทศไทยได้สูญเสียความ
น่าเชื่อถือจากการสร้างความสูญเสียต่อมูลค่าตลาดถึง 8 แสนล้านบาท เพราะเป็นการเพิ่มระดับความเสี่ยงให้กับตลาดหุ้นไทย ดังนั้นเราจึงต้อง
ลดมุมมองเชิงบวกลงและแนะนำให้นักลงทุนระยะสั้นทำกำไรในระดับดัชนีที่ 680-700 จุด

สำหรับหุ้นขนาดใหญ่เราแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อที่ระดับราคาไม่เกิน 10% จากราคาปิดเมื่อวานนี้ โดยหุ้นที่เราชอบคือ BBL
(-16.3% เมื่อวานนี้), SCC (-12.5%), ADVANC (-20.8%) และ PTT (-17%)

ส่วนหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวมากสุดหลังจากราคาปรับลดลงมา 25-30% เมื่อวานนี้ ประกอบกับได้แรงหนุนจากปริมาณ
คำสั่งซื้อที่หนาแน่นในช่วงนี้ โดยหุ้นที่เราชอบคือ PHATRA, BLS และ UOBKH

หุ้นน่าจับตา
PHATRA เมื่อวานนี้ราคาหุ้นร่วงลงมา 26% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 29.75 บาท ท่ามกลางความกังวลว่ากระแสเงิน
ต่างชาติจะกดดันตลาดหุ้นไทยและเปลี่ยนถ่ายเงินทุนไปยังตลาดที่ไม่มีการควบคุมเงินทุน โดยการยกเลิกมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อวานที่ผ่านมาเราเชื่อว่าหุ้น PHATRA และกลุ่มหลักทรัพย์จะช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นได้ในวันนี้ โดยในบรรดากลุ่มหลักทรัพย์ PHATRA มีสัดส่วน
ของรายได้ค่าคอมมิชชั่นจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด
BBL ราคาหุ้นปิดที่ระดับใกล้ต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ราคา 103 บาท ทำให้มูลค่าน่าสนใจหรือเท่ากับ P/BV ปี 2550 ที่ 1.15 เท่า
ราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของเราที่ 143 บาทอยู่ 39%
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#8 วันที่: 20/12/2006 @ 10:02:39 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:9d5cf0f891">บล.ยูโอบีฯ [/b:9d5cf0f891">

กลยุทธ์
ทิศทางตลาดวันนี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้จากการยกเลิกมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทสำหรับตลาดทุนของธปท. อีกทั้งมูดี้ส์ ไม่ปรับลดอันดับเครดิตของไทย น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติกลับมาบางส่วน อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลจากมาตรการดังกล่าวแม้จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ แต่เชื่อว่าระยะต่อไปค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจากปัจจัยเรื่องการอ่อนตัวลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแนวรับบริเวณ 600-610 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 660 และ 680 จุด ตามลำดับ นักลงทุนระยะสั้น- ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก นักลงทุนระยะยาว ? ซื้อคืนหุ้นกลุ่มหลักที่ปรับตัวลงแรง

สรุปหุ้นรายตัว

BBL ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 50 128 บาท)
ออกหุ้นกู้ระยะสั้น 3 ชุด อายุ 5, 7 และ 9 เดือน มูลค่าชุดละ 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.625 ? 4.75% ต่อปี เสนอขายผ่านสาขาทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 27 ธ.ค. 49 วงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และเป็นทวีคูณของ 10,000 บาท สามาถโอนเปลี่ยนมือได้

PTTEP ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 50104 บาท)
คาดปี 50 งบลงทุนจะสูงกว่าประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ที่ 50,000 ล้านบาท หลังมีแผนเพิ่มกำลังผลิตในแหล่งปิโตรเลียม และต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้น สำหรับแผนลงทุนในช่วง 5 ปี อยู่ที่ 233,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนปี 49 ที่ 59,600 ล้านบาท และปี 50 ที่ 55,200 ล้านบาท

PTT ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 50274 บาท)
คาดปี 50 ธุรกิจน้ำมันของบริษัทฯ จะมีผลกำไร เนื่องจากคาดว่าการตลาดเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.20 บาท/ลิตร และคาดปี 49 จะขาดทุนประมาณ 2,300 ล้านบาท

IRPC ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 509 บาท)
คาดปี 50 จะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้มากกว่าปี 49 หลังจากปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมีแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 49 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น สำหรับแผนเงินลงทุนใหม่ของบริษัทยังไม่แล้วเสร็จ คาดจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 50

