May 19, 2024   7:21:54 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้นค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 20/12/2006 @ 08:55:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*สงสัยสมมติฐานของเดี๊ยนเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้หญิง 3 คนที่เป็นใหญ่เป็นโตทางด้านการเงินจะอยู่รวมกันไม่ได้กำลังเป็นจริง เพราะหากอยู่รวมกันคราวใดต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นทุกทีไป ซึ่ง 1 ใน 3 คน นั้นประกอบไปด้วย ธาริสา วัฒนเกส ภัทรียา เบญจพลชัย และ โมนิก้า...โดยคนหนึ่งคนใดต้องระเห็ดออกจากวงการนี้ไปในไม่ช้า และคงไม่ใช่ตัวอีฉันอย่างแน่นอน

*เนื่องจากเดี๊ยนไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นอันเป็นที่รักพังทลายลงอย่างราบคาบ และหากให้เดี๊ยนโหวตตัวต้นเหตุออกก็ขอพุ่งเป้าไปยัง เจ๊ธาริสา และลูกพี่อย่าง หม่อมอุ๋ย เพราะเป็นบุคคลที่ทำให้มาร์เก็ตแค็ปของตลาดหุ้นหายวับไปถึง 8.20 แสนล้านบาท เพียงช่วงระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงนะซี

*ผลพ่วงดังกล่าวยังทำให้เจ๊นัยตาคมอย่าง ภัทรียา กลายเป็นเหยื่อจากโศกนาฎกรรมอุ้มค่าเงินบาทของ ธปท. ไปโดยปริยาย เพราะคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยให้สำคัญตลาดหุ้นอย่างที่ควรจะเป็น และหลงลืมไปว่าตลาดหุ้นเป็นแหล่งที่ทำให้บริษัทต่างๆ ลืมตาอ้าปาก จากพิษเศรษฐกิจในปี 2540 ได้อย่างสง่าผาเผย

*อีกทั้งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นก็เป็นคนที่แสวงหาทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงิน การทำให้นักลงทุนย่อยยับคามือ และปล่อยให้คนอย่าง มหาจำลอง สุริยะใส รวมทั้ง รสนา เข้ามามีอำนาจในตลาดหุ้น เป็นเรื่องที่ทำให้คนในแวดวงตลาดหุ้นไม่สามารถยอมรับได้พะยะค่ะ

*โมนิก้า อยากถามว่าตลาดหุ้นผิดตรงไหน เอะ...อะ...ก็มาโทษตลาดหุ้น ทั้งที่ตัวตนเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นอันเป็นที่รักต้องพังครื้นลงมาไม่เป็นท่า เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของ ธปท. ต่างหาก

*งานนี้ก็จะได้รู้กันเสียทีว่า ตลาดหุ้นพัง แล้วจะเกิดอะไรกับประเทศไทย โดยเฉพาะพวกที่ชอบพูดถึงความดีอย่างพร่ำเพรื่อจะได้สำนึกเสียทีว่า การมองอะไรด้านเดียวอย่างสุดขั้วนั้น ส่งผลเสียต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจขนาดไหน และยังทำให้บริษัทที่ต้องการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นเจอปัญหาอีกมากมายนะค่ะ

*ผลดังกล่าวทำให้ ธนาคารพาณิชย์ ได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว เพราะธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จะวิ่งหานายแบงก์เพื่อขอกู้ยืมเงินกันขาขวิดเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งจะทำให้เราพบเห็นการรับเงินใต้โต๊ะชนิดมือเป็นระวิงเป็นเช่นไร...และในไม่ช้าคงเห็นพวกแบงก์เกอร์กลับมาเชิดหน้าชูคอหยิ่งยะโสอีกครั้งชัวส์ป๊าบ

*ที่สำคัญลำดับเหตุการณ์ที่เดี๊ยนเล่าให้ฟังช่างละไม้คล้ายคลึงกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 อย่างไรอย่างนั้นเลย โดยเฉพาะตอนที่คนแบงก์ชาติประกาศอุ้มค่าเงินบาทสุดชีวิต จนเงินสำรองของประเทศสูญไปกว่า 5 แสนล้านบาท โมนิก้า ไม่เห็นคนแบงก์ชาติหน้าไหนออกมายอมรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวเลยสักราย

*คนที่รู้ดีสุดคงหนีไม่พ้น เริงชัย มะระกานนท์ ที่ทำให้เงินทุนของประเทศหร่อยหรอรวมทั้ง เฮียชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่สุดท้ายออกพูดแค่คำว่า ขอโทษ ซึ่งถือว่าสายเกินไปที่จะยอมรับได้ เพราะตอนคนเขาทักท้วงกันเหย่งๆ ว่าดำเนินมาตรการผิดพลาด คุณพี่กลับคิดว่า ไม่มีใครที่รู้ดีไปกว่าคนในแบงก์ชาติ...มันถึงได้บรรลัยไงหล่ะค่ะ

