สถิติเลวร้ายสุดหลายอย่างเกิดขึ้นตลอดวานนี้ในตลาดหุ้นไทย ทำให้มาร์เกตแค็ปตลาดหายไปเกือบ 15 % หรือ ประมาณ 8.2 แสนล้านบาท

* เมื่อวานนี้ ปรากฎการณ์ Black Tuesday ทำให้ดัชนี SET ตกวันเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย นับแต่ก่อตั้งมา แถมยังทำวอลุ่มมากที่สุดใน 1 วัน7.2 หมื่นล้าน (ไม่รวมกรณีบิ๊กล็อตกลุ่มชินเดือนมกราคมต้นปีนี้) ดัชนีหลุดมาปิดที่ 622.14 จุด ลบไป 108. 41 จุด โอกาสลงต่อยังมี สัญญาณทางเทคนิกพังทลายหมด

* เป็นครั้งแรก อีกเช่นกัน มาตรการ circuit breaker นำมาใช้เป็นครั้งแรกเสียที หลังจากอยู่ในตำราภาคทฤษฎีมายาวนาน ใช้ไปครึ่งชั่วโมง

* นี่ก็สถิติใหม่ วันเดียว TFEX ทำสถิติเทรด 8504 สัญญา เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ตลาดอนุพันธ์เช่นกัน 3954.45 ล้านบาท แต่เป็นสถิติไม่น่ายินดีนัก

* มาตรการทางการเงินชนิดให้ยาแรงเกินโด๊ส ของ ธาริสา วัฒนเกษ ที่กลับจากลาพักร้อนกะทันหัน เซ็นมาตรการแล้ว กลับไปพักร้อนต่อ ให้เหตุผลว่าเพื่อช่วยธุรกิจส่งออก ที่เป็นเสาหลัก สร้าง จีดีพี.ของประเทศ (อ้าว..ไหนว่าไม่ห่วงเรื่องจีดีพี...) ตามคำสั่งของ หม่อมอุ๋ย รองนายกรัฐมนตรี ส่งผลต่อตลาดหุ้นชัดเจนไม่ต้องบรรยายต่อ

* หม่อมอู๋ย หรือ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล พูดชัดเจนว่า ตลาดหุ้นตกอย่างนี้ มีการคาดเดาเอาไว้แล้ว ไม่ประหลาดใจ...สะท้อนจิตสำนึกและวิธีคิดชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ ไม่สนใจตลาดหุ้นอีกแล้ว

* มาตรการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เพื่อสกัดนักเก็งกำไรค่าเงินบาท กลายเป็นการทำลายตลาดทุน วันเดียวความมั่งคั่งที่เพียรสร้างมานานกว่า 5 ปีของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร หายวับไปกับตาถึง 8.2 แสนล้าน

* เมื่อปี 2540 เริงชัย มะระกานนท์ และพวกใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทำความเสียหายให้กับทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศพินาศ 5 แสนล้านบาท แต่วันนี้ ธาริสา เอฟเฟคท์ ทำลายสถิติเสียแล้ว เพราะวันเดียว ทำพินาศไปกว่า 8.2 แสนล้าน...หายนะ..หายนะ

* ไม่รู้ใช้ส่วนไหนของร่างกายคิด การปกป้องภาคส่งออก แต่ทำลายล้างตลาดทุน ถือว่า ตลาดทุนมีแต่พวกนักเก็งกำไรและนักการพนัน ถือเป็นกระบวนทัศน์เบื้องหลังคนกำหนดนโยบายรัฐที่ต้องกลับไปทบทวนความเข้าใจต่อระบบเศรษฐกิจทุนนิยมกันเสียใหม่

* เกียรติก้องเห็นหุ้นบลูชิพใน SET50 และ SET100 ร่วงชนิดติดฟลอร์เป็นทิวแถวด้วยความเศร้าใจ มาร์เกตแค็ป เป็นเรื่องสำคัญต่อตลาดหุ้นทุกแห่งทั่วโลก การที่มาร์เกตแค็ปหายไป จะทำให้กองทุนต่างชาติหนีหน้าไปอีกนานหลายเดือน สมใจพวกเกลียดต่างชาติ

* ต่างชาติขายสุทธิไปเมื่อวานนี้ 2.5 หมื่นล้านบาท กองทุนผสมโรงอีก 3 พันล้าน ต่างชาติเข้ามาแล้ว 2 แสนล้าน ตอนนี้ยังมีเหลือให้ขายอีก 1.8 แสนล้านบาท ตรองเอาเองก็แล้วกันว่า หากต่างชาติขายอีก ดัชนีตลาดจะทานทนได้ที่กี่จุดกันแน่???