TRUE ซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว
สถาบัน มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันระยะยาวที่ B2 สำหรับหุ้นกู้วงเงิน 465 ล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 56 โดยแนวโน้มการจัดอันดับอยู่ในเชิงลบ

MCOT ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(กำลังทบทวนราคาพื้นฐานปี 50)
ตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตประมาณ 15% หลังจากปรับผังรายการใหม่และคาดรายได้จากธุรกิจวิทยุจะเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าจะได้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คนใหม่ประมาณเดือน มี.ค. 50

SAMART ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว
คาดการหาพันธมิตรใหม่จากเดิมที่คาดจะได้ข้อสรุปภายในปี 49 จะเลื่อนไปเป็นกลางเดือน ม.ค. 50 จึงจะได้ข้อสรุป เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะทางการเงิน ซึ่งเหลือรายละเอียดไม่มากนัก และคาดจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในไม่ช้า สำหรับรายได้รวมคาดจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 20% โดยรายได้หลักยังจะมาจาก บมจ. สามารถไอ ? โมบาย (SIM) สัดส่วน 70% ที่คาดจะมียอดขายมือถือรวมกันทุกยี่ห้อ 4 ? 5 ล้านเครื่องในปี 50 จากปี 49 ที่คาดจะมียอดขายมือถือรวมทุกยี่ห้อประมาณ 2 ล้านเครื่อง

BSEC ซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว(ราคาพื้นฐานปี 504.90 บาท)
เผยปี 50 จะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท / สาขา เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสาขา 4 แห่ง นอกจากนี้ในปี 50 บริษัทเตรียมรุกการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งนี้จากการที่ค่าคอมมิชชั่นผ่านอินเตอร์เน็ตปรับลงมาอยู่ในระดับที่ 0.15% ถือเป็นโอกาสของบริษัท เนื่องจากฐานลูกค้าบริษัทส่วนใหญ่เป็นรายย่อย โดยคาดจำนวนบัญชีลูกค้าปี 50 จะเพิ่มขึ้น
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#9 วันที่: 20/12/2006 @ 10:09:09 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:d6a97d8a0c">บล.เคจีไอ [/b:d6a97d8a0c">

กลยุทธ์: คาดว่าหุ้นที่นำตลาดดีดกลับจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ (Big-caps) ซึ่งเมื่อวานปรับลงแรงมากทีเดียว แนะนำให้ซื้อหุ้นธนาคารอย่าง KBANK, BBL, SCB, KTB หุ้นพลังงานอย่าง PTT, PTTEP หุ้น SCC นอกจากนี้ แม้เรามีมุมมองที่ไม่ดีนักต่อปัจจัยพื้นฐานของ LH และ ADVANC แต่เชื่อว่าหุ้นทั้งสองก็จะดีดกลับแรงไปกับหุ้นใหญ่ตัวอื่นๆ ได้เช่นกัน

แนะซื้อลงทุนระยะยาวAOT
บมจ. ท่าอากาศยานไทย: มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง - ?ซื้อลงทุนระยะยาว?
ราคาปัจจุบัน (บ.) 55.5
ราคาเป้าหมาย (บ.) 71.0
Upside (%) 28

สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
- มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง
- แนะนำ ?ซึ้อลงทุนระยะยาว? ราคาเป้าหมาย ที่ 71.0 บาท
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#10 วันที่: 20/12/2006 @ 10:11:52 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:de4049346c">บล.กรุงศรีอยุธยา [/b:de4049346c">

หุ้นที่มีการปรับลดลงแรง และยังมี Upside สูงน่าเข้า ซื้อ (หรือเก็งกำไรระยะสั้น) ได้แก่ TRUE, PHATRA, ERAWAN, AP, AMATA, SHIN, GSTEEL, DCC, KTB, ROJANA, ADVANC, SCB, ATC, KBANK, QH, BEC, PTT, PTTEP, TOP, RRC (น้ำมันปรับสูงขึ้นด้วยวานนี้ US$0.94/บาร์เรล เป็น US$63.15/บาร์เรล), BBL, LPN, PRIN, BANPU

ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มพอร์ตลงทุนที่ลดน้ำหนักไปแล้วเมื่อวานเหลือ 60% (อาจนำเงินส่วนที่ขายไป มาซื้อเก็งกำไรระยะสั้นๆ ได้) แม้ว่าตลาดจะ Rebound ได้ในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนส่วนหนึ่งได้ลดลงไปแล้วจากมาตรการที่แข็งกร้าวของ ธปท. ที่ออกมาก่อนหน้า (แม้จะมีการผ่อนปรนตามมาก็ตาม) ทำให้เราเห็นว่านักลงทุนที่น้ำหนักหุ้นในพอร์ตเหลือ 60% ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมาซื้อหุ้นคืน รอดูท่าทีก่อน

โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจช่วงนี้จะเป็นกลุ่มหุ้นที่มี Upside สูง + ราคาปรับลดลงมากเมื่อวานนี้ + มีพื้นฐานแข็งแรง + มีการจ่ายปันผล เช่น PHATRA, AP, SHIN, DCC, ROJANA, ADVANC, ATC, PRIN เป็นต้น
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#11 วันที่: 20/12/2006 @ 10:41:47 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:19a5342c67">บล.เกียรตินาคิน [/b:19a5342c67">

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนโดยภาพ รวมเรามองว่าน่าทยอยขายหุ้นเมื่อราคาดีดตัวขึ้นออกไปก่อนได้ ซึ่งจะเป็นระดับดัชนีที่ 700 จุด เช่น BBL (แนวต้าน 117), KTB (13), BAY (19.60), KBANK (67) และรอซื้อไปก่อนจนกว่าเราจะเห็นความผันผวนที่คลายลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาจใช้เวลาอีก 2-3 วัน
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#12 วันที่: 20/12/2006 @ 12:06:19 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:37092e0dc0">บล.ฟาร์อีสท์ [/b:37092e0dc0">


บทวิเคราะห์หุ้นเด่น...วันนี้
CONTRACTOR SECTOR : รถไฟฟ้าเครื่องติด ขอกู้เงินเจบิค 60% วงเงินเกือบแสนล้าน
TSTH : แนวโน้มผลประกอบการปี 50 เติบโตโดดเด่น แต่ยังมีความเสี่ยงหากราคาเหล็กมีความผันผวนบ้างแต่ GPM ที่เพิ่มขึ้น
จะช่วยให้ผลประกอบการไม่ผันผวนแนะนำ ?ซื้อลงทุน?
MCOT : อสมท ปรับผังดึงผู้ผลิตชื่อดังเน้นสาระ 80%
BANKING SECTOR : ทางการผ่อนผันให้เงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไม่ต้องหักสำรอง 30%
SECTOR UPDATE : Construction Materials, Electronic Components, Industrial Estate, Residential
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#13 วันที่: 20/12/2006 @ 12:14:43 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:7188401ec8">บล.พัฒนสิน [/b:7188401ec8">

กลยุทธ์การลงทุน
1) ยังคงแนะนำ Short Sell ที่บริเวณ 644-650 จุด สำหรับนักลงทุนรายวัน รายสัปดาห์ โดยมีจุดซื้อที่ต่ำกว่า 600 จุด ส่วนนักลงทุนระยะยาว ยังคงคำแนะนำ Accumulative Buy สำหรับนักลงทุนระยะ 12 เดือน โดยเป้าหมายสิ้นปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 887 จุด ลดลงจากเดิม 944 จุด

หลักทรัพย์นะนำ :
1) Accumulate : หุ้นเด่นประจำเดือนธันวาคม-มกราคม 2550 : CPF BH QH SKR PDI KBANK SEAFCO KTB MINOR MAJOR UMS AH PR124 KSL
2) หุ้นเด่นทางเทคนิค : KBANK SCB SCC PTTEP PTT
 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#14 วันที่: 20/12/2006 @ 12:21:33 : re: หุ้นเด่น...โบรกแนะนำ...หลังอังคารทมิฬ...
[b:839160d428">บล.ฟาร์อีสท์[/b:839160d428">

-แนะBuy TSTH
Tata Steel (Thailand) PCL.

Buy

Price 1.00 Bt
Target 49 1.40 Bt

บริษัทมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลังการเข้าถือหุ้นของ Tata Steel

แนวโน้มผลประกอบการปี 50 เติบโตโดดเด่น แต่ยังมีความเสี่ยงหากราคาเหล็กมีความผันผวนบ้างแต่ GPM ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผลประกอบการ
ไม่ผันผวนแนะนำ ?ซื้อ?
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com