*โมนิก้า จำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี และไม่มีวันลืมเลือนเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นกำลังย้อนกลับมาฉายซ้ำอีกรอบ จนเดี๊ยนรู้สึกว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คงไม่แคล้วคลาดต้องมีคนหมดเนื้อหมดตัวจากมาตรการชุ่ยๆ อย่างแน่นอน

*เดี๊ยนเชื่อว่า ไม่มีใครรู้ดีกว่าใคร และ ปราดเปรื่องไปเสียทุกเรื่อง ถึงขอรบกวน เจ๊ธาริสา และ หม่อมอุ๋ย พิจารณาตนเองก่อนที่จะมีคนสาบแช่งมากกว่านี้ ยิ่งเดี๊ยนเคยพบปะและพูดคุยกับ พันธ์ศักดิ์ วิญรัตน์ ถึงคุณสมบัติคนในแบงก์ชาติมักจะเป็นคนที่ คุยไม่รู้เรื่อง และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะในปัจจุบันไม่มีใครคุยรู้เรื่องเลยสักรายนะซี

*ที่สำคัญ ผู้ว่า ธปท. ไม่มีปากไม่มีเสียง และคล้อยตามกระทรวงการคลังไปเสียทุกเรื่อง เพราะอยู่ภายใต้อาณัติของกระทรวงการคลังแบบนี้ โมนิก้า คิดว่าในไม่ช้าปัญหาเศรษฐกิจด้านต่างๆ จะผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด หลังไม่สามารถสลัดตัวเองออกจากรัฐบาลได้นะซี

*วกกลับมาดูสภาพตลาดหุ้นบ้างดีกว่า เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคใช้การไม่ได้ชั่วคราว และหุ้นที่คิดว่าลงหนักแล้ว วันนี้อาจลงหนักกว่าเมื่อวาน รวมทั้งทำให้แนวต้านสำคัญบริเวณ 700 จุด เป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาในทันทีแบบนี้...คุณๆ คิดว่าดัชนีจะมีโอกาสผงกหัวขึ้นอีกไหมหล่ะ

*ยิ่งบนหน้าตักของนักลงทุนต่างชาติมีเงินค้างในหุ้นอีก 1.80 แสนล้านบาท หลังจากวานนี้เทขายออกไป 2.50 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้ โมนิก้า หวั่นใจว่าวันนี้ดัชนีอาจหลุดทะลุแนวรับ 600 จุด และไหลรูดลงไปถึง 500 จุดเอาง่ายๆ นะซี

*ก่อนจากกันขอชมเชย ภัทรียา เบญจพลชัย และ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่แสดงบทบาทผู้นำได้อย่างโดดเด่น หลังออกมาให้ข่าวว่าพยายามติดต่อคนที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ ธาริสา เอฟเฟ็กส์ ตลอดทั้งวันนะซี...ที่สำคัญไม่ว่าบทสรุปเรื่องนี้จะออกมาอย่างไร

ธาริสา และลูกพี่อุ๋ย ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียวนะจะบอกให้[/color:3a090a7141">[/size:3a090a7141">

 กลับขึ้นบน
Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
#1 วันที่: 20/12/2006 @ 08:58:29 : re: เจาะกระดานหุ้นค่ะ
๐เหตุการณ์ อังคารวินาศ ที่ถล่มหุ้นไทยวานนี้(19 ธ.ค.) ไม่เป็นไปตามที่เกาะกระดานได้คาดการณ์ไว้วันก่อน


เพราะเกาะกระดานเองยังไม่เชื่อสายตาว่า ผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะหนักหน่วง และรุนแรงขนาดนี้ เข้าใจว่าดัชนีหุ้นที่ลดลงอย่างถล่มทลายวานนี้ ที่ลดลงไปต่ำสุดระหว่างวันถึง 142 จุดนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าในช่วงปิดตลาดจะกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 622.14 จุด ลดลง 108.41 จุด หรือ 14.84% ก็ตาม มูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 7.21 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.51 หมื่นล้านบาท สถาบันก็ผสมโรงขายสุทธิ 2.9 พันล้านบาท ขณะที่รายย่อยบินว่อนตลาด วอลุ่มหนาตาถึง 2.8 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นใหญ่-เล็ก หล่นกันถ้วนหน้า ทำให้กระดานหุ้นแดงเถือกทั้งกระดาน