* วันนี้อีกเช่นกัน โอกาสที่จะได้เห็นนักลงทุนที่เล่นมาร์จิ้น ถูกโบรกเกอร์จับ ฟอร์ซ เซล (Forced Sells) เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เพราะพอร์ตลดต่ำกว่า 30 % แล้วปฏิบัติการโหดทวงหนี้ลูกค้าซ้ำรอยเหตุการณ์ครั้งที่ เสรี จินตนเสรี เป็นผู้จัดการตลาดหุ้นในอดีต?เป็นไปได้สูงยิ่ง ไม่คาดว่าจะได้เห็น ก็ต้องเห็นซ้ำอีกครั้ง

* อัจนา ไวความดี รองผู้ว่าแบงก์ชาติ ออกมายืนยันชัดเจนว่า จะไม่มีการทบทวนมาตรการสกัดนักเก็งกำไรที่ออกมาเด็ดขาด เพราะเพิ่งใช้ไปยังไม่ทันถึง 24 ชั่วโมง ท่าทีเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น...

* ปรากฎการณ์ตลาดหุ้นพัง มีอย่างเดียวคือ 1) นับจากนี้ไป จะมีสินค้าเข้าระดมทุนในตลาดน้อยลง 2) นักลงทุนต่างชาติหายหน้าจากไป ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นตลาดมิกกี้เม้าส์ 3) บริษัททั่วไปต้องซมซานไปขอกู้เงินจากแบงก์พาณิชย์ที่มีอำนาจต่อรองผูกขาดมหาศาล พร้อมจ่ายใต้โต๊ะเวลาขอกู้ 4) อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินจะต้องเพิ่มสูงขึ้น เพราะธุรกิจไม่มีทางออก

* ทั้งหมดนี้ เพราะวิธีคิดของผู้บริหารนโยบายการเงินที่ตีนไม่ติดดิน ไม่อยู่ในโลกของความจริง...มองเห็นตลาดทุนเป็นบ่อนการพนัน เห็นนักลงทุนเป็นยักษ์มาร หรือ กาฝากสังคม..อนิจจาประเทศไทย ภายใต้อุ้งเท้าเผด็จการอำมาตยาธิปไตย

* วันนี้ ต่างชาติจะยังคงขายต่อ ใกล้ซ้ำรอยเหมือนตลาดหุ้นมาเลย์ ที่มาตรการมหาเธร์ โมฮัมหมัดทำดัชนี KLSE เมื่อปี 2541 ตกไป 5 เดือนถึง 500 จุด

* ด้าน ITV ข่าวร้ายยังไม่หมด ล่าสุด สปน.ยืนยันซ้ำ ไม่ลดค่าปรับ และไม่เลื่อนกำหนด 45 วันต้องจ่ายเหมือนเดิม...งานนี้ ทรงศักดิ์ เปรมสุข คิดว่าจะอยู่ได้ก็ให้มันรู้ไป

* จบท้ายก่อนจาก...รัฐมนตรีคลัง และ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ควรลาออกพร้อมกัน ก่อนที่ตลาดหุ้นจะพังมากกว่านี้...นี้คือ คำเรียกร้องสุดท้าย เพราะปีนี้ ไม่มีแล้ว คริสต์มาส แรลลี่ มีแต่หายนะเท่านั้นรอท่าอยู่ ..................

ทำใจแล้วครับกับเงินที่เสียไปแต่ผมคงทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นหน้าคนที่ทำให้ผมเสียเงินโดยที่ผมไม่ผิดเลย เขายังลอยหน้าอยู่ได้ ถ้ามาตรการนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงใครจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ .000c