๐ต้องบันทึกไว้ด้วยว่า วันที่ 19 ธันวาคม 2549 เป็นวันที่ก้าว(9) ถอยหลังอีกครั้งของตลาดหุ้นไทย มูลค่าตลาดวันเดียวหายไปกว่า 8 แสนล้านบาท ความหมายง่ายๆ นักลงทุนจนลง 8 แสนล้านบาทนั่นเอง หากย้อนไปในประวัติศาสตร์ ไม่มีครั้งไหนที่หุ้นไทยจะตกมากขนาดนี้ เหตุการณ์ Black Monday เมื่อ 19 ตุลาคม 2530 ยังสู้ไม่ได้ สงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่อเดือนสิงหาคม 2533 ยังเทียบไม่ติด ส่วนเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 ที่เกิดกระแสตื่นภัยก่อการร้ายกันทั่วโลก ยังไม่ติดฝุ่น

๐หุ้นตกวานนี้ เสียงร้องระงมดังทั่วบ้านทั่วเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบวิ่งกันจ้าละหวั่น โบรกเกอร์ แบงก์ชาติ วิ่งเข้าออกในกันวุ่นไปหมด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ถึงกับปาดเหงื่อ ไม่เชื่อว่า ผลข้างเคียงจะรุนแรงถึงปานนี้ และมีข่าวลึกๆ หลังจากที่ท่านได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น และตลาดทุนทุกฝ่ายในช่วงค่ำวานนี้ อาจจะมีการถอย หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เชื่อว่างานนี้พวกที่เข้าไปรับหุ้นวานนี้มีเฮแน่นอน

๐พูดถึงผลงาน 2 เดือนของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ในช่วงนี้เหมือนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก แม้ลงทุนอุตส่าห์ไปไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง ของกระทรวงการคลังรอบใหม่แล้ว ก็ยังช่วยไม่ได้ ในช่วงนี้จึงโดนเรื่องหนักๆ ตลอด ตั้งแต่เรื่องหวยบนดิน ที่ทุกวันนี้ยังโดนกลุ่มแม่ค้าออกมาก่อม็อบทุกวัน ยันเรื่องของคนรวยๆคือหุ้น คิดไปแล้วก็น่าสงสารอยู่เหมือน เรียกว่า คนจนก็ไม่รัก คนรวยก็ไม่ปลื้ม ตัวจริง

๐เห็นบรรยากาศรวมหดหู่แบบนี้ไม่รู้เหมือนว่าทางฝั่งผู้บริหารมีความกังวลหรือความพยายามเข้าประคองราคาหุ้นบ้างหรือไม่ แต่เมื่อมองกระดานรายใหญ่ก็พบว่า หุ้น ปตท.สผ. (PTTEP) มีรายการบิ๊กล็อต 9 รายการ มูลค่ารวมสูงถึง 188.2 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 101.87 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานหลักรูดไปปิดที่ 85 บาท ลดลง 17 บาท หรือ 16.67% มูลค่าการซื้อขาย 4,314 ล้านบาท อดสงสัยไม่ได้ว่าบิ๊กล็อตครั้งนี้ฝีมือบริษัทพยายามประคองราคารึเปล่า? แหม ถ้าอยากดันราคาไม่ให้ต่ำมากก็น่าจะทุ่มมากนี้อีกหน่อยน่ะ

๐ส่วนหุ้นในกระดานต่างประเทศมีเซอร์ไพรส์อยู่ 1 ตัว คือหุ้น แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN-F) โดยปิดที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท หรือ 5.73% แต่มูลค่าการซื้อขายเข้ามาช่วงเกือบปิดตลาดที่ 738 ล้านบาทเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทรนด์ต่างชาติสนใจอสังหาฯ ทำให้มีคนฉวยโอกาสลงทุนช่วงหุ้นขาลง หรือว่าราคาหุ้นต่ำเตี้ยติดดินแล้วกันแน่?

๐แต่ที่น่าแปลกใจคือมีหุ้น 8 ตัวยังเขียวอยู่ได้ คือ TCOT, SAFE, CPH, LHN, US, TCP, DCON, MIPF สอบถามไปยังกูรูเพราะอยากรู้ว่าทำไมหุ้น 8 ตัวนี้ยังยืนสวนกระแส คำตอบทำเอาต้องกุมขมับเพราะกูรูบอกว่า หุ้น 8 ตัวนี้ไม่ได้มีของดีอะไรหรือได้รับอานิสงส์จากมาตรการสกัดค่าบาท แต่ที่ยังเป็นหุ้นเขียวอยู่ได้เพราะได้แรงซื้อนิดหน่อยประคองราคาไว้เท่านั้น และส่วนมากเป็นหุ้นเล็กที่ใช้เงินไม่กี่หมื่นก็ดันหุ้นขึ้นแล้ว



[/color:36c4fd76c8">[/size:36c4fd76c8">